นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวให้ข้อมูลว่า การเปิดโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม เพาเวอร์ (ดับบลิวเอชเอ) 1 หรือ BGP(WHA)1 เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมระบบ Co-generation ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 130.2 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 30.0 ตันต่อชั่วโมง เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เป็นการลงทุนร่วมระหว่าง บี.กริม เพาเวอร์ กับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด โดยโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี ซึ่งมีผู้ประกอบการกว่า 100 ราย ในภาคอุตสาหกรรมเหล็ก อิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน ชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงบริษัทย่อยและบริษัทรวมของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ นับเป็นการตอกย้ำการเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า SPP รายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยของ บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งปัจจุบันที่มีฐานการลงทุนด้านโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"BGP(WHA)1 เป็นโรงไฟฟ้า SPP โรงที่ 12 และแห่งล่าสุดของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดยกำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 90 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญาผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กเป็นระยะเวลา 25 ปี ส่วนไฟฟ้าส่วนที่เหลือและไอน้ำทั้งหมด จะถูกจำหน่ายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ภายในเขตนิคมอุตสาหกรรมเหมราชชลบุรี โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ได้มอบสิทธิให้ บี.กริม เพาเวอร์ แต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช
"จากการคาดการณ์ของกระทรวงอุตสาหกรรม ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยจะขยายตัวจากปี 2559 ประมาณ 3 - 4% ทำให้ บี.กริม เพาเวอร์ เชื่อว่ากำลังผลิตจากโครงการโรงไฟฟ้าจะเป็นอีกปัจจัยที่สามารถช่วยรองรับความต้องการใช้ฟ้าที่เพิ่มขึ้นในภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพสูง ทั้งยังช่วยส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" คุณปรียนาถ กล่าวเสริม
นอกจากนี้การเปิดโรงไฟฟ้า BGP(WHA)1 ยังเป็นการยกระดับความเชื่อมั่นด้านศักยภาพการผลิตและการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่จะมีส่วนช่วยสนับสนุนแผนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกหรือ ไอพีโอ โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 775,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 2 บาทต่อหุ้น ตั้งเป้าระดมทุนเพื่อดำเนินการพัฒนาและก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในไทยและต่างประเทศ พร้อมชำระคืนเงินกู้ เสริมความแกร่งและศักยภาพในการเติบโตของบริษัท และคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้นแก่นักลงทุนได้ในช่วงต้นไตรมาสที่ 3 ปี 2560
บี.กริม เพาเวอร์ ยังคงเดินหน้าสานต่อการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าตามที่วางไว้ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครอบคลุมทั้งโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 18,749.0 ล้านบาท และจะมีโรงไฟฟ้าที่สามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้อีก 2 โครงการ ในปี 2560 ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซน้ำน้อย 2 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกะตำ 1 ในสปป.ลาว นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 10 โครงการ ซึ่งจะทำให้ภายในปี 2564 บริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้วจำนวนทั้งสิ้น 43 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้นเป็น 2,357 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำรวมเพิ่มขึ้นเป็น 500.0 ตันต่อชั่วโมง ซึ่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 2,111.1 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 114.2 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 102.6 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม 16.0 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง 13.0 เมกะวัตต์"บี.กริม เพาเวอร์ มีศักยภาพการเติบโตที่ชัดเจนและมั่นคง ด้วยความเชี่ยวชาญของทั้ง
ทีมบริหารและวิศวกร รวมถึงเทคโนโลยีคุณภาพระดับสากลที่เราเลือกใช้ พร้อมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันเราก็ยังคำนึงถึงการรักษาสมดุลของธรรมชาติและวิถีชีวิตของชุมชนในละแวกใกล้เคียง มุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ที่เราภูมิใจ ซึ่งก็คือการ 'สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี' " คุณปรียนาถ กล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit