ธุรกิจบริการด้านอาหารโต 2 หมื่นล้าน “ฟู้ดสไตลิสท์” จัดทัพร่วมชิงเค้ก แตก 3 แบรนด์ รุกธุรกิจผู้ให้บริการด้านอาหารครบวงจรรายแรกของไทย วางเป้าปีแรก 100 ล้านบาท

04 Dec 2015
ธุรกิจบริการด้านอาหารกระแสแรงมูลค่าตลาดโตแตะ 2 หมื่นล้าน ด้าน ฟู้ดสไตลิสท์ สบช่องจัดทัพพร้อมแตกไลท์ธุรกิจเพิ่ม 3 แบรนด์ ฟู้ดสไตลิสท์ แชนแนล, ฟู้ด ซิกเนเจอร์ และ ฟู้ด ครีเอทีฟ เฮ้าส์ เป็นผู้ให้บริการด้านอาหารครบวงจรรายแรกของไทย วางเป้ารายได้ปีแรก 100 ล้านบาท

นางสาวไอริณ ฤกษะสาร ผู้อำนวยการ บริษัท ฟู้ดสไตลิสท์ จำกัด กล่าวถึงการเติบโตของธุรกิจบริการด้านอาหารของไทยว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมาทั้งในด้านของจำนวนและมูลค่าการตลาด แม้สภาพโดยรวมในปีนี้จะมีการชะลอตัวบ้างแต่ก็ยังสามารถเติบโตได้ประมาณ 3% ถือว่าได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามมีการคาดว่ามูลค่าของธุรกิจบริการด้านอาหารในปี 2558 น่าจะโตได้ถึง 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้เกิดจากแข่งขันของผู้ประกอบการและผู้ให้บริการด้านอาหาร ร้านอาหาร และโรงแรม ต่างจำเป็นต้องหาจุดเด่นเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ฟู้ดสไตลิสท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจบริการด้านอาหารของไทยจะได้ขยายธุรกิจให้มีความครบวงจรเพิ่มมากขึ้น

โดยการปรับทัพองค์กรและขยายธุรกิจในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับนโยบาย ทิศทางการดำเนินธุรกิจ และ เพื่อความครอบคลุมในทุกส่วนของงานบริการด้านอาหารที่ครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทยอย่างแท้จริง โดยในแต่ละบริการนั้นจะอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ 3 แบรนด์ใหม่ที่ได้ก่อตั้งขึ้น ได้แก่ ฟู้ดสไตลิสท์ แชนแนล ให้บริการในส่วนของการเป็นศูนย์กลางด้านความรู้ ข่าวสาร ฐานข้อมูลผู้ประกอบการ และการเป็นสังคมออนไลน์ของผู้สนใจด้านอาหารแนวสร้างสรรค์ โดยมีช่องทางการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและผู้สนใจในด้านอาหารผ่านนิตยสารฟู้ดสไตลิสท์ และ ช่องทางออนไลน์ที่ทางบริษัทฯ ให้ความสำคัญมากขึ้นทั้งในส่วนของเว็บไซต์ www.foodstylistchannel.com และ Social Network อย่างเฟสบุ๊ค www.facebook.com/foodstylistfanpage ส่วนโครงสร้างรายได้ของ ฟู้ดสไตลิสท์ แชนแนล จะมาจากค่าโฆษณา การจัดกิจกรรม และการอบรมสัมมนา ซึ่งเป้าหมายรายได้ในปี 2559 คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท

สำหรับแบรนด์ที่สอง คือ ฟู้ด ซิกเนเจอร์ จะดำเนินธุรกิจในลักษณะ ฟู้ด อีเวนท์ เอเจนซี่ โดยให้บริการในการจัดกิจกรรมด้านอาหารและกิจกรรมพิเศษสำหรับผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจอาหาร ในกลุ่มนี้นับว่ามีความสำคัญและเติบโตอย่างรวดเร็ว จากการที่ไทยเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมอาหารของโลก ทั้งในเรื่องของการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และ บริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหาร ทำให้มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับอาหารเกิดขึ้นอย่างมากมายทั้งระดับท้องถิ่นจนถึงนานาชาติ ซึ่งการดำเนินงานของ ฟู้ด ซิกเนเจอร์ จะให้บริการครอบคลุมทั้งในส่วนของการจัดกิจกรรมด้านการตลาด นิทรรศการ งานประชุม งานแสดงสินค้า การประกวด กาล่า ดินเนอร์ และการแข่งขันด้านอาหาร ด้วยจุดเด่นและความแตกต่างจากคู่แข่งในเรื่องความเป็นมืออาชีพเกี่ยวกับการบริการด้านอาหารอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จัดงานใหญ่ระดับประเทศและนานาชาติหลายงาน อาทิ The 1st Thailand Gourmet Festival, Thailand Culinary World Challenge, The ๕ Spirits of Taste, Mekhong Elite Table ฯลฯ ทำให้ในปีนี้จะมีรายได้รวมจาก ฟู้ด ซิกเนเจอร์ ประมาณ 40 ล้านบาท และน่าจะเติบโตขึ้นอีก 35% ในปี 2559

ส่วนอีกหน่วยงานหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มใหม่สำหรับประเทศไทย คือ แบรนด์ ฟู้ด ครีเอทีฟ เฮ้าส์ ที่ดูแลและให้บริการด้านการดำเนินธุรกิจอาหารตั้งแต่เรื่องของการดำเนินธุรกิจ การก่อตั้ง การจัดหาแหล่งวัตถุดิบ การจัดหาเชฟ การสร้างสรรค์เมนูและการตกแต่งอาหาร รวมถึงเรื่องของแผนและกลยุทธ์ทางการตลาดอีกด้วย โดยการเกิดขึ้นของ ฟู้ด ครีเอทีฟ เฮ้าส์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวของการพัฒนาธุรกิจบริการด้านอาหารของไทย เพราะวันนี้บุคลากรด้านอาหารของไทยได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบการและผู้ให้บริการร้านอาหารทั่วโลก ทั้งในด้านของความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และฝีมือการทำอาหาร รวมถึงธุรกิจร้านอาหารและโรงแรมต่างต้องการจุดเด่นที่สามารถดึงดูดให้ลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการได้ตลอดเวลาจึงจำเป็นต้องหาความเป็นเอกลักษณ์และสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างให้เกิดเป็นมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหาร การออกแบบตกแต่งอาหาร และ รูปแบบของร้าน ซึ่งหลังจากมีการเปิดตัวแบรนด์ ฟู้ด ครีเอทีฟ เฮ้าส์ออกไปก็ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศสิงค์โปร์

การปรับองค์กรและขยายธุรกิจใหม่เพิ่มในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้รายได้ของกลุ่ม บริษัท ฟู้ดสไตลิสท์ จำกัด จะเติบโตได้ถึง 100 ล้านบาท ในปี 2559 โดยมาจาก ฟู้ด ซิกเนเจอร์ 70% หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท ฟู้ดสไตลิสท์ แชนแนล 20% หรือประมาณ 20 ล้านบาท และฟู้ด ครีเอทีฟ เฮ้าส์ 10% หรือ ประมาณ 10 ล้านบาท