"ผมเข้าวงการด้วยการไปแคสติ้งจากนั้นก็ได้มีโอกาสเล่นละคร ช่วงที่เล่นละครก็ได้มีโอกาสรู้จักกับพี่อิมผ่านทางไอจี ตอนนั้นพี่เขาขายเคสมือถือก็เลยได้มีโอกาสได้คุยกันเรื่อยมาจนตัดสินใจคบกันเป็นแฟน ช่วงเวลาที่คบกันประมาณ1 ปี 4 เดือนกฌดีไม่มีปัญหาอะไร อาจจะมีทะเลาะกันบ้างงอนกันบ้างเหมือนกับลิ้นกับฟันที่จะต้องกระทบกันบ้างแต่ก็ไม่ได้หนักอะไร ส่วนปัญหาที่ต้องเลิกกันนั้นผมคิดว่าเกิดมาจากการทำธุรกิจเรื่องของการทำรายการทีวีมากกว่าเพราะเรื่องของทัศคติการทำรายการที่ไม่ค่อยตรงกัน"
"ตอนที่คบกันเป็นแฟนผมกับพี่อิมก็ได้มีโอกาสคุยกันเรื่องของการทำรายการทีวีแต่ว่าตอนนั้นไม่รู้ว่าจะช่องไหนดี ผมก็เลยไปคุยกับคุณพ่อของผมให้ช่วยแนะนำจนได้มีโอกาสเข้าไปคุยกับทางช่องหนึ่งเพื่อนำเสนอรูปแบบรายการ ซึ่งทางช่องก็บอกแนวทางมาว่าอยากได้รูปแบบรายการที่เป็นท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมประเพณีแต่ดูสนุก หลังจากที่นำเสนอรูปแบบรายการแล้วเพียงไม่นานทางช่องก็โทรมาบอกว่าจะอนุมัติเวลาให้ทำก็เลยใช้ชื่อรายการว่า เที่ยวครี้นเครง และด้วยความที่มันกระทันหันกับเรื่องของการได้รายการมาผมและพี่เขาก็ยังไม่ได้จดทะเบียนชื่อบริษัทด้วยกันก็เลยมานั่งปรึกษาและคุยกันและก็ตกลงว่าในการไปเซ็นสัญญากับช่องนั้นให้ใช้ชื่อบริษัทของพี่เขาไปเซ็นสัญญาเป็นการชั่วคราวจนกว่าผมกับพี่เขาจะได้ชื่อบริษัทแล้วก็จะไปเปลี่ยนตอนหลัง"
แอค ณัฎฐวุฒิ กล่าวต่อว่า "หลังจากที่รายการออกอากาศเทปแรกไปแล้วผมก็ได้มีโอกาสคุยกับทางคนดูแลทางช่องซึ่งทางพี่เขาก็แจ้งมาว่าขอให้มีการปรับปรุงเนื้อหารายการบ้างเพราะตอนเทปแรกที่ออกอากาศนั้นมันมีเรื่องของการถือสินค้าในรายการ ซึ่งตอนที่เราเข้าไปเสนอรายการตอนแรกนั้นไม่มีเรื่องนี้ก็เลยนำเอาเรื่องนี้มาคุยกับพี่เขาและพี่เขาก็เริ่มคิดว่าผมจะบีบเขาออกจากรายการ ซึ่งเรื่องนี้ผมขอยื่นยันเลยว่าไม่เคยคิดเลยเพราะผมจะไปบีบพี่เขาออกจากรายการได้อย่างไรเพราะรายการนี้ตอนไปเซ็นสัญญาก็เป็นชื่อบริษัทของพี่เขาแล้วผมจะไปบีมเขาได้อย่างไร
"สำหรับเรื่องที่ผมนำเอารูปแบบรายการ เที่ยวครี้นเครง ไปขายสปอนเซอร์เองนั้นเรื่องนี้ผมอยากจะบอกว่าความจริงแล้วพี่เขาก็เข้าใจผิดเพราะตอนนั้นผมก็ยังไม่มีบริษัทแล้วจะไปขายเพื่อเข้าบริษัทตัวเองได้อย่างไร ผมยืนยันเลยว่าไม่ได้นำรายการ เที่ยวครี้นเครง ไปขายเพื่อนำเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัว ผมตั้งใจจะร่วมสร้างไปกับพี่เขาอยู่แล้วดังนั้นผมจะไปขายเพื่อเข้าส่วนตัวเพื่ออะไร"
แอค ณัฎฐวุฒิ กล่าวเสริมว่า "หลังจากที่แนวทางการทำงานไม่ตรงกันแล้วพร้อมทั้งคุยกับทางพี่ชายของพี่เขาแล้วก็ไม่สามารถที่จะเดินต่อไปได้ ผมก็เลยตัดสินใจยกรายการนี้ให้เค้าไปเลยแต่ผมขอเพียงแค่เงินที่ได้ร่วมลงทุนไปตอนนั้นคืนเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ผมไปทำรายการใหม่ก็เพราะว่าตอนนั้นมีปัญหากันและถึงวันที่จะต้องถ่ายทุกอย่างนัดไว้หมดแล้ว ถ้าพี่เขาไม่สามารถมาถ่ายได้ผมก็ต้องถ่ายรายการเพื่อที่จะต้องมีอากาศในเทปถนัดไป ซึ่งช่วงนั้นก็นัดเคลียร์กันเรื่องของบัญชีด้วยว่าจะอย่างไงกันจนวันที่ 17 เม.ยที่ผ่านมาเพื่อนโทรมาบอกว่าเห็นข่าวผมว่าเลิกกับพี่เขาแล้ว ผมยังงงอยู่เลยเพราะวันนี้ยังนัดเคลียร์กันเรื่องบัญชีเงินต่างๆกันอยู่เลย และเมื่อทำธุรกิจกันไม่ได้แล้วผมก็เลยตัดสินใจไปเสนอรายการใหม่กับช่องชื่อรายการ เที่ยวกันมั๊ย ซึ่งผมเป็นคนทำเองทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่ผมเอารายการไปขายตอนนั้นบอกเลยว่าไม่ใช่แน่นอนตอนนั้นชื่อรายการชื่อบริษัทยังเป็นของพี่เขาอยู่เลย"
"ส่วนเรื่องที่พี่เขาเคยบอกว่าผมไม่รักเขาแล้วนั้นความจริงแล้วไม่จริง ผมอยากจะบอกว่าทุกวันนี้ผมยังรู้สึกดีกับเค้าอยู่เลย ถ้าผมไม่รักหรือว่าไม่รู้สึกดีกับพี่เขาแล้วผมจะไปร่วมทุนทำรายการกับเขาเพื่ออะไรเพราะอยากที่จะเดินหน้าไปด้วยกัน ส่วนหลังจากที่พี่เขาออกมาแถลงข่าวตอนนั้นผมผมไม่ออกมาตอบโต้นาน2-3 เดือนนั้นความจริงแล้วผมคิดว่าตอนเรารักกันมันก็เป็นเรื่องของคนสองคน เมื่อเกิดปัญหาก็อยากที่จะให้เป็นเรื่องของคนสองคนเหมือนกัน ผมไม่อยากที่จะออกมาสาดโคลนใส่กัน ตอนที่มีข่าวผมเป็นผู้ชายเวลาไปไหนมาไหนคนจะมองผมอย่างไรไม่เป็นไรผมทนได้ แต่วันนี้ที่ออกมาพูดเพราะว่ามันมีผลกระทบกับครอบครัว คุณพ่อผมเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็มีคนมาถามเยอะถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบกับครอบครัวผมก็คงอยู่เชยๆ แต่มันมีผลกระทบวันนี้ผมเลยอยากที่จะออกมาชี้แจ้งทุกเรื่องว่าความจริงแล้วเป็นอย่างไร และเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดผมก็อยากที่จะขอโทษพี่เขาว่าถ้าเกิดมีเรื่องของการสื่อสารหรือว่าประโยคอะไรที่มันผิดหรือทำให้เข้าใจผิดผมก็ต้องขอโทษด้วยครับ"
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit