ฟรอสต์ฯเผย LinkedIn ซื้อเว็บไซต์ SlideShare เสริมความแกร่ง พร้อมทะยานในโลกออนไลน์

15 May 2012

กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน

เครือข่ายสังคมสำหรับคนทำงาน LinkedIn เข้าซื้อเว็บไซต์ SlideShare มูลค่ารวม 119 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเป็นเงินสดและหุ้น

นาง ออเดรย์ วิลเลียม หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านไอซีที บริษัทฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ได้ให้ความเห็นว่า ปัจจุบัน โซเชียลมีเดียมีบทบาทต่อโลกธุรกิจเป็นอย่างมาก และการเข้าซื้อ SlideShare ในครั้งนี้ก็เป็นกลยุทธ์ของ LinkedIn ในการรักษาความเป็นผู้นำด้าน professional networking platform อย่างแท้จริง เนื่องจากทั้งสองเว็บเป็นเครือข่ายสำหรับคนทำงานมืออาชีพ โดย LinkedIn ช่วยแสดงตัวตนของผู้ใช้ ในขณะที่ SlideShare จะแสดงความรู้และความสามารถผ่านออกมาในสไลด์ ซึ่งจะเสริมกันได้เป็นอย่างดี “LinkedIn ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีฐานสมาชิกเพิ่มขึ้นจาก 150 ล้านเป็น 161 ล้านในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา โดยได้มีพัฒนาการใหม่ๆออกมาอยู่เสมอ อาทิ การให้ทวีตเตอร์ส่งข้อมูลผ่านทาง LinkedIn ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มคนทำงานและวงการโฆษณาในการสร้างรายได้จากฐานสมาชิกเป็นอย่างยิ่ง”

ปัจจุบัน LinkedIn เริ่มมีรายได้จากการสรรหาบุคลากร ซึ่งจะมีผลกระทบกับวงการสรรหาบุคลากรแบบเดิมๆอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยในอนาคต บริษัทต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงวิธีคัดสรรบุคลากรจากแบบเดิมมาเป็นการโฆษณาผ่านทางเว็บไซต์ LinkedIn และสามารถทราบถึงข้อมูลของผู้สมัครผ่านทางโปรไฟล์ ทวิตเตอร์ และข้อมูลออนไลน์ต่างๆ ซึ่งนับเป็นวิธีการที่น่าสนใจในการคัดสรรบุคลากรขององค์กรเป็นอย่างมาก

LinkedIn มีรายได้จากหลายช่องทาง อาทิ การสมัครเป็นสมาชิกระดับพรีเมี่ยม ค่าธรรมเนียมการรับสมัคร และค่าโฆษณา เป็นต้น ซึ่งฟรอสต์แอนด์ ซัลลิแวน คาดว่า รายได้เหล่านี้น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนี้

ดร. มนธ์สินี กีรติไกรนนท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลกได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า “สำหรับประเทศไทย Linkedin มีจำนวนสมาชิกประมาณเกือบ200,000 ราย ซึ่งนับว่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับ Facebook ซึ่งมีมากกว่า10ล้านราย แต่เนื่องจากการเติบโตของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนผู้ใช้งาน Linkedin ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามกัน โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณเกือบ 20% ของผู้ใช้งาน Linkedin ทั ้งหมด และที่น่าสนใจคือกลุ่มผู้ใช้งานlinkedin เหล่านี้ เป็นตลาดบนที่มีกำลังซื้อสูง”

“ดังนั้น การที่ Linkedin ซื้อ Slideshare นอกเหนือจากเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำของสังคมออนไลน์สำหรับคนทำงาน (professional portal) แล้ว ยังเป็นเพิ่มมูลค่าให้กับ Linkedin เอง โดยสามารถเชื่อมโยงFeature ให้สามารถแชร์ผลงานผ่านทาง Slideshare นอกเหนือจากโปรไฟล์ของสมาชิก รวมถึงการให้บริการเสริมแบบพรีเมี่ยมด้านอื่น ที่หลากหลายขึ้น ตลอดจนเป็นการเพิ่มรายได้จากการอัพค่าโฆษณา ซึ่งเป็นรายได้หลักส่วนหนึ่งของ Linkedin ในปัจจุบัน เนื่องจากมีฐานสมาชิกมากขึ้นจากการรวมกันของสองเวป”

“เชื่อว่าฐานสมาชิกนับแสนของ Linkedin ที่มีอยู่ในประเทศไทยนั้น มีความพร้อมที่จะจ่ายอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่า Linkedin พร้อมและฉลาดขนาดไหน ในการเชื่อมโยงและนำหัวใจหลักของSlideshare มาใช้ให้เป็นประโยชน์” ดร. มนธ์สินีกล่าวทิ้งท้าย

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net