คาดเงินบาทแข็งค่ายังไม่กระทบภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้น

ในขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก ราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยได้ขยับเพิ่มขึ้นตามมากด้วยเช่นกันเมื่อคิดเป็นสกุลเงินดอลลาร์ สถานการณ์เช่นนี้ กำลังเอื้อประโยชน์ให้กับชาวต่างชาติที่ปล่อยขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองไว้ในประเทศไทยในขณะนี้ เพราะเงินที่ได้จากการขายจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อแลกเป็นดอลลาร์ แต่ในขณะเดียวกัน การแข็งค่าของเงินบาทกำลังทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีความกังวลถึงผลกระทบเชิงลบที่อาจจะเกิดตามมา ตามการรายงานจากบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ โจนส์ แลง ลาซาลล์ นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ โจนส์ แลง ลาซาลล์ กล่าวว่า “เริ่มมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากภาวะเงินบาทที่กำลังแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้ซื้อชาวต่างชาติเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่ง อาทิ คอนโดมิเนียมระดับไฮเอ็นด์ในกรุงเทพฯ และบ้านพักตากอากาศในภูเก็ต” นางสุพินท์กล่าวว่า การที่เงินบาทแข็งค่าเพิ่มสูงขึ้นจะทำให้อสังหาริมทรัพย์ในไทยมีความน่าสนใจลดลงสำหรับผู้ซื้อชาวต่างชาติ อย่างไรก็ดี เชื่อว่าในระยะสั้น จะยังไม่ส่งผลกระทบที่มีนัยสำคัญแต่อย่างใดต่อตลาด เนื่องจากผู้ซื้อหลักในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในขณะนี้เป็นผู้ซื้อชาวไทย ส่วนผู้ซื้อชาวต่างชาติได้ลดบทบาทลงไปมากอยู่ก่อนแล้วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “นับตั้งแต่เกิดความไม่แน่นอนทางการเมืองในไทยต่อเนื่อง และโดยเฉพาะหลังเกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินโลกขึ้น จำนวนชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ไม่ว่าจะเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง เพื่อเป็นอยู่อาศัยหลังเกษียณอายุ เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศ หรือแม้แต่เพื่อการลงทุน ได้ลดจำนวนลงไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะผู้ซื้อจากอเมริกา ยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งไม่มีบทบาทอีกเลยหลังปลายปี 2551 เนื่องจากภูมิภาคเหล่านี้ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากวิกฤติการณ์ทางการเงินโลก ส่วนเอเชีย แม้จะเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบไม่มากนักจากวิกฤติการณ์ทางเงินโลกที่เกิดขึ้น แต่ชาวเอเชียที่เคยสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย ได้ชะลอการซื้อลงด้วยเช่นกัน เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง โดยส่วนใหญ่ยังคงรอดูสถานการณ์” ในภาพกว้าง หากเงินบาทยังคงแข็งค่าต่อไป มีการคาดการณ์ว่าจะส่งกระทบภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภาคธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากความต้องการในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผูกติดอยู่กับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเป็นหลัก นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนต้องการให้ภาครัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางสุพินท์กล่าวว่า หากการลดอัตราดอกเบี้ยจะสามารถชะลอการแข็งค่าของเงินบาทได้จริง ก็จะเป็นมาตรการที่มีประโยชน์มาก เพราะจะส่งผลพลอยได้ให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับประโยชน์ด้วย โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่อยู่อาศัยด้วย ซึ่งจะช่วยลดภาระด้านดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย พร้อมๆ กับลดต้นทุนเงินกู้สำหรับผู้พัฒนาโครงการ โจนส์ แลง ลาซาลล์ โจนส์ แลง ลาซาลล์ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ค เป็นบริษัทบริการมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยให้บริการที่ครบวงจรโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกแก่ลูกค้าที่ต้องการคุณค่าสูงสุดจากการเป็นเจ้าของ ใช้ประโยชน์หรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2552 โจนส์ แลง ลาซาลล์มีรายได้ทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 2.5 พันล้านดอลลาร์ จากการให้บริการแก่ลูกค้าใน 750 เมืองของ 60 ประเทศ ผ่านสำนักงาน 180 สาขาในประเทศไทย โจนส์ แลง ลาซาลล์ เปิดดำเนินการในปี 2533 และปัจจุบันเป็นบริษัทระหว่างประเทศที่ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในไทย โดยมีพนักงานราว 1,000 คน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ วินัย ใจทน 02 624 6540 [email protected] www.joneslanglasalle.co.th

• ข่าวโจนส์ แลง ลาซาลล์
• ข่าวสุพินท์ มีชูชีพ
• ข่าวโจนส์ แลง ลาซาล
• ข่าวอสังหาริมทรัพย์
• ข่าวชาวต่างชาติ