สำนักงาน ก.พ. ผลักดันทุกส่วนราชการเร่งประเมินผลงาน

กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--สำนักงาน ก.พ.

เลขาธิการ ก.พ. เชื่อมั่นระบบการประเมินผล งานและการเลื่อนเงินเดือน ขรก.ระบบใหม่ที่ยึดหลัก การจ่ายค่าตอบแทนตามผลงาน จะสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการ ชี้ระบบใหม่เป็นระบบที่ ใครมีผลงานที่ดีต้องได้รับค่าตอบแทนที่ดี นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2551 เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการจากบัญชีอัตราเงินเดือนแบบ “ขั้น” ไปเป็นบัญชีอัตราเงินเดือนแบบ “ช่วง” เพื่อให้โครงสร้างเงินเดือนข้าราชการในอนาคตมีความยืดหยุ่น ดังนั้น การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการจึงเปลี่ยนจากระบบเดิมที่เป็นการเลื่อนแบบ “ขั้น” เป็นการเลื่อนแบบ “ร้อยละ” โดยยึดหลักการจ่ายค่าตอบแทนตามค่างาน และผลงาน บทบาทของผู้บังคับบัญชาในการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการระบบใหม่จะมีมากขึ้นกว่าเดิมในฐานะผู้รับผิดชอบงานและขับเคลื่อนการทำงานของส่วนราชการ อย่างไรก็ดี ผลการเลื่อนเงินเดือนจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับต้นทาง คือ ระบบการประเมินผลการปฏิบัติราชการ ซึ่งต้องสามารถวัดผลการปฏิบัติงานของข้าราชการได้อย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรมมากขึ้น เพื่อให้เปอร์เซ็นต์เลื่อนเงินเดือนตรงกับผลการปฏิบัติงานที่แท้จริง สำนักงาน ก.พ. จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการใหม่ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของส่วนราชการและจังหวัด เช่น การกำหนดองค์ประกอบการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างน้อย 2 องค์ประกอบ คือ ผลสัมฤทธิ์ของงาน และ พฤติกรรมการปฏิบัติราชการ ซึ่งส่วนราชการสามารถกำหนดมากกว่า 2 องค์ประกอบก็ได้ แต่ทั้งนี้ ผลสัมฤทธิ์ของงานจะต้องมีสัดส่วนคะแนนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 จากคะแนนเต็ม 100 การกำหนดระดับผลการประเมินอย่างน้อย 5 ระดับ ซึ่งส่วนราชการสามารถกำหนดได้มากกว่านี้ก็ได้ เป็นต้น ดังนั้น จากกรอบมาตรฐานที่เปิดแนวทางให้มีความยืดหยุ่น ส่วนราชการสามารถกำหนดวิธีการประเมิน สัดส่วนการประเมิน ระดับคะแนนการประเมิน ฯลฯ ที่แตกต่างไปได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสม สำหรับกระบวนการประเมินผลการปฏิบัติราชการจะเริ่มต้นตั้งแต่ต้นรอบการประเมิน (กำหนดให้ประเมินปีละ 2 รอบ คือ รอบแรก 1 ต.ค. – 31 มี.ค. และรอบสอง 1 เม.ย. – 30 ก.ย.) ผู้บังคับบัญชาและข้าราชการจะต้องเริ่มต้นด้วยกัน ตั้งแต่การมอบหมายงาน ตกลงการทำงานร่วมกันโดยมีตัวชี้วัดและเป้าหมายงาน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาและสร้างผลสัมฤทธิ์ของงานร่วมกัน และเมื่อถึงปลายรอบการประเมินก็จะประเมินผลงานจริงเทียบกับข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ตอนต้นรอบการประเมิน ซึ่งผลงาน จะมองทั้งในเชิงปริมาณว่าทำได้มาก ได้น้อย เพียงใด คุณภาพของผลงานเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ มีความฉับไวในการทำงาน ลดขั้นตอนการทำงาน หรือมีความคุ้มค่าในการใช้ทรัพยากรอย่างไร สำหรับพฤติกรรมการทำงาน จะประเมินจากสมรรถนะ เช่น มีความตั้งใจและพยายามทำงานให้ดีทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ถูกต้อง ให้บริการด้วยไมตรีจิตเกินความคาดหวังของประชาชนผู้รับบริการ ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นต้น ตามแนวทางการประเมินใหม่ดังกล่าวข้างต้น จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อข้าราชการและหน่วยงาน เพราะแต่ละบุคคลจะเห็นภาพที่ชัดเจนว่า การทำงานของตนส่งผลต่อความสำเร็จของส่วนราชการอย่างไร ผลงานของตนมีผลกระทบต่อเป้าหมายรวมขององค์กรอย่างไร รวมทั้งการได้รับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อกับความทุ่มเทในการทำงานจนเกิดผลสัมฤทธิ์มากขึ้น ทั้งการประเมินก็ยังสามารถลดวิจารณญาณส่วนตัวของผู้ประเมิน หรือลดความเอนเอียงในการประเมิน เพราะข้อตกลงเบื้องต้นร่วมกันระหว่างผู้ถูกประเมินและผู้ประเมินว่าจะประเมินผลงานอย่างไร ได้รับการตกลงร่วมกันตั้งแต่ต้นรอบการประเมิน นอกจากนี้ การหารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางขจัดจุดอ่อนหรืออุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ และการติดตามผลงานของผู้ประเมินอย่างเป็นระบบ ล้วนเป็นบทบาทที่หากผู้บังคับบัญชา/ผู้ประเมินได้ดำเนินการอย่างมุ่งมั่นแล้ว ย่อมส่งผลต่อผลงานที่สมบูรณ์โดยรวมของหน่วยงานนั้นๆ สำหรับ ระบบการเลื่อนเงินเดือนใหม่กำหนดให้เลื่อนเงินเดือนตามวงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร คือ ร้อยละ 3 ของเงินเดือนข้าราชการในแต่ละส่วนราชการ ซึ่งผู้บังคับบัญชาสามารถบริหารจัดการงบประมาณเพื่อเลื่อนเงินเดือนตามผลงานของข้าราชการได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงโควตาจำนวนคน “ดีเด่น” ร้อยละ 15 แบบเดิม นอกจากนี้ ผู้ที่มีผลงานดีเด่นจะมีโอกาสได้เลื่อนเงินเดือนเป็นร้อยละที่มากกว่าระบบเดิม โดยเลื่อนได้สูงสุดร้อยละ 6 ต่อรอบการประเมิน (ระบบเดิมเลื่อนได้สูงสุด 1 ขั้น ประมาณร้อยละ 4 ต่อรอบการประเมิน) สำหรับผู้ที่มีผลการปฏิบัติงานอยู่ในเกณฑ์ที่ลดหลั่นกันลงมา ก็จะได้เลื่อนเงินเดือนเป็นอัตราร้อยละที่ถัดลงมาเช่นกัน และหากผู้มีผลงานดีเด่นได้เลื่อนเงินเดือนในอัตราที่สูงแล้วผู้ที่มีผลงานน้อยกว่าก็จะได้เลื่อนเงินเดือนในอัตราที่น้อยลง ซึ่งจะมากน้อยเท่าใดก็เป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาจะต้องบริหารจัดการให้เหมาะสมกับวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การทำงานของข้าราชการจะพัฒนาในแนวทางที่ดีมากขึ้น เพราะมุ่งเน้นที่ผลสำเร็จของการปฏิบัติงาน ผู้ที่ทำงานและมีผลงานดี จะได้รับการพิจารณาเลื่อนเงินเดือนอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ซึ่งช่วยสร้างขวัญ สร้างกำลังใจ และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จ ลุล่วง เกิดผลงานที่ดี ส่งผลถึงประชาชนจะได้รับการปฏิบัติและการบริการที่ดีจากหน่วยงานของรัฐ ก่อให้เกิดผลสำเร็จทั้งภาครัฐ และประชาชน อันนำมาซึ่งการพัฒนาในภาพรวมของประเทศ นางเบญจวรรณ กล่าวในที่สุด ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ คุณจุฑารัตน์ ถือซื่อ (เล็ก) E-mail: [email protected]

ข่าวเงินเดือนข้าราชการ+เบญจวรรณ สร่างนิทรวันนี้

สำนักงาน ก.พ. ผลักดันทุกส่วนราชการเร่งประเมินผลงาน

เลขาธิการ ก.พ. เชื่อมั่นระบบการประเมินผล งานและการเลื่อนเงินเดือน ขรก.ระบบใหม่ที่ยึดหลัก การจ่ายค่าตอบแทนตามผลงาน จะสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการ ชี้ระบบใหม่เป็นระบบที่ ใครมีผลงานที่ดีต้องได้รับค่าตอบแทนที่ดี นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการ ก.พ. กล่าวว่า พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ พลเรือน พ.ศ. 2551 เปลี่ยนแปลงโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการจากบัญชีอัตราเงินเดือนแบบ “ขั้น” ไปเป็นบัญชีอัตราเงินเดือนแบบ “ช่วง” เพื่อให้โครงสร้างเงินเดือนข้าราชการในอนาคตมีความยืดหยุ่น ดังนั้น การเลื่อนเงิน

สำนักงาน ก.พ. ผลักดันทุกส่วนราชการประเมินผลงาน ประกาศดีเดย์เลื่อนเงินเดือน ขรก.ระบบใหม่ 1 เม.ย.นี้

เลขาธิการ ก.พ. เชื่อมั่นระบบการประเมินผลงานและการเลื่อนเงินเดือน ขรก.ระบบใหม่ที่ยึดหลักการจ่ายตอบแทนตามผลงานจะสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการ ชี้ระบบใหม่เป็นระบบที่ ใครมีผลงานที่ดีต้องได้รับค่าตอบแทนที่ดี ...

ภาพข่าว: ทุกส่วนราชการพร้อม

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับนางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการ ก.พ. และนายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์ ที่ปรึกษาระบบราชการ สำนักงาน ก.พ.ในการเข้าร่วมประชุมเตรียมความพร้อมของส่วนราชการในการ...

ภาพข่าว: ทุกส่วนราชการพร้อม

นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เกียรติถ่ายภาพร่วมกับนางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการ ก.พ. และนายวิสูตร ประสิทธิ์ศิริวงศ์ ที่ปรึกษาระบบราชการ สำนักงาน ก.พ.ในการเข้าร่วมประชุมเตรียมความพร้อมของส่วนราชการในการ...

กรมบัญชีกลางยันการปรับเพิ่มเงินบำนาญเป็น 40,000 บาท ไม่เป็นความจริง

ตามที่มีข่าวเผยแพร่ผ่านทางสื่อโซเชียลว่า "บิ๊กตู่ดันเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ 40,000 บำนาญหลังเกษียณ หวั่นกลัวไม่พอใช้ตอนแก่ โดยข่าวดังกล่าวได้อ้างว่า เมื่อวันที่ 22 กันยายน ได้ข้อสรุปหลังการประชุมด่วนของคณะรัฐบาล และได้ประกาศอย่าง...

ข้อเท็จจริง 10 ปี ระบบข้าราชการไทย

สถาบันอนาคตไทยศึกษาเปิดผลการศึกษาชิ้นล่าสุดเรื่อง “ข้อเท็จจริง 10 ปี ระบบข้าราชการไทย” ชี้กำลังคนเพิ่ม 50% ฐานเงินเดือนสูสีกับเอกชน งบบุคลากรโต 3 เท่า แต่ผลการจัดอันดับด้านประสิทธิภาพและความโปร่งใสกลับตกลง จากเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการอนุมัติขึ้นเงิน...

การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบร้อยละ 8 จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อไม่มาก

ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการทั้งระบบร้อยละ 8 จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อไม่มาก โดยจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.05...

ภาพข่าว: แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย เดือนธันวาคม 2555

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังแถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย เดือนธันวาคม 2555 “เศรษฐกิจไทยในปี 2555คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 5.7โดยอุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐอาทิ การ...

รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2555 และ 2556 “เศรษฐกิจไทยปี 2555 คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 5.7 และมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในปี 2556”

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือนธันวาคม 2555 ว่า “เศรษฐกิจไทยในปี 2555 คาดว่าจะสามารถขยายตัว...

รายงานประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2555 และ 2556“เศรษฐกิจไทยปี 2555 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากอุทกภัยอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในปี 2556”

นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือนกันยายน 2555 ว่า “เศรษฐกิจไทยในปี 2555 คาดว่าจะขยายตัว...