โอเรียนท์ไทยร่วมส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคม “ทำให้ดีที่สุด ด้วยพลังจิตที่มั่นคง เพื่อเป้าหมายและความสำเร็จ”

กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--สายการบินโอเรียนท์ไทย

ในโครงการ Oreint Thai, Fly Cards : Fly with Passion, Fly with Heart โอเรียนท์ไทยเดินหน้าสานต่อโครงการส่งเสริมเยาวชนและสังคม ในโครงการ “Orient Thai, Fly Cards” ด้วยแนวคิด “ Fly with Passion, Fly with Heart ” เพื่อร่วมส่งเสริมแนวคิดและคุณค่าเชิงสังคมในเรื่องของความพร้อมด้านร่างกาย (Physical Practice) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Innovative Thinking) และเป้าหมายของตนเอง (Long Term Goal) ต่อการฝึกซ้อมเพื่อเป้าหมายในระยะยาว... มนัสนันท์ ตันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ จำกัด กล่าวว่า- - “เป็นการต่อยอดการดำเนินงานโครงการส่งเสริมเยาวชนและสังคมจากปีที่แล้ว ที่ชื่อว่า Journey of passion ซึ่งในปีนี้ เราต่อเนื่องด้วยกิจกรรมที่เรียกว่า Orient Thai Fly Cards; Fly with passion, Fly with Heart ...โดยปีนี้ เราใช้ชื่อโครงการด้วยชื่อ Orient Thai เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์และปรัชญาในการดำเนินงานด้านเยาวชนและสังคมของบริษัทแม่ ซึ่งเป็นสายการบินระหว่างประเทศ โดยมี วัน ทู โก เป็นสายการบินภายในประเทศ หรือโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ซึ่งดำเนินงานภายใต้มาตรฐานเดียวกับโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ ...ด้วยแนวคิด Fly with passion, Fly with heart หมายถึงความตั้งใจและการลงมือทำด้วยความมุ่งมั่น ทั้งกายและใจ ดังนั้นการฝึกซ้อมและการแข่งขันกีฬาแบดมินตันจึงเป็นการสะท้อนและถ่ายทอดแนวคิดนี้ได้เป็นอย่างดี เพื่อให้เยาวชนไทยทั่วไปสามารถนำแนวคิดนี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองได้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ...และกีฬา ไม่ใช่เป็นเรื่องของการแพ้หรือการชนะเท่านั้น แต่เป็นเรื่องราวของความรัก ความอดทน การรอคอย ผิดหวัง และสมหวัง การเอาชนะตนเอง และการทำให้ดีที่สุด เพราะถ้าเราทำดีผลก็ออกมาดี จะแพ้หรือชนะอยู่ที่ตัวเรา หากเราจะทำอะไรถ้าเราใส่จิตและวิญญาณลงไปด้วย สิ่งนั้นก็จะมีชีวิตขึ้นมาได้ ก็เหมือนการตีแบด เราควบคุมได้จะทำให้ได้เปรียบหรือเสียเปรียบก็อยู่ที่ตัวเราเป็นตัวกำหนดในเกมนั่นเอง” โอเรียนท์ไทยจึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ในการส่งเสริมเยาวชนไทย โดยงานนี้ได้คัดเลือกเยาวชนนักกีฬาแบดมินตันจากชมรมต่างๆ วัย 11 – 15 ปี พร้อมโค้ชผู้ฝึกสอนอย่างละ 15 คน ที่ผ่านเกณฑ์การเขียนเรื่องราวของตัวนักกีฬาในเรื่องของการทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทั้งการฝึกซ้อม และความมุ่งมั่นตั้งใจ จึงสนับสนุนมอบบัตรโดยสารฟรีเพื่อเข้าร่วมแข่งขันในรายการ ‘ปุ้มปุ้ยแชมเปี้ยนชิพ ระหว่างวันที่ 4 - 9 พ.ค.นี้ ที่ จ.ตรัง’ และ ‘สิงห์เอชเอชเชียงรายคลับ ที่ จ.เชียงรายในเดือน ม.ค. 2554’ น้องๆ ที่ผ่านการคัดเลือกต่างบอกเล่าด้วยความดีใจที่ได้เข้าร่วมในโครงการครั้งนี้ เพราะเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวของพวกเขาเป็นอย่างดี งานนี้น้องๆ จึงทุ่มเทและมุ่งมั่นที่จะคว้ารางวัลในการรายการแข่งขันปุ้มปุ้ยแชมเปี้ยนชิพ 2010 มาครองให้ได้ น้องแพรว-อลิษา ทรัพย์นิธิ สังกัดทีมสโมสรบ้านทองหยอด อายุ 12 ปี ชั้นม.1 โรงเรียนอัสสัมชัญ เล่าด้วยความดีใจว่า ขอขอบคุณโอเรียนท์ไทย ที่ให้โอกาสครั้งนี้ เพราะในการเล่นแบดมินตัน มีค่าใช้จ่ายเยอะมาก ทั้งค่าฝึกซ้อม ค่าสมัครเข้าแข่งขัน ค่าเดินทาง ค่าที่พัก (กรณีไปแข่งต่างจังหวัด) และค่ากิน จึงอยากช่วยลดภาระของครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย “ปีที่แล้วเป็นมือวางอันดับที่ 1 ในรุ่นหญิงเดี่ยว อายุไม่เกิน 11 ปี ตอนนี้เป็นมือวางอันดับที่ 5 ในรุ่นหญิงเดี่ยวอายุไม่เกิน 13 ปี...หนูเริ่มเล่นแบดมินตันตอนอายุ 8 ขวบครึ่ง เพราะตอนนั้นอ้วน คุณพ่อเลยให้ไปออกกำลังกาย ไปว่ายน้ำก่อน ปรากฏว่าตัวดำ คุณพ่อเลยให้มาเล่นแบดมินตัน ทั้งได้ฝึกร่างกายไม่ให้น้ำหนักเพิ่ม เสียเหงื่อเยอะมากๆ และการมาเล่นกีฬา ทำให้ไม่มีเวลาเล่นเกม ไม่มีเวลาดูละครโทรทัศน์ ...ช่วงแรกซ้อมหลังเลิกเรียน สัปดาห์ละ 2 วันๆ ละ 2 ชม. ประมาณ 6 เดือน ก็เริ่มชอบ คุณพ่อเลยให้เรียนทุกวัน พอปิดเทอมก็ไปแข่งต่างจังหวัด ก็ได้รางวัลและได้ตังค์ด้วย ดีใจมาก แต่ตอนแพ้ก็เสียใจเลยตั้งใจว่าจะกลับไปพยายามซ้อมและฝึกฝนให้มากๆ จนได้แชมป์หญิงเดี่ยวรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี หนูก็กลายเป็นมือวาง 1 ของรุ่นทั้งปี ...การเล่นกีฬาทำให้หนูได้เรียนรู้หลายอย่าง เช่น ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้น ถ้าเราแพ้เราก็เสียใจ แต่ต้องไม่ท้อถอย ต้องพยายามฝึกซ้อมด้วยความตั้งใจและไปสู้ใหม่ ไม่มีอะไรได้มาง่าย เพราะแชมป์มีคนเดียว ทำให้เรียนรู้ว่าต้องอดทน มุ่งมั่น และพยายาม ถ้าเราชนะเราก็ดีใจ แต่ต้องไม่หลงกับชัยชนะที่ได้รับเพราะจะเป็นหนทางที่ทำให้เราหยุดที่จะพัฒนาตนเอง และกีฬาทำให้สังคมดีไม่ทะเลาะกัน มีความสามัคคี มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เมื่อแข่งขันอยู่ในสนามสู้กัน เมื่อจบการแข่งขันก็เป็นเพื่อนกัน ... สำหรับฝันของหนู อยากเป็นแชมป์หญิงเดี่ยวโอลิมปิก หนูจะพยายามตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อไปให้ถึงฝันให้ได้ แต่ในการแข่งขันครั้งนี้ หนูอยากได้แชมป์ค่ะ เพราะทุกคนมีฝีมือเท่ากันหมด ฉะนั้นเมื่อเราอยู่ในสนามแข่งขัน เราต้องสู้ หากเราสู้เราก็มีสิทธิ์ชนะได้อยู่แล้ว” น้องบาส-เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ทีมสโมสรศรีราชาสปอร์ตคลับ มือวางอันดับที่ 4 อายุ 13 ปี ชั้นม.2 โรงเรียนสาธิตบูรพา จ.ชลบุรี “เริ่มเรียนแบดมินตันครั้งแรกที่สโมสรนี้เลย ตอนอายุ 7 ปี เรียนเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ตอนเรียนได้ประมาณ 2 เดือน ก็ได้เข้าร่วมแข่งขัน มีคนเชียร์เยอะเสียงดังมาก รู้สึกตื่นเต้นมาก พอตีได้มันเป็นความรู้สึกดีที่บอกไม่ถูก ...พอแข่งแล้วเริ่มชนะบ้างก็เริ่มมีกำลังใจ จึงตั้งใจฝึกซ้อมและมีความตั้งใจในอนาคตอยากจะติดทีมชาติ หลังจากเลิกเรียนผมจึงต้องซ้อมแบดทุกวัน ผมยอมเหนื่อย ยอมไม่มีเวลาเล่น หรือเวลาเที่ยว เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ เพราะผมอยากเก่ง อยากเป็นที่ 1 ...โค้ชบอกผมว่าการจะเป็นแชมป์ยาก แต่การรักษาแชมป์ยากยิ่งกว่า เพราะมีคนเก่งเยอะ ทุกวันนี้จึงหยุดไม่ได้ ต้องซ้อมหนัก ซึ่งผมก็เห็นใจทางบ้าน เพราะการเรียนแบดทุกวันนี้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งค่าเรียนค่าซ้อม ทั้งเสื้อผ้าและอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งเวลาเดินทางไปแข่งต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าเดินทาง ค่าที่พัก รายการหนึ่งๆ หมดเยอะมาก ฉะนั้นเมื่อเวลาแข่งชนะได้เงินรางวัลมา ผมจะให้คุณแม่เก็บเงิน ตอนแรกมีเงินเก็บเป็นแสนเลย แต่พอดีรถไปชนเสียเลยต้องเปลี่ยนรถคันใหม่ ผมเลยเหลือเงินแค่สองหมื่นบาท แต่หากได้เงินรางวัลมาอีกผมจะเก็บต่อไปเรื่อยๆ เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและการเรียนของผมด้วย” น้องพราว - ธันวรัจน์ รตนะมโน ทีมสโมสรบางโพ อายุ 14 ปี ชั้นม.3 โรงเรียนทิวไผ่งาม เล่าว่า ได้มาเล่นกีฬาแบดมินตัน เพราะร่างกายไม่แข็งแรง เป็นภูมิแพ้ จากการตีเล่นๆ วันละไม่กี่ชั่วโมง จนหลงเสน่ห์ในกีฬาจึง กลายเป็นตีจริง “หนูตั้งใจซ้อมอย่างเต็มที่ เพราะความฝันสูงสุดของหนูคือการได้เป็นนักแบดมินตันทีมชาติ แต่มันอาจจะดูเป็นเรื่องตลกเพราะแค่แชมป์เดี่ยวยังทำไม่ได้เลย ถึงแม้จะเคยได้มาแล้ว 2 ครั้ง เพราะรายการนั้นมือวางอันดับ 1 - 4 ลงไม่ได้ ซึ่งทำให้หนูไม่ภูมิใจเท่าที่ควร แต่หนูมั่นใจว่าต้องมีสักวันที่ความฝันของหนูจะเป็นจริงได้ ...แต่เราไม่ควรปล่อยให้ความฝันเป็นเพียงแค่ความฝัน คนที่เขาประสบความสำเร็จได้ เพราะเขาไม่ละทิ้งความฝันของตัวเอง เขาจะมุ่งมั่นตั้งใจทำความฝันนั้นให้เป็นจริงให้ได้ หนูก็จะทำให้ได้อย่างนั้นเหมือนกัน คุณแม่เคยบอกไว้ว่าไม่มีความฝันไหนที่จะสำเร็จได้โดยไม่ลงมือทำ ทุกวันนี้หนูจึงมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการเล่นแบดมินตันมาก ต้องซ้อมแบดเกือบทุกวัน หนูซ้อมจนมือและเท้าด้านไปหมดเลย หนูก็ต้องทน หนูใช้กระดาษทรายขัดเท้าส่วนที่ด้านก็พอช่วยได้ ...หนูต้องอดทนและจะต้องทำฝันของหนูให้ได้ เพราะมีแต่คนพูดดูถูกว่าหนูเล่นแบดมินตันอ่อน ใครแข่งกับหนูก็ต้องชนะ ตอนแรกที่ได้ยินก็รู้สึกเสียใจและท้อนิดหน่อย แต่คุณพ่อกับคุณแม่บอกให้นำคำดูถูกนั้นมาเป็นกำลังใจในการต่อสู้และลบคำสบประมาทของผู้อื่นให้ได้ ว่าเราก็มีดีไม่แพ้คนอื่นเหมือนกัน หนูจึงตั้งใจซ้อมทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อสักวันความฝันนั้นจะกลายเป็นจริง ...และหนูขอขอบคุณสำหรับโครงการที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ที่เปิดโอกาสให้หนูได้ภูมิใจในตนเองเล็กๆ ว่าอย่างน้อยก็ยังมีผู้ที่มองเห็นถึงความพยายามที่จะมุ่งสู่ความสำเร็จในอนาคตค่ะ” อาย์กรณิศ ทับทิมดง ทีมสโมสรสำโรง อายุ 14 ปี ชั้นม.2 โรงเรียนราชวินิตบางแก้วในพระบรมราชูปถัมภ์ เต้ยมีความมุ่งมั่น ความตั้งใจ บวกกับฝีมือ เพื่อที่จะเป็นแชมป์เป็นนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยให้ได้ “สำหรับผมแล้วแบดมินตันไม่ใช่แค่กีฬาหรือการกำลังกาย แต่คืออนาคตและชีวิตของผม ผมเริ่มเรียนแบดมินตันตั้งแต่อายุ 7 ขวบ พออายุ 9 ปีได้แชมป์ชายเดี่ยวถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ และก็ได้แชมป์รายการต่างๆ อีกมากมาย คุณพ่อและคุณแม่ดีใจมาก และตั้งเป้าหมายอยากให้ผมได้เป็นทีมชาติ ได้แชมป์ประเทศไทย ซึ่งผมก็มีความมุ่งมั่นอยากที่จะเป็นในสิ่งที่ท่านต้องการ ...แต่แล้วครอบครัวผมได้สูญเสียคุณพ่อซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำให้ผมหมดโอกาสที่ จะได้ทำตามความฝันของตัวเองและของพ่อผม ทำให้ผมจำเป็นที่จะต้องหยุดการฝึกซ้อมเป็นระยะเวลาปีกว่าๆ และก็ได้กลับมาซ้อมอีกอีกครั้งแต่ก็ได้ไม่เต็มที่เนื่องจากเงินที่มีอยู่ไม่มาก ทำให้การซ้อมน้อยลง แต่เผอิญโชคดีได้รู้จักกับท่านอาจารย์ วัชรพันธ์ ขำทอง โค้ชใหญ่ประธานสโมสรแบดมินตันสำโรง ท่านก็ได้ให้โอกาสผมมาร่วมทีม โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ และยังหาสปอนเซอร์ต่างๆ ให้ผมไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬาหรือทุนการศึกษา ผมได้สอบติดโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ซึ่งทางโค้ชแนะนำเพราะว่าใกล้กับที่ฝึกซ้อม ผมได้รับการฝึกซ้อมอย่างเต็มที่อีกครั้ง ...หลังจากนั้นผมได้ลงแข่งขันในรุ่น 13 ปี ก็คว้าแชมป์ได้ถึง 4 แชมป์ และในอีกหลายๆ รายการ รวม 14 รางวัล จากมือไร้อันดับผมสามารถขึ้นมาติด 1 ใน 4 ของรุ่นได้ เงินรางวัลทั้งหมดผมก็มอบให้กับคุณแม่ของผม ไว้ใช้จ่ายในครอบครัว และทุกวันนี้เมื่อเรียนเสร็จก็ต้องไปซ้อมแบดต่อ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบ 5 ทุ่มทุกวัน ซึ่งผมก็ไม่ได้ย่อท้อ อยากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่และอาจารย์วัชรพันธ์ ที่ให้การช่วยเหลือผม ฉะนั้นผมต้องทำได้ดีที่สุดก็คือการตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อไม่ให้ทุกคนผิดหวังและก็มุ่งมั่นไปสู่ความฝันของผมและพ่อให้ได้ ...และผมขอขอบคุณทางโอเรียนท์ไทย ที่ได้ให้โอกาสผมเข้าร่วมโครงการนี้ ซึ่งทำให้ผมได้รับความรู้และประสบการณ์มากมายในทุกๆ กิจกรรม ผมจะต้องมุ่งมั่นและทำให้เต็มที่เพื่อจะได้เป็นแชมป์ในครั้งนี้” . เมฆ ณรงค์ฤทธิ์ ทีมที.ไทยแลนด์ อายุ 13 ปี ชั้นม. 2 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี เล่าว่าเริ่มรู้จักแบดมินตันเมื่ออายุ 7 ขวบ แต่หลังจากการเล่นเพียงออกกำลังกายและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ก็หลงรักกีฬาชนิดนี้และหมั่นฝึกซ้อมมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะสานฝันเป็นแชมป์ระดับโลก . “เริ่มการฝึกซ้อมอย่างจริงจังแบบนักกีฬามืออาชีพเมื่ออายุได้ 8 ปี ฝึกซ้อมกับโค้ชมืออาชีพเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นมาผมเข้าร่วมแข่งขันในรายการต่างๆ มากมาย และคว้าชัยชนะจากหลายๆ สนามที่ลงแข่งขัน ทำให้เริ่มมีกำลังใจ ทุกวันนี้จึงต้องฝึกซ้อมทุกวัน ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อหน่ายที่จะต้องไปฝึกซ้อม เพราะผมมีความสุขเสมอเมื่อได้จับไม้แบดมินตัน ได้เห็นพัฒนาการของตัวเอง และที่สำคัญได้ไล่ตามความฝันของตนเองไปทีละขั้น ทุกครั้งที่ผมลงสนามแข่งขันผมมักจะบอกตัวเองเสมอว่าต้องเป็นที่หนึ่งให้ได้ อยากชนะก็ต้องตีให้ดีที่สุด และผมก็ทำสำเร็จในหลายสนามๆ อย่างต่อเนื่อง รางวัลที่ผมภูมิใจมากที่สุด แชมป์แบดมินตันชายเดี่ยว ชิงถ้วยพระราชทานจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ปี 2010 นี่เอง ...เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของผมคือ การได้เป็นตัวแทนประเทศไทยแข่งขันในระดับโลก ผมตั้งใจไว้ว่าจะต้องเป็น 1 ใน 10 นักแบดมินตันที่เก่งที่สุดในโลกให้ได้ แรงบันดาลใจของผมทั้งหมดมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นแบบอย่างให้ผมได้ตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถในสิ่งที่ตนเองรัก โดยไม่ลืมที่จะคิดถึงคนรอบตัว สังคม และ ประเทศชาติ ผมตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่า นอกจากเป็นนักแบดมินตันที่ประสบความสำเร็จในอาชีพแล้ว ผมยังจะต้องเป็นนักแบดมินตันที่ดีของสังคมให้ได้อีกด้วย” . น้องปุ๊กกี้-มธุรดา วัฒนมนาพร ทีมสโมสรอยัลสตาร์ อายุ 14 ปี ชั้นม.3 โรงเรียนราชินีบน “เริ่มแรกเห็นพ่อแม่เล่นกีฬาชนิดนี้ แล้วรู้สึกสนุกดีจึงได้หันมาเล่นบ้าง เริ่มตีตั้งแต่อายุ 5 ปี ตอนแรกคิดแค่จะออกกำลังกาย แต่พอตีไป ได้ลงแข่งขัน แล้วเห็นคนเก่งๆ ตีกัน ทำให้รู้สึกอยากตีเก่ง เหมือนพวกพี่ๆ เขา จึงกลับมาซ้อมอย่างจริงจัง จนได้แชมป์ครั้งแรกเมื่อตอนอายุ 9 ขวบ จากจุดนี้ทำให้มีความรู้สึกที่จะเอาชนะ และมีความมุ่งมั่นที่ไปให้ถึงจุดหมายที่หวังไว้ วันนี้ได้ก้าวเข้ามาสู่อันดับที่ 4 ในรุ่น 15 ปี แต่ก็ยังไม่พอใจที่แค่นี้ ต้องไปให้สูงสุดนั่นคือ อันดับที่หนึ่ง และการที่จะไปให้ถึงจุดนั่น จะต้องตั้งใจซ้อมอย่าหนักและต้องทุ่มเทอย่างมาก ทั้งต้องเชื่อฟังโค้ชอีกด้วย และพ่อแม่เคยบอกว่าเราทุ่มเทมากับกีฬานี้มาก เสียเงินมาก เพราะฉะนั้นเราจึงต้องตั้งใจทำให้เต็มที่ เพื่อพ่อแม่จะได้ภูมิใจ และไม่สูญเปล่าที่ได้ลงทุนไป ...ชอบโครงการนี้ เพราะทำให้นักกีฬามีความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงฝัน ซึ่งมันทำให้มีความมุ่งมั่นและมีความตั้งใจที่จะทำให้สำเร็จ การสนับสนุนจากโครงการนี้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แล้วยังได้นำเงินส่วนนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นแทนได้ด้วย” . โค้ชชาวจีน จุน หวัง จากสโมสร Royal Star ผู้มุ่งมั่นและเป็นกำลังสำคัญในการที่จะถ่ายทอดประสบการณ์และเทคนิคต่างๆ ในเกมการแข่งขัน เพื่อให้นักกีฬาแบดมินตันเยาวชนไทยก้าวสู่ระดับสากล มาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว “ที่เมืองจีนเด็กที่จะเข้ามาเป็นนักกีฬาแบดมินตันได้ถูกคัดเลือกมาแล้ว และตัวเด็กมีความมุ่งมั่น แล้วรู้ตัวว่าจะต้องมาอยู่จุดนี้จึงต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในการฝึกสอนจึงสอนได้ง่าย ซึ่งต่างกับเด็กไทย ซึ่งเด็กมาเรียนเราก็ต้องสอน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องดูแววดูทักษะของเด็กก่อนจึงจะสอนและฝึกซ้อมให้อย่างเต็มที่ ...การสอนต้องมีการวอร์มการเทรนนิ่ง มีหลายอย่าง ทั้งด้านทักษะ ด้านร่างกายต้องมีความพร้อม และที่สำคัญ ‘สมอง’ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการแข่งขันในสนามเด็กทุกคนตีได้หมด แต่เขาไม่รู้ว่าจะตีอย่างไร และจะแก้เกมอย่างไรให้ชนะ ตรงนี้ต้องใช้สมอง แล้วจะชนะคู่แข่งขันได้ไม่ยาก ...ฉะนั้นต้องอาศัยกลยุทธ์และเทคนิคต่างๆ ซึ่งสามารถเรียนรู้ได้ คือต้องหมั่นฝึกซ้อม เข้มงวด ทั้งต้องมีระเบียบวินัย ความอดทน แม้แต่ร่างกายก็ต้องพร้อม ทักษะก็ต้องชำนาญ สมองก็จำเป็นที่ต้องมี” ดังนั้นการเป็นนักกีฬาที่ดีไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก หากมีความมุ่งมั่น ทุ่มเท และทำให้ดีที่สุด ทั้งตั้งใจและตั้งมั่นอย่างมีจุดมุ่งหมายให้กับตนเองเสมอทั้งกายและใจ เพื่อก้าวสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จ เผยแพร่ข่าวในนาม : สายการบินโอเรียนท์ไทย โทร. 02 229 4260 # 341, 344 สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์+โอเรียนท์วันนี้

ภาพข่าว: สายการบินโอเรียนท์ไทย รับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ตามมาตรฐาน ICAO

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.60 นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เชิญสายการบินโอเรียนท์ไทย โดยนายจำรัส เดชวรสุทธิ กรรมการผู้จัดการบริษัทโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ พร้อมคณะผู้บริหารของสายการบิน เข้ารับมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานและสักขีพยาน ณ ห้องแคทลียา 1 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ผู้อำนวยการ CAAT กล่าวว่า "ขอแสดงความยินดีกับสายการบินโอเรียนท์ไทย สำหรับความสำเร็จในวันนี้ ที่ผ่านมาได้

ทูตวัฒนธรรม หัวใจไทย “ คุณค่าความเป็นไทย ” โครงการ Orient Thai, Thai @ Heart

ด้วยปรัชญาและความมุ่งมั่นภายใต้แนวคิด ‘จริงใจ เพื่อคนไทย’ สายการบินโอเรียนท์ไทย จัดโครงการประกวดทูตวัฒนธรรม หัวใจไทย ‘Orient Thai, Thai @ Heart’ โดยนำเอาพื้นฐานและวิถีของความเป็น ‘ไทย’ เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่มีโอกาส...

โอเรียนท์ไทย ร่วมอาสาทำความดี ด้วยการเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ การให้ และความรัก โครงการ “ We Share ”

โอเรียนท์ไทยร่วมส่งเสริมกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคม ด้วยแนวคิด Do it by heart ‘ การทำให้ดีที่สุด ’ ที่มุ่งเน้นการลงมือทำให้ดีที่สุด และเกิดขึ้นเป็นจริงได้ ในโครงการ ‘ We Share ’ ด้วยการ...

โอเรียนท์ไทยร่วมส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคม “ทำให้ดีที่สุด ด้วยพลังจิตที่มั่นคง เพื่อเป้าหมายและความสำเร็จ”

ในโครงการ Oreint Thai, Fly Cards : Fly with Passion, Fly with Heart โอเรียนท์ไทยเดินหน้าสานต่อโครงการส่งเสริมเยาวชนและสังคม ในโครงการ “Orient Thai, Fly Cards” ด้วยแนวคิด “ Fly with Passion, Fly...

โอเรียนท์ไทยร่วมส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคม “ โครงการ Orient Thai, Fly Cards : Fly with Passion, Fly with Heart”

มนัสนันท์ ตันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ จำกัด (แถวยืนที่ 3 จากขวา) สานต่อโครงการส่งเสริมเยาวชนและสังคม ในโครงการ “Orient Thai, Fly Cards” ด้วยแนวคิด “...

ภาพข่าว: วัน ทู โก…จับรางวัลผู้โชคดี ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 7 มอบรักด้วยความพิเศษ

ร.อ.ขจิต หัพนานนท์ ประธานบริษัท โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ จำกัด (ที่ 2 จากขวา) เป็นประธานจับรางวัลผู้โชคดี ในรายการ “ก้าวสู่ปีที่ 7 วัน ทู โก มอบรักด้วยความพิเศษ” รับรางวัล One Two Go Gift Card ฟรี รางวัลละ 1,000 บาท จำนวน 100...

โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์เปิดเที่ยวบินพิเศษ

กรุงเทพ--8 ก.ค.--โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ หลังจากที่สถานการณ์การสู้รบในกัมพูชาไม่เป็นที่น่าไว้วางใจอีกต่อไปแล้ว นายอุดม ตันติประสงค์ชัย แห่งสายการบินโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ จึงประกาศเปิดเที่ยวบินพิเศษ เพื่อรับคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ที่กัมพูชากลับเมืองไทย สนใจ...

โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์เปิดเที่ยวบินพิเศษ

กรุงเทพ--8 ก.ค.--โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ หลังจากที่สถานการณ์การสู้รบในกัมพูชาไม่เป็นที่น่าไว้วางใจอีกต่อไปแล้ว นายอุดม ตันติประสงค์ชัย แห่งสายการบินโอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ จึงประกาศเปิดเที่ยวบินพิเศษ เพื่อรับคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ที่กัมพูชากลับเมืองไทย สนใจ...