'กระเบื้องตราเพชร' เปิดเกมรุกบุกโครงการจัดสรร-ประเทศเพื่อนบ้าน

31 Oct 2005

กรุงเทพฯ--31 ต.ค.--มาสเตอร์ไมนด์

"กระเบื้องหลังคาตราเพชร" เปิดแผนบุกตลาดโครงการบ้านจัดสรร และประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่มสัดส่วนรายได้เท่าตัว พร้อมเพิ่มสายการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ หวังติดกลุ่มผู้นำกระเบื้องหลังคาไปอีกนาน มั่นใจเข้าตลาดหุ้นได้ภายในปีนี้

นายประกิต ประทีปะเสน ประธานกรรมการ บริษัท กระเบื้องตราเพชร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมกระเบื้องมุงหลังคาว่า ค่อนข้างผูกโยงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านพักอาศัย ซึ่งจากภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง คงจะส่งผลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์อยู่บ้าง ดังนั้น ผู้ประกอบการกระเบื้องมุงหลังคาจึงต้องปรับตัวเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในสินค้าแต่ละชนิดให้มากขึ้น โดยการเพิ่มการผลิตสินค้าที่ตลาดต้องการให้มากขึ้น และลดจำนวนการผลิตสินค้าที่ตลาดต้องการน้อยลง นอกจากนี้ยังต้องหาทางเพิ่มตลาดใหม่ๆ

"การจะทำเช่นนี้ได้ บริษัทนั้นจะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีในด้านการผลิต และมีทีมการตลาดที่เข้มแข็ง ซึ่งบริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร มีคุณสมบัติเหล่านี้ จึงมั่นใจว่าเราจะรักษาความเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมกระเบื้องมุงหลังคาของประเทศไทยไว้ได้อย่างต่อเนื่อง" นายประกิตกล่าว

นายไพฑูรย์ กิจสำเร็จ ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดกระเบื้องหลังคา บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชรมีแผนหลายอย่าง เช่น รักษาประสิทธิผลในการผลิต (Yield) ให้อยู่ในระดับร้อยละ 99-100 และลดเวลาหยุดการผลิต (Down Time) จากร้อยละ 4 กว่า ลงมาเหลือร้อยละ 3 ด้วยการตรวจสอบและซ่อมแซมเครื่องจักร นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงและเพิ่มสายการผลิต เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์

"จากเดิมที่ลูกค้าของเราเป็นรายย่อย เราก็จะบุกตลาดในโครงการที่อยู่อาศัยของภาครัฐและเอกชนให้มากขึ้น โดยจะเพิ่มสัดส่วนลูกค้าโครงการจากประมาณร้อยละ 5 เป็นประมาณร้อยละ 10 ของรายได้จากการขาย นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านจากประมาณร้อยละ 4.5 เป็นร้อยละ 10 ของรายได้จากการขาย เพื่อเป็นการขายตลาดและกระจายความเสี่ยง" ประธานกรรมการบริหาร บริษัทกระเบื้องหลังคาตราเพชร จำกัด (มหาชน) กล่าว

นายศักดา มณีรัตนฉัตรชัย กรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริมว่า ในด้านของสายการผลิตกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้ที่สูงที่สุดของบริษัทนั้น จะมีการปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อให้สามารถผลิตได้ครบทุกสายการผลิต เพื่อสร้างความยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าให้ได้หลายชนิด รองรับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าไม้ฝาสังเคราะห์ทดแทนไม้ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้และเพิ่มความหลากหลายของของสินค้าอีกด้วย

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการ สายการขายและการตลาด กล่าวว่า ในด้านการตลาดนั้น บริษัทฯ ได้มีการเสริมสร้างความรู้ทั้งทางด้านเทคนิค ด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับบุคลากรอยู่ตลอดเวลา และก็พยายามปรับปรุงรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้อยู่ตลอดเวลา ทั้งขนาด สี และรูปแบบ

"บริษัทได้ตั้งทีมการตลาดและพนักงานขายเพื่อดูแลลูกค้าโครงการบ้านจัดสรรต่างๆ โดยเฉพาะ โดยเน้นในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างการยอมรับให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท" นายสาธิตกล่าว

นางสาวธนกานต์ พันธาภิรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน กล่าวว่า เพื่อรองรับการขยายงานในด้านต่างๆ บริษัทฯ จึงได้เตรียมที่จะนำหุ้นเพิ่มทุนออกขายให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อกำหนดราคาขายหุ้น ซึ่งจะแจ้งให้ทราบต่อไป ซึ่งน่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในปีนี้

ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อคุณวารุณี คำไชย (แนน) โทร 0-2643-1191-2 หรือ 0-1496-6762--จบ--