กรุงเทพฯ--11 พ.ย.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกัน 7,500 ล้านบาทของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด หรือเค็กโก้ ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของโครงการโรงไฟฟ้าขนอม ความสำคัญในฐานะเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักสำหรับภาคใต้ของประเทศไทย และความสามารถในการดำเนินการโรงไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม จุดเด่นเหล่านี้ถูกลดทอนบางส่วนด้วยความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการแปรรูปอุตสาหกรรมไฟฟ้าในอนาคต
ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าเค็กโก้จะยังคงได้รับกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอจากรายได้ค่าไฟฟ้า และคาดว่าโรงไฟฟ้าขนอมจะสามารถบรรลุผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า เค็กโก้จัดตั้งในปี 2538 เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าขนอม ขนาด 824 เมกะวัตต์ จาก บริษัท กฟผ. จำกัด มหาชน (กฟผ.) (เดิมคือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) บริษัทมีฐานะเป็นบริษัทย่อยซึ่งถือหุ้น 100% โดย บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ กฟผ. ถือหุ้น 25% การจัดตั้งเอ็กโก้และเค็กโก้เป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มโครงการแปรรูปกิจการไฟฟ้าของ กฟผ. โรงไฟฟ้าขนอมซึ่งตั้งอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทยที่จังหวัดนครศรีธรรมราชประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อน 2 ชุด กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 1 ชุด กำลังการผลิตรวม 674 เมกะวัตต์
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. และเค็กโก้มีการออกแบบที่ดี อายุสัญญาที่นานถึง 15-20 ปีช่วยลดความเสี่ยงทางการตลาดทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงราคาค่าไฟฟ้าและปริมาณการใช้ไฟ รายได้ค่าไฟฟ้าส่วนใหญ่ซึ่งมาจากการดำรงความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้าช่วยลดความเสี่ยงจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ในขณะที่โครงสร้างค่าไฟฟ้าที่ประกอบด้วยต้นทุนบวกกำไรช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงราคาค่าไฟ ความได้เปรียบในการแข่งขันของโรงไฟฟ้าขนอมมาจากการที่โรงไฟฟ้าตั้งอยู่ในภาคใต้ซึ่งการใช้ไฟฟ้ามีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องและการเป็นแหล่งผลิตหลักเพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าในภาคดังกล่าว การผลิตไฟฟ้าของเค็กโก้คิดเป็นสัดส่วน 60% โดยประมาณของการผลิตทั้งหมดของภาคใต้ การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งในด้านความพร้อมจ่ายและอัตราการเผาไหม้เชื้อเพลิง เทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว ประกอบกับบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญซึ่งโอนย้ายมาจาก กฟผ. ช่วยลดความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและจากการดำเนินงาน ในขณะที่ผู้ซื้อไฟฟ้ารับภาระความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเชื้อเพลิงผ่านทางค่าพลังงานไฟฟ้า
เนื่องจาก กฟผ. เป็นผู้ซื้อไฟฟ้าเพียงรายเดียวของเค็กโก้ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงเห็นว่าฐานะทางการเงินและเครดิตของ กฟผ. จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อความสามารถในการชำระหนี้ของเค็กโก้ ในขณะที่การแปรรูป กฟผ. และการปรับโครงสร้างกิจการไฟฟ้าทำให้เกิดความกังวลในเรื่องของสถานภาพของ กฟผ. ในอนาคต และการสนับสนุนของภาครัฐที่มีต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ กฟผ. ทำไว้กับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน เค็กโก้มีผลประกอบการในปี 2547 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยบริษัทสามารถดำรงค่าความพร้อมจ่ายเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าให้อยู่ที่ระดับ 90.4% รายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้น 11.3% จาก 3,796 ล้านบาทในปี 2546 เป็น 4,224 ล้านบาทในปี 2547 ภาระหนี้รวมของบริษัทลดลงเป็น 9,268 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2547 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 63.4% ในปี 2546 เป็น 61.5% ณ สิ้นปี 2547 อัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ซึ่งอยู่ในระดับสูงที่ 2.26 เท่า ณ สิ้นปี 2547 นั้นมากกว่าระดับต่ำสุดที่กำหนดไว้ที่ระดับ 1.1 เท่า ทริสเรทติ้งกล่าว--จบ--
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit