สธ. บุกตรวจโรงงานผลิตน้ำหวาน ตกมาตรฐานจีเอ็มพี

กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--อย. อย. ประกาศ ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามกฎหมายจีเอ็มพีอาหาร มิฉะนั้นหากตรวจพบจะถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด ลุดจัดระเบียบโรงงานผลิตอาหารอย่างต่อเนื่อง นำทีมเฉพาะกิจตรวจโรงงานผลิตเครื่องดื่มประเภทน้ำหวานย่านบางขุนเทียน พบสถานที่และการผลิตไม่ผ่านเกณฑ์จีเอ็มพี ซึ่งจะถูกปรับตามกฎหมายทันที และหากไม่ปรับปรุงแก้ไขตามกำหนดเวลา จะถูกพักใช้ใบอนุญาตต่อไป น.พ.ศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วย น.พ.สถาพร วงษ์เจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีนโยบายส่งเสริมผู้ประกอบการให้ยกระดับมาตรฐานการผลิตให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์จีเอ็มพี : GMP (Good Manufaoturing Praotioe) ให้คนไทยได้บริโภคอาหารที่ได้มาตรฐานและปลอดภัย โดยกำหนดจีเอ็มพีอาหารเป็นกฎหมาย ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2546 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ผลิตอาหารทั้งที่เข้าข่ายโรงงานและไม่เข้าข่ายโรงงาน 54 ประเภท จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์จีเอ็มพีทุกราย ซึ่งขณะนี้สำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจติดตามเฝ้าระวังสถานที่ผลิตอาหารอย่างใกล้ชิด หากผู้ผลิตรายใดผ่านประเมินตามเกณฑ์มาตรฐานจีเอ็มพี จะได้รับเกียรติบัตรจีเอ็มพีจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อแสดงถึงความสำเร็จของการพัฒนาสถานที่ผลิตอาหารจนได้มาตรฐานจีเอ็มพี และในทางกลับกัน หากรายใดปฏิบัติไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ถือว่ากระทำผิดกฎหมาย จะถูกดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดทันที สำหรับในวันนี้ (29 ตุลาคม 2546) ได้นำทีมเจ้าหน้าที่เฉพาะกิจของ อย. เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิต ชื่อ ส.วัฒนา ตั้งอยู่เลขที่ 43/20 ซ.วัดกำแพง ถนนธนบุรี-ปากท่อ แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มในภาชนะบรรจุปิดสนิท ประเภทน้ำหวานเข้มข้นกลิ่นต่างๆ ที่ผู้ซื้อมักนำมาใส่น้ำแข็งไสขายแก่เด็ก ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวผลิตขายโดยฉลากติดตรา กงจักรสตางค์คู่ และตราฮอร์นบอย มีเครื่องจักรเปรียบเทียบทั้งโรงงานกำลัง 24.5 แรงม้า ส่วนใหญ่ส่งขายตามต่างจังหวัดและปริมณฑล จากการตรวจประเมินโรงงานดังกล่าวตามข้อกำหนดหลักเกณฑ์จีเอ็มพี ผลปรากฏไม่ผ่านทั้ง 6 หมวด ได้แก่ สถานที่ตั้งและอาคารผลิต เครื่องมือเครื่องจักรและอุปกรณ์กรผลิต การควบคุมกระบวนการผลิตการสุขาภิบาล การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด รวมทั้งสุขลักษณะของคนงาน โดยมีรายการที่ต้องปรับปรุงแก้ไขที่สำคัญ 37 รายการ เช่น สถานที่ผลิตโดยทั่วไปไม่สะอาด ไม่เป็นสัดส่วน มีการสะสมของไม่ใช้แล้ว มีที่พักอาศัยปะปน มีการวางผลิตภัณฑ์รวมกับของที่เสียแล้ว ไม่มีมาตการควบคุมกระบวนการผลิต พื้นโรงงานไม่เรียบ มีน้ำเข้าบริเวณผลิต สุขลักษณะคนงานและสุขาภิบาลโดยทั่วไปไม่ดี ไม่มีผลการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์และน้ำที่ใช้ ดังนั้น โรงงานนี้จึงไม่ผ่านตามหลักเกณฑ์จีเอ็มพี จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 49 ระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และจะนำเสนอคณะกรรมการอาหารเพื่อพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 60 วัน เนื่องจากหากปล่อยให้มีการผลิตต่อไป อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์น้ำหวานนี้ส่งตรวจวิเคราะห์คุณภาพมาตรฐาน ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อหาสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภค เพื่อสร้างความมั่นใจว่าอาหารที่ผลิตออกสู่ผู้บริโภคต้องสะอาด ได้มาตรฐานและปลอดภัย เช่น ในเรื่องคุณภาพมาตรฐาน สีที่ไม่ถูกต้องและเกินเกณฑ์ที่กำหนด รวมทั้งในเรื่องวัตถุกันเสีย ซึ่งหากพบว่าเข้าข่ายอาหารผิดมาตรฐานจะถูกปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือหากเข้าข่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ จะต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการผลิตผลิตภัณฑ์วุ้นคาราจีแนนสำเร็จรูป โดยแสดงฉลากไม่ถูกต้องมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท เลขาธิการฯ กล่าวต่อว่า ขอให้ผู้ผลิตอาหารให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฏหมายจีเอ็มพีอย่างเคร่งครัด เพราะ อย. จะเร่งตรวจสอบสถานที่ผลิตอาหารที่เข้าข่ายทุกราย โดยได้ประสานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด เฝ้าระวังตรวจสอบอย่างเข้มงวด และจะไม่ผ่อนปรนให้กับรายใดที่กระทำไม่ถูกต้องอีกต่อไป เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภคให้ได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสม่ำเสมอ อีกทั้งสร้างความมั่นใจให้กับต่างประเทศในการบริโภคอาหารไทยอีกด้วย--จบ-- -นท/รก-

• ข่าวศุภชัย คุณารัตนพฤกษ์
• ข่าวสถาพร วงษ์เจริญ
• ข่าวผู้ประกอบการ
• ข่าวเครื่องดื่ม
• ข่าวคณะกรรมการ