กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส โชว์ผลงานชิ้นโบว์แดง สร้างปรากฏการณ์ใหม่แก่วงการธุรกิจด้านบริหารอสังหาริมทรัพย์ไทย สามารถสร้างยอดขายรวมกว่า 1,500 ล้านบาทในปี 44 รับบริหารโครงการกว่า 40 แห่ง รวมพื้นที่บริหารกว่า 2.2 ล้านตารางเมตร พร้อมตั้งเป้ายอดขายในปี 45 กว่า 1,800 ล้านบาท อัตราเติบโต 20% เร่งเสริมทีมปล่อยเช่าหวังชิงตลาดกลุ่มต่างชาติและพุ่งเป้าบริหารสินทรัพย์ที่มีศักยภาพของสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์
นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส จำกัด บริษัทผู้นำด้านธุรกิจให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ในด้านธุรกิจการบริหารการตลาดและการขายนั้น แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส ถือเป็นบริษัทของไทย ที่สามารถก้าวขึ้นเทียบกับบริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจในลักษณะเดียวกันได้อย่างน่าชื่นชม โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมจากโครงการต่างๆ ทั้งโครงการบ้านจัดสรร ประกอบด้วย โครงการนาราสิริ วัชรพล รามอินทรา โครงการบ้านคชธานี และคอนโดมิเนียมหรูย่านธุรกิจ ประกอบด้วย โครงการอารี เพลส โครงการท็อป วิว ทาวเวอร์ โครงการบางกอก การ์เด้น ได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท ในส่วนธุรกิจด้านบริหารโครงการและการให้บริการด้านวิศวกรรมนั้น ก็มีผลดีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทฯ สามารถเพิ่มปริมาณพื้นที่ในการบริหารได้สูงถึง 2.2 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ อาทิ ธุรกิจการรับออกแบบและตกแต่ง ธุรกิจในการให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้ในปี 2544 รวม 102.3 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 112%
ด้านการเข้ารับงานบริหารการตลาดและการขายให้แก่สถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์นั้น นายยงยุทธ เปิดเผยว่า "ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน และธนาคารพาณิชย์ ต่างหันมาให้ความสำคัญกับงานบริการด้านการวางแผนการตลาดและการขายสินทรัพย์เป็นอย่างมาก เพราะหากองค์กรเหล่านั้นว่าจ้างบริษัทผู้เชี่ยวชาญเข้ามาจัดการในด้านดังกล่าวแน่นอนว่าผลที่ตอบกลับมาย่อมดีกว่าและสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งหากปล่อยนานไปสินทรัพย์เหล่านั้นก็จะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ยิ่งทำให้สินทรัพย์มีราคาที่ถดถอยลงมากขึ้น ปัจจุบันเรากำลังเข้าไปเจรจาในเรื่องนี้กับสถาบันการเงิน และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ หลายแห่ง คาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการด้านการตลาดและการขายให้แก่สถาบันดังกล่าวได้ประมาณเดือนพฤษภาคม ศกนี้ และคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะสามารถสร้างรายได้ประมาณ 40 ล้านบาทในสิ้นปี 2545"
"ในปี 2545 แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส ตั้งเป้าที่จะขยายปริมาณพื้นที่ในการบริหารโครงการเพิ่มขึ้นประมาณ 40% หรือเพิ่มขึ้น 15 โครงการ ซึ่งจากผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถเข้าไปบริหารการขายเพิ่มได้จำนวน 4 โครงการ อาทิ โครงการพหลโยธิน พาร์ค โครงการดุสิต อเวนิว โครงการพยูน การ์เด้น คลิฟ จ.ระยอง โครงการปทุมวันรีสอร์ท โดยในธุรกิจนี้ เราได้มุ่งที่จะพัฒนาระบบการทำงานให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพของทีมงานให้เกิดทักษะในการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด โดยมุ่งขยายฐานลูกค้าไปยังอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพสูงทั้งภาคเอกชน และรัฐบาล โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการที่รับบริหารอยู่ทั้งสิ้น 41 โครงการ แบ่งเป็นโครงการภาคเอกชน 33 แห่ง และโครงการของรัฐ 8 แห่ง โดยส่วนใหญ่ที่บริหารจะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม และโครงการหมู่บ้านจัดสรร ในปีนี้เราตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจดังกล่าวไว้ที่ 80 ล้านบาท" นายยงยุทธกล่าว
ด้านธุรกิจอื่นๆ ของ แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส นั้น บริษัทฯ กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาและวางแผนในการดำเนินธุรกิจให้เกิดศักยภาพสูงสุด โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดบริการใหม่ 3 ธุรกิจ ประกอบด้วย บริการรับออกแบบและตกแต่ง บริการให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และบริการด้านการจัดการโครงการ ซึ่งมีมูลค่ารวม 26 ล้านบาท และในปี 2545 บริษัทฯ จะขยายบริการด้านการออกแบบตกแต่งมากขึ้น เนื่องจากการคัดสรรทีมงานที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีประสบการณ์ในด้านการตกแต่งมานาน เพื่อเสนอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกแก่ ผู้ที่สนใจ โดยยึดการให้บริการด้านการออกแบบตามมาตรฐานของแสนสิริเป็นหลัก
ในส่วนของการให้บริการทางวิศวกรรมซ่อมบำรุงด้านระบบปรับอากาศนั้น บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายการบริการให้ได้ 2,500 เครื่องต่อปี โดยมุ่งไปที่ตลาดคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงานเป็นหลัก หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดคอนโดมิเนียมเพราะการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ในราคาที่ประหยัดกว่าท้องตลาดปัจจุบัน
"แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส เชื่อมั่นในศักยภาพของทีมงาน โดยในปีนี้เราได้มีการพัฒนาด้านบุคลากรอย่างเต็มที่ ด้วยการสร้างทีมที่มีความชำนาญในธุรกิจต่างๆ ขึ้น เพื่อนำมารวมกับระบบการทำงานที่ได้มาตรฐานของแสนสิริ เชื่อว่าปลายปีนี้ตลาดอาจคาดไม่ถึงว่าเราจะสามารถทำได้ถึงขนาดนั้น ซึ่งทีมแรกที่เราพัฒนาขึ้นคือทีมที่ดูแลด้านการปล่อยเช่าสินทรัพย์โดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดต่างชาติเป็นหลัก เพราะเชื่อมั่นว่าความต้องการในตลาดกลุ่มนี้ยังมีอยู่มาก ขณะที่สินทรัพย์ที่มีคุณภาพนั้นมีอยู่น้อย ดังนั้นทีมงานที่ดีจะต้องสามารถรวบรวมสินทรัพย์เหล่านี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเราก็สามารถรวบรวมได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ ในส่วนอื่นๆ ที่เราตั้งเป้าหมายไว้คือ การเจรจาธุรกิจในลักษณะซื้อขายแบบทั้งโครงการ ซึ่งจุดนี้ยังมีคนทำน้อย เนื่องจากบริษัทที่จะทำได้ต้องมีศักยภาพในด้านบุคลากร ประสบการณ์ และที่สำคัญคือการเป็นที่ยอมรับในตลาด ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราสามารถสร้างรายได้ในจุดนี้บ้างแล้ว และจะขยายฐานไปยังกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นในปีนี้ คาดว่าปลายปี 2545 บริษัทฯ จะมีอัตรารายได้เติบโตร้อยละ 20 หรือประมาณ 146 ล้านบาท" นายยงยุทธกล่าวเสริม
ในปี 2545 แสนสิริ พร็อพเพอร์ตี้ พลัส ตั้งเป้าที่จะปรับสัดส่วนรายได้โดยมีสัดส่วนของธุรกิจด้านการขายต่อการบริหารโครงการ ในอัตราส่วนร้อยละ 30 ต่อ 70 ตามลำดับ ซึ่งต่างจากปีที่ผ่านมาที่มีอัตราส่วนร้อยละ 25 ต่อ 75 ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนที่จะปรับระบบการทำงานเพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่ระบบมาตรฐาน ISO 9001 เวอร์ชั่น 2000 และเพื่อเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ บริษัทฯ จึงได้สร้าง www.sansiripropertyplus.com และ www.Thailandpropertyonline.com ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลของบริษัท และรายละเอียดสินทรัพย์ พร้อมราคา เพื่อสร้างความสะดวกในการหาสินทริพย์ของนักลงทุนต่างชาติและผู้ที่สนใจทั่วไปด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วิภาวริศ เกตุปมา ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด โทร. 01-890-3568--จบ--
-อน-