กรุงเทพ--19 ม.ค.--สพช.
เมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
(สพช.)ได้สนับสนุนให้มีการสัมมนาคณาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จาก 13 สถาบัน รวม 45คน ในเรื่อง "เทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน"เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตร์ให้มีเนื้อหาด้านการอนุรักษ์พลังงานซึ่งนับเป็นก้าวที่สำคัญของวงการ สถาปัตย์ โดยมีการร่วมระดมความคิดเห็นและเสนอแนะวิธีการในการพัฒนาหลักสูตรหลากหลายแง่มุมด้วยกัน
เริ่มต้นเปิดประเด็นโดย ศ.ดร.ตรึงใจ บูรณสมภพ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากรผู้มีผลงานด้านการออกแบบอาคารประหยัดพลังงานมามากมายชี้ว่าการกำหนดให้หลักสูตรสถาปัตย์มีเรื่องการอนุรักษ์พลังงานถือเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญของวิชาชีพสถาปัตยกรรมในอนาคตซึ่งสถาปนิกจะต้องมีจิตสำนึก และมีความเข้าใจในเรื่องการอนุรักษ์พลังงานก็จะสามารถออกแบบอาคาร เลือกวัสดุในการก่อสร้าง วางผังทิศทางของบ้านและสามารถใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ อาทิ แสงแดด ลม ต้นไม้เพื่อให้เกิดผลด้านการอนุรักษ์พลังงานในระยะยาวได้อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ชี้อีกว่าการพัฒนาหลักสูตรต้องพัฒนาศักยภาพของคณาจารย์ โดยการทำวิจัยให้มากขึ้นสำหรับในเรื่องของเครื่องมือประกอบการสอนก็สามารถแบ่งกันใช้ระหว่างสถาบันได้ซึ่งหากการร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องการปรับหลักสูตรสถาปัตย์ในเบื้องต้นก็สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องอาศัยงบประมาณมากมายนัก
ด้าน รศ.ดร.สุนทร บุญญาธิการ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพลังงานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสนอให้คำนึงถึงเรื่องการปรับแต่งสภาพแวดล้อมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยชี้ให้เห็นถึงสาเหตุของการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือยอันเนื่องมาจากการออกแบบอาคารบ้านเรือนที่ไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมขาดการนำประโยชน์จากธรรมชาติมาใช้เพื่อลดการใช้พลังงานซึ่งหากสถาปนิกมีความเข้าใจในการนำปัจจัยทางธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ในการประหยัดพลังงานก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เช่น การใช้ประโยชน์จากต้นไม้ใหญ่พืชคลุมดิน วัสดุปูผิวดิน ความเย็นจากดิน ทิศทางลม ความลาดเอียงของพื้นดินและแหล่งน้ำ เป็นต้น
สำหรับ รศ.ดร.วีระ สัจกุล จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสนอแนะว่าบรรดาอาจารย์ผู้สอนจะต้องกระตุ้นให้นิสิตนักศึกษาเห็นความสำคัญและความจำเป็นในการอนุรักษ์พลังงานและประสานกันเป็นทีมทั้งภายในสถาบันและระหว่างสถาบันรวมทั้งผนวกวิชาความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงานเข้ากับหลายๆวิชาที่เกี่ยวข้องกัน อาทิ การออกแบบอาคาร การวางผังเมือง ภูมิสถาปัตย์เป็นต้น
นอกจากนี้ยังต้องจัดทำการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการอย่างจริงจังและต่อเนื่องให้สัมพันธ์กับการเรียนการสอนและคาดว่าในอนาคตเรื่องการอนุรักษ์พลังงานจะถูกบรรจุเป็นหัวข้อหนึ่งในการสอบใบอนุญาตของสถาปนิก และการต่ออายุใบประกาศวิชาชีพสามัญด้วย ซึ่งนิสิต นักศึกษารวมทั้งสถาปนิกจะต้องมีการเตรียมการในเรื่องดังกล่าวโดยการเข้ารับการฝึกอบรมในหลักสูตรเพื่อเป็นการเพิ่มความรู้ของตนเองในเรื่องดังกล่าวด้วย
รศ. จรัญพัฒน์ ภูวนันท์ รองคณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรมีข้อเสนอต่อการปรับปรุงหลักสูตรสถาปัตยกรรมในเรื่องการอนุรักษ์พลังงานว่าในระยะสั้น โครงสร้างของหลักสูตรนั้นสามารถทำได้โดยการเสริมเนื้อหาดังกล่าวเข้าไป โดยยังไม่ต้องเพิ่มเป็นวิชาใหม่สำหรับระยะยาว สามารถแยกออกมาเป็นวิชาเฉพาะได้ ซึ่งควรมุ่งไปที่ระดับปริญญาโทสำหรับปริญญาตรี อาจจะบรรจุอยู่ในวิชาพื้นฐานทั่วไปได้
สุดท้าย รศ.ยุพยง เหมะศิลปิน อาจารย์จากภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เสนอว่าในการนำเรื่องการอนุรักษ์พลังงานไปสู่การเรียนการสอนในชั้นเรียนนั้นควรร่วมมือกันและทำงานเป็นทีมเพื่อสร้างหลักสูตรและชี้ว่าสถาบันการศึกษาบางแห่งมีการเตรียมความพร้อมไว้บางส่วนแล้วส่วนสถาบันที่เพิ่งจะเริ่มเปิดสอนวิชาสถาปัตย์คิดว่าสถาบันที่มีความพร้อมน่าจะเป็นพี่เลี้ยงให้ได้นอกจากนี้จะต้องมีการสร้างบุคลากรรองรับ เพื่อเป็นการเสริมกำลังโดยการพัฒนาการเรียนการสอน การทำวิจัยหรือการคิดค้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงในการอนุรักษ์พลังงานซึ่งในเรื่องดังกล่าวจะต้องมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ สำหรับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น ได้ดำเนินการปรับหลักสูตรมาแล้ว 5 ปีซึ่งได้รับการผนวกเข้าไปในหลักสูตรใหม่ซึ่งเพิ่งจะได้รับการปรับปรุงไปแล้ว 7 วิชา
ภายหลังการสัมมนา คณาจารย์ทั้งหลายจะได้นำข้อเสนอและวิธีการต่างๆในการปรับปรุงหลักสูตร กลับไปประชุมในแต่ละมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างหลักสูตร"สถาปัตย์-อนุรักษ์พลังงาน" ในอนาคต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ "รวมพลังหาร 2" โทรศัพท์ 280-5820 280 - 0951 - 7 628-7745-53 ต่อ 142, 144 โทรสาร280 - 5821 ข้อมูลผ่านโทรสารอัตโนมัติ 280 - 5823--จบ--