กรุงเทพ--25 ส.ค.--บมจ.ปิโตรเคมีแห่งชาติ
เอ็นพีซีจับมือ Booz-Allen ที่ปรึกษาจากอเมริกา วางแผนกลยุทธ์ สู้สถานการณ์เงินฝืด เพิ่มขีดความสามารถทั้งองค์กรและบุคลากร เตรียมพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจปี 2000 เผยครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 1,963 ล้านบาท
นายกมลชัย ภัทโรดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นพีซี เปิดเผยว่า สถานการณ์ของเอ็นพีซีในขณะนี้ ถึงจะอยู่ในกิจการที่ได้รับผลกระทบน้อยและยังมีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด มีสถานะเงินสดที่แข็งแกร่ง แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ มีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะเงินฝืด (Deflationary) กล่าวคือ มีปริมาณเงินหมุนเวียน และการจับจ่ายใช้สอยลดลง ซึ่งส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศช้าลงด้วย นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตสินค้าทั้งภูมิภาคยังมีมากกว่าความต้องการบริโภคสินค้าที่ลดต ่ำลง (Oversupply) เพราะพิษค่าเงินสกุลต่างๆในภูมิภาคเอเชีย อันเกิดจากการกู้ยืมที่เกินตัว และทั้งภูมิภาคมีการลงทุนที่มากเกินไป ส่งผลให้มีการแข่งขันตัดราคาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ลงมาต่ำสุดในรอบ 20 ปี ประกอบกับนักลงทุนอยู่ในภาวะที่ขาดความเชื่อมั่นและหยุดชะงักการลงทุน ทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่สภาวะชะงักงัน ประชาชนเก็บออมเงินสดไว้ในมือมากกว่าการจับจ่ายใช้สอย ทำให้กำลังซื้อลดน้อยลง
จากสภาวะดังกล่าว เอ็นพีซี จึงได้ร่วมวางแผนกลยุทธ์กับบริษัทที่ปรึกษา Booz-Allen & Hamilton International Inc. แห่งสหรัฐอเมริกา ศึกษาหาแนวทาง รูปแบบในการค้าทางธุรกิจใหม่ในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่เศรษฐกิจปี 2000 ปัจจุบันเอ็นพีซีมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการธุรกิจทุกขั้นตอน นับแต่การจัดหา การผลิต การจัดจำหน่าย การเงิน การพัฒนาบุคลากรและขีดความสามารถขององค์กร รวมทั้งมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เข้ามาร่วมทำธุรกิจใหเ้ข้มแข็งมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เอ็นพีซี ยังได้เปิดให้บริการอบรมและเป็นที่ปรึกษาในการบริหารงานความปลอดภัย การจัดการสิ่งแวดล้อม ระบบ ISO14000 รับเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมาย และการขออนุญาตในการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมแก่บริษัททั่วไป อาทิ กลุ่มบริษัท ทีโอเอ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการอบรมด้านการผลิตโอเลฟินส์ให้กับ Ethylene Malaysia SDN BHD (EMSB) และบริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด (ROC) เป็นต้น
นายกมลชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางด้านผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ของปี 2541 เอ็นพีซีและบริษัทย่อยมีผลกำไรจากการดำเนินงานก่อนขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ย นและก่อนส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในกำไรของบริษัทย่อยจำนวน 363 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 279 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 332 อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 776 ล้านบาท และบวกส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในขาดทุนของบริษัทย่อยจำนวน 43 ล้านบาทแล้ว เอ็นพีซีและบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ 370 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2541 เป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงราคาโอเลฟินส์ที่ยังสูงอยู่ในไตรมาสแรก และค่อย ๆ ลดต่ำลงในไตรมาสที่ 2 ซึ่งคาดว่าสภาพตลาดยังคงอ่อนตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 โดยเอ็นพีซี มีกำไรจากการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีรวม 893 ล้านบาท มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง 142 ล้านบาท และยังไม่เกิดขึ้นจริง 825 ล้านบาท รวมเป็น 967 ล้านบาท และส่วนได้เสียในผลกำไรจากการลงทุนในบริษัทย่อย 103 ล้านบาท รวมเป็นกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 1,963 ล้านบาท ซึ่งนับว่าการปรับปรุงการดำเนินงานในระยะ 3-4 ปีที่ผ่านมา ด้วยนโยบายการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ทั้งจากการบริหารงานคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (TQM) และการควบคุมความสูญเสีย (Loss Control) รวมทั้งจากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าและโอเลฟินส์ ส่งผลบวกในทางปฏิบัติอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ การร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง ปตท. เอ็นพีซี และกลุ่มดาวน์สตรีมมีความสำคัญอย่างยิ่งในภาวะการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นใ นปัจจุบัน เป็นผลให้ทุกฝ่ายสามารถดำเนินงานต่อไปได้ แม้จะต้องพบกับสภาพการณ์การทุ่มตลาด ตัดราคาอย่างที่สุดก็ตาม และการที่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้น 20 % และผู้ผลิตเม็ดพลาสติกส่งออกได้ถึง 50% เป็นผลจากความสามารถในทางการตลาดของกลุ่มดาวน์สตรีมอย่างแท้จริง ซึ่งการดำเนินธุรกิจในสภาพเช่นนี้ เอ็นพีซีได้ช่วยเหลือตนเองและลูกค้าอย่างเต็มที่ ไม่นั่งรอให้คนภายนอกมาช่วย เพราะสถานการณ์ในอนาคตยังมีความไม่แน่นอนอีกมาก นายกมลชัย กล่าวในท้ายสุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนประชาสัมพันธ์ บมจ. ปิโตรเคมีแห่งชาติ โทร. 617-7800 ต่อ 1221-1227--จบ--