ในยุคที่ทุกคนต้องเผชิญกับความเครียดและปัญหาต่าง ๆ จากการใช้ชีวิตในโลกที่เต็มไปด้วยความรวดเร็วและความไม่แน่นอน การดูแลสุขภาพจิตเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่เริ่มประสบปัญหาความรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หรือหดหู่จนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ป่วยจะได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น
โรค Bipolar หรือ "โรคอารมณ์สองขั้ว" เป็นหนึ่งในโรคจิตเวชที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยมักแสดงอาการที่คล้ายกับโรคซึมเศร้าอย่างชัดเจน เช่น ความรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง และการขาดพลังในการดำเนินชีวิต แต่ในความเป็นจริง โรคไบโพลาร์มีลักษณะของการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่มีทั้งช่วง "เศร้า" และ "คึกคักเกินไป" ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งการวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
สัญญาณที่อาจบ่งบอกว่าไม่ใช่แค่โรคซึมเศร้า
แม้ว่าโรคไบโพลาร์จะมีอาการซึมเศร้าในช่วงหนึ่ง แต่สิ่งที่แตกต่างจากโรคซึมเศร้าคือการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ที่มีทั้ง "ขาขึ้น" และ "ขาลง" ที่ชัดเจน โดยในช่วงที่อารมณ์คึกคักเกินไป (Manic) ผู้ป่วยอาจรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากเกินไป พูดเร็วเกินปกติ หรือมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการตัดสินใจที่ผิดพลาด เช่น การใช้จ่ายเงินเกินตัว หรือการตัดสินใจที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาว
การไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในลักษณะนี้อาจส่งผลให้ชีวิตประจำวันเกิดความยุ่งยากได้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการทำงาน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง หรือการใช้ชีวิตในสังคม ดังนั้น การสังเกตอาการอย่างละเอียดและการเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการรักษา
อาการของโรคไบโพลาร์แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
การรักษาโรคอารมณ์สองขั้ว
โรคอารมณ์สองขั้วรักษาด้วยการใช้ยากลุ่มควบคุมอารมณ์ ยาต้านเศร้าและยารักษาอาการทางจิต ตามอาการ ร่วมกับการทำจิตบำบัด พฤติกรรมบำบัดและการปรับการใช้ชีวิตประจำวัน กรณีมีอาการรุนแรงทางจิตหรือมีความคิดอยากตาย หรืออยากทำร้ายตนเองและผู้อื่น ควรได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังประสบปัญหาความเครียด ความเศร้า หรืออารมณ์แปรปรวนที่ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน ไม่ต้องรอให้ปัญหาลุกลามจนยากต่อการรักษา คุณสามารถขอคำปรึกษาจากทีมแพทย์ของเราที่โรงพยาบาล BMHH ได้ทุกเวลา
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit