SACIT ตอกย้ำคุณค่า "เครื่องรัก-เครื่องมุก" มรดกภูมิปัญญาที่ใกล้สูญหาย ผ่านนโยบาย "หัตถศิลป์ที่คิดถึง" มุ่งสร้างเครือข่ายหัตถกรรม ควบคู่ผลักดันถ่ายทอดองค์ความรู้

21 Feb 2025

สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT เดินหน้าตอกย้ำคุณค่าศิลปหัตถกรรมไทย ชูงาน "เครื่องรัก-เครื่องมุก" ผ่านนโยบาย "หัตถศิลป์ที่คิดถึง" ขับเคลื่อนนโยบายการอนุรักษ์งานฝีมือทรงคุณค่า และสืบทอดมรดกทางภูมิปัญญาอันล้ำค่าให้อยู่คู่สังคมไทย มุ่งสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนทักษะเชิงช่าง และเชิดชูผู้สร้างสรรค์ศิลปหัตถกรรม ควบคู่ผลักดันการถ่ายทอดองค์ความรู้ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา

SACIT ตอกย้ำคุณค่า "เครื่องรัก-เครื่องมุก" มรดกภูมิปัญญาที่ใกล้สูญหาย ผ่านนโยบาย "หัตถศิลป์ที่คิดถึง" มุ่งสร้างเครือข่ายหัตถกรรม ควบคู่ผลักดันถ่ายทอดองค์ความรู้

ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า เพื่อตอกย้ำการดำเนินงานของ SACIT ในการส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมไทยให้มีคุณค่าอย่างยั่งยืน จึงมีนโยบายในการสืบสาน อนุรักษ์ "หัตถศิลป์ที่คิดถึง" หรือ กลุ่มงานศิลปหัตถกรรมไทยมรดกทางภูมิปัญญาของประเทศที่ใกล้สูญหายให้คงยังคงอยู่กับคนรุ่นหลัง โดยในปี 2568 นี้ SACIT ได้มุ่งเน้นถ่ายทอดองค์ความรู้ และให้ความสำคัญกับงาน "เครื่องรัก-เครื่องมุก" ซึ่งเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่สะท้อนถึงคุณค่า และเสน่ห์ของงานหัตถศิลป์ที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ผลักดันการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา พร้อมปูทางเชื่อมโยงองค์ความรู้ และกระบวนการทักษะเชิงช่างในระดับนานาชาติ

"สำหรับนโยบายการสืบสานและส่งเสริมคุณค่าหัตถกรรมไทยที่ใกล้สูญหาย มีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์งานศิลปหัตถกรรมไทยอันทรงคุณค่าและสืบทอดมรดกภูมิปัญญา พร้อมทั้งผลักดันผลิตภัณฑ์ในกลุ่มงาน 'หัตถศิลป์ที่คิดถึง' ให้เป็นที่รู้จักทั้งในและต่างประเทศ โดย SACIT มุ่งเชื่อมโยงองค์ความรู้และสร้างเครือข่ายงานศิลปหัตถกรรมประเภทเครื่องรักในระดับสากล ผ่านการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ การสร้างเครือข่ายงานศิลปหัตถกรรม "Local Craft to Global Market" เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางพัฒนางานศิลปหัตถกรรมและแนวทางการส่งเสริมองค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรมประเภทเครื่องรัก ผ่านการจัดนิทรรศการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง SACIT ได้ทำความร่วมมือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการนำช่างฝีมืองานศิลปหัตถกรรมศึกษาดูงานระหว่างกัน พร้อมทั้งได้ประสานความร่วมมือเชิญมาร่วมในงาน SACIT Symposium การประชุมวิชาการด้านศิลปหัตถกรรม จากผู้เชี่ยวชาญและผู้สร้างสรรค์งานหัตถกรรมจากกลุ่มประเทศอาเซียน รวมไปถึงจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ ณ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) เป็นการเปิดมุมมองใหม่ในการพัฒนางานหัตถศิลป์ไทย งาน "เครื่องรัก-เครื่องมุก" และงานศิลปหัตถกรรมไทยอื่น ๆ อีกหลายแขนง"

ผศ.ดร.อนุชา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ SACIT ยังคงให้ความสำคัญกับผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรม โดยเฟ้นหาและนำมายกย่อง เชิดชู เป็นครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ให้การสนับสนุนเหล่าผู้สร้างสรรค์งานหัตถกรรมในทุกมิติ อาทิ การพัฒนาทักษะฝีมือ การส่งเสริมการสร้างรายได้ เพื่อสร้างการรับรู้ถึงคุณค่าของงานหัตถศิลป์ไทย ดังเช่นผลงานหัตถศิลป์ที่คิดถึงในงาน เครื่องรัก และเครื่องมุกโดย ครูจักรกริศษ์ สุขสวัสดิ์ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2564 ของ SACIT ผู้สืบสานงานประดับมุกที่วิจิตรบรรจง และ อัจฉราภรณ์ กล่ำเกลื่อน ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2567 ของ SACIT คนรุ่นใหม่ที่ถ่ายทอดเทคนิคเชิงช่างในกระบวนการลงรักปิดทองควบคู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างร่วมสมัย

ครูจักรกริศษ์ สุขสวัสดิ์ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2564 ของ SACIT ผู้สืบสานอนุรักษ์งานประดับมุกที่มีความวิจิตรบรรจง เปิดเผยว่า "งานประดับมุก" เป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า และควรแก่การอนุรักษ์เนื่องจากเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งที่สะท้อนอัตลักษ์ไทยที่ใกล้สูญหาย ซึ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยฝีมือและความประณีตบรรจง โดยการนำเปลือกหอยที่มีความแวววาว เช่น หอยมุกไฟ หรือหอยโข่งทะเล มาตัด เจียร ฉลุ และประดับลงบนชิ้นงาน โดยในอดีตเครื่องประดับมุกเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูง และนิยมนำไปใช้ประดับตกแต่งหุ่นไม้ โต๊ะหมู่บูชา ซึ่งในปัจจุบันหอยมุกเป็นวัสดุที่หายากและมีราคาสูง ทำให้ต้องนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยมีช่างรักที่ชำนาญเทคนิคไม่มากนัก จึงเป็นวาระสำคัญของทุกคนในการร่วมกันสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมไทยแขนงนี้ไว้ไม่ให้สูญหาย ซึ่งในฐานะครูศิลป์ของแผ่นดินจึงให้ความสำคัญต่อการนำองค์ความรู้ด้านงานช่างประดับมุกเข้าไปถ่ายทอดในสถานศึกษาที่เปิดหลักสูตรงานช่างสิบหมู่ อีกทั้งยังถ่ายทอดตามอัธยาศัยให้กับบุคคลทั่วไปที่สนใจจนสามารถสร้างช่างฝีมือเพื่อรับใช้สังคม สร้างสิ่งของเครื่องใช้ในพระพุทธศาสนา ตลอดจนถวายงานสถาบันพระมหากษัตริย์ อาทิ งานฉลุลายพระโกศจันทน์ งานอนุรักษ์บานประตูวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม และงานอนุรักษ์บานประตูหอพระมณเฑียร

ขณะที่ อัจฉราภรณ์ กล่ำเกลื่อน ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2567 ของ SACIT คนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญในงานหัตถกรรม "ลงรักปิดทอง" และยังเป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาหัตถศิลป์ วิทยาลัยเพาะช่าง เปิดเผยว่า เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับการเชิดชูเป็นทายาทช่างศิลปหัตถกรรมจาก SACIT เพราะจากจุดเริ่มต้นที่ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นสมาชิก SACIT และมีความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยที่ใช้ทักษะเชิงช่างในด้านงานหัตถกรรมลงรักปิดทอง ก็ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ SACIT โดยเฉพาะเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม "SACIT Academy" ที่ได้มีการเปิดอบรมสำหรับเทคนิคการสร้างสรรค์งานหัตถศิลป์เพื่อการศึกษา และการต่อยอด "งานเครื่องรัก" อันทรงคุณค่าปราณีตวิจิตรในหลากมิติ และได้รับการอบรมพิเศษสำหรับเทคนิคการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่มีความประณีตโดยเรียนรู้จากรูปแบบของเครื่องรักจากแหล่งผลิตสำคัญของประเทศพม่าจากนักวิชาการผู้มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการนำไปประยุกต์ใช้กับหลักสูตรการเรียนการสอนประจำสาขาวิชาฯ โดยยังส่งเสริมการใช้ทักษะ เทคนิคเชิงช่างควบคู่กับการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เพื่อรังสรรค์ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ลงรักปิดทองที่มีความร่วมสมัย เช่น เครื่องประดับ กระเป๋า ปากกา ฯลฯ ที่สามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ช่วยสืบสานองค์ความรู้ทักษะเชิงช่างในด้านงานลงรักปิดทองไม่ให้สูญหายไป