แพทย์จีนแนะนำ 7 วิธี ดูแลอาการแสบร้อน เรอเปรี้ยว โดย คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว

คุณเคยประสบปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ?

แพทย์จีนแนะนำ 7 วิธี ดูแลอาการแสบร้อน เรอเปรี้ยว โดย คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว

หลังรับประทานอาหารหรือก่อนนอนมีอาการแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยวจุกมาถึงคอหอย รู้สึกมีไฟสุมทรวงส่งผลให้คุณนอนไม่หลับ !!

อาการแสบร้อน เป็นอีกอาการที่พบบ่อยในระบบทางเดินอาหารและพบได้หลายตำแหน่งตั้งแต่ ช่องคอ ทรวงอก ลิ้นปี่ ที่ทั้งแสบหรือร่วมกับอาการปวดก็ได้ ซึ่งมักเกิดขึ้นจากอาหารหรือกรดในกระเพาะที่เกิดการไหลย้อนกลับสู่หลอดอาหาร จนเป็นที่มาของคำว่า กรดไหลย้อนนั่นเอง

ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่เทศกาลเฉลิมฉลองรื่นเริง รับประทานอาหารมื้อหนัก ๆ กันแทบจะวันเว้นวัน แพทย์จีนจะมาแนะนำการดูแลตัวเองด้วยวิธีการ 7 แบบ ที่จะช่วยดูแลอาการแสบร้อนที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นหลังอาหารมื้อหนัก ๆ 

  1. การจัดหนักไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง : การรับประทานอาหารแบบจัดหนักโดยไม่สนใจคนรอบข้างถือเป็นภัยมหันต์ต่อระบบทางเดินอาหาร เพราะอาหารที่รับประทานเข้าไปจำเป็นต้องใช้เวลาในการย่อย หมายความว่า หากยิ่งมีปริมาณอาหารมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องตกค้างอยู่ในกระเพาะและลำไส้นานเท่านั้น ยิ่งนานยิ่งเกิดแรงดันในช่องท้องเยอะขึ้น จนส่งผลให้อาหารมีโอกาสไหลย้อนได้ง่ายเช่นกัน รวมถึงการรับประทานอาหารที่ไม่ตรงเวลา ก็อาจทำให้กรดในกระเพาะและน้ำย่อยออกมาไม่ตรงเวลาด้วยเช่นกัน
  2. งดอาหารรสจัด : หากคุณอยากให้กระเพาะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ควรเริ่มจากการเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อน  ไม่ได้แนะนำให้ทานอาหารอ่อน ๆ อย่างโจ๊กที่น่าเบื่อทุกมื้อ แต่ทุกมื้อของคุณต้องใส่ใจเรื่องการเคี้ยวเสมอ แต่ที่สำคัญกว่าก็คืออาหารรสจัดไม่ว่าจะเป็น เผ็ดจัด เค็ม หวาน เปรี้ยวเกินไป ซึ่งมักปะปนอยู่ในอาหารทุกมื้อรวมถึงขนมทุกประเภทที่รับประทานเข้าไป ซึ่งมักส่งผลทำให้กระเพาะลำไส้เริ่มย่อยยาก เกิดแก๊สและเพิ่มกรดในกระเพาะมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นที่มาของอาการดังกล่าว
  3. ไม่ควรรัดตึง : รัดตึงในที่นี้หมายถึงการสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัวและรัดแน่น โดยเฉพาะรอบเอวที่ไม่ควรรัดแน่นเกินไป เพราะนั่นอาจทำให้เกิดแรงดันต่อช่องท้องมากขึ้นจากการบีบรัดของเสื้อผ้า จนเพิ่มโอกาสในการไหลย้อนและแสบร้อนตามไปด้วยนั่นเอง
  4. อย่ารีบชนแก้ว : การเฉลิมฉลองเป็นเรื่องที่ดีหากจะมีแอลกอฮอล์มาเป็นสีสันของงาน แต่ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับคุณแน่นอนหากยังต้องการรักษาอาการแสบร้อน เพราะมันมักส่งผลเสียต่อเนื้อเยื่อในกระเพาะ ส่งผลให้เกิดภาวะอักเสบ เกิดแผลขึ้น จนเกิดอาการแทรกซ้อนมากมายในระบบทางเดินอาหารนี้
  5. ลดน้ำหนักเป็นทางออกที่ดี : นั่นก็เพราะว่ายิ่งน้ำหนักของคุณมีมากเท่าไหร่ จะยิ่งส่งผลต่อแรงดันในช่องท้องเท่านั้น เท่ากับยิ่งเพิ่มโอกาสให้เกิดแรงดันที่ส่งผลต่อการไหลย้อนมากขึ้นด้วยเช่นกัน
  6. รักษาอุณหภูมิกันหน่อย : เข้าใจว่าพื้นฐานของประเทศไทยคืออากาศร้อนเป็นที่หนึ่ง แต่ก็ใช่ว่าจะต้องอยู่ห้องแอร์หรือรับประทานอาหารที่เย็นจัดตลอดเวลา เพราะแพทย์จีนมองว่ามันส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดในกระเพาะช้าลง จนเกิดการหดเกร็ง การบีบตัวช้าลง กระเพาะเริ่มแปรปรวนเพราะเลือดไหลเวียนสู่อวัยวะช้าลงจนทำให้เกิดภาวะเสียสมดุลและเกิดอาการดังกล่าวขึ้นในที่สุด
  7. สภาพจิตใจเป็นนายกระเพาะ : หลายท่านมักมองข้ามเรื่องของสภาพจิตใจไปเพราะคิดว่ามันคนละส่วนกันกับระบบทางเดินอาหาร ทั้งที่จริงแล้วมันคือเรื่องเดียวกัน !!!! เพราะกระเพาะต้องพึ่งพาการสั่งการของระบบประสาท ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่สภาพจิตใจแปรปรวน ก็มักส่งผลให้การทำงานของระบบประสาทและสารคัดหลั่งในกระเพาะทำงานแปรปรวน ยิ่งหากท่านใดที่ทำงานกะดึก สภาพการใช้ชีวิตขัดแย้งกันกับนาฬิกาชีวิตแล้ว ยิ่งทำให้ระบบย่อยมีปัญหามากขึ้นเป็นเงาตามตัวอย่างไม่ต้องสงสัย

โดยหลักการรักษาที่เป็นจุดเด่นของแพทย์แผนจีนนั้น เราจะเน้นไปที่พื้นฐานของผู้ป่วยเป็นสำคัญว่าสาเหตุหรือต้นตอที่แท้จริงมาจากปัญหาด้านใด โดยอาจต้องให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยถึงการดูแลปัญหาในด้านต่าง ๆ เช่น ปัญหาจากการใช้ชีวิต การไม่รู้จักวิธีการดูแลกระเพาะลำไส้ ความเครียด เป็นต้น จากนั้นจึงค้นหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยรายนั้น ๆ เฉพาะบุคคล เช่น เสริมบำรุงกระเพาะม้าม การสลายความชื้น การระบายชี่ในตับที่อุดกั้น การระบายความร้อน เป็นต้น

  • สอบถามข้อมูล หรือปรึกษาเรื่องสุขภาพได้ที่ "ทีมหมอจีน" คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว โทร 02 223 1111 
  • เปิดทำการทุกวัน (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 08:00 - 16:00 น.
  • LINE OA: @huachiewtcm
  • Facebook: หัวเฉียวแพทย์แผนจีนกรุงเทพ Huachiew TCM Clinic

ข่าวระบบทางเดินอาหาร+แพทย์แผนจีนวันนี้

สมุนไพรจีนยอดฮิต พิชิตโรคทางเดินอาหาร โดย คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสมุนไพรจีนเริ่มเข้ามามีบทบาทในการดูแลสุขภาพร่างกายของพี่น้องชาวไทยกันมากขึ้น เห็นได้จากผลิตภัณฑ์อาหารเสริมต่าง ๆ หรือเมนูอาหารในชีวิตประจำวันมีการประยุกต์นำสมุนไพรจีนเข้ามาใช้ เพื่อช่วยดูแลสุขภาพร่างกายกันมากขึ้น วันนี้หมอจีนมีตัวอย่างยาสมุนไพรจีนที่นิยมนำมาใช้ในการดูแลร่างกาย โดยเน้นไปที่การดูแลระบบทางเดินอาหารโดยตรง 1. ฝูหลิง (โป่งรากสน) (??) นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย และมักจะถูกเลือกใช้อยู่ในตำรับยาหลาย ๆ ตำรับที่ใช้กันบ่อยครั้ง มีคุณสมบัติในการบำรุงกระเพาะและม้ามให้แข็งแรง

คุณเคยประสบปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ? หลังรับ... แพทย์จีนแนะนำ 7 วิธี ดูแลอาการแสบร้อน เรอเปรี้ยว โดย คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว — คุณเคยประสบปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ? หลังรับประทานอาหารหรือก่อนนอนมีอาการ...

ปัญหาระบบทางเดินอาหาร เป็นสิ่งที่พบได้ทั่... หมอจีนแนะนำ กด 3 จุด กินอร่อยย่อยง่าย โดย คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว — ปัญหาระบบทางเดินอาหาร เป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไป ผู้สูงอายุโดยมากมักประสบปัญหาอวัยวะเ...

เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล คณะแพทยศาสตร์มหา... เคล็ดลับความสำเร็จจากศิษย์เก่าของ มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ ในวันสตรีสากลสำหรับแพทย์หญิงรุ่นใหม่ — เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเซนต์จอร์จ...

พญ.นฤภร ต่อศิริสุข กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคต... โรต้าไวรัสโรคฮิต.. ที่พบบ่อยในเด็กเล็ก — พญ.นฤภร ต่อศิริสุข กุมารแพทย์เฉพาะทางโรคต่อมไร้ท่อและเมตะบอลิสม คลินิกเด็ก ศูนย์แม่และเด็ก โรงพยาบาลหัวเฉียว...

หน้าหนาวแบบนี้ มีโรคใหม่กำลังระบาดอีกแล้ว... รู้ทันสัญญาณอันตราย "โนโรไวรัส (Norovirus)" — หน้าหนาวแบบนี้ มีโรคใหม่กำลังระบาดอีกแล้ว!! นั่นก็คือ "โนโรไวรัส" มักเกิดขึ้นในเด็ก ซึ่งตอนนี้มีเด็ก ๆ ติด...

ระวัง! "โนโรไวรัส" ระบาดหนักหน้าหนาว! ใคร... ระวัง! "โนโรไวรัส" ระบาดหนักหน้าหนาว! ใครบ้างที่เสี่ยง? — ระวัง! "โนโรไวรัส" ระบาดหนักหน้าหนาว! ใครบ้างที่เสี่ยง? จากข่าว "โนโรไวรัส" ที่กำลังระบาดในหลายพ...