PwC เผย "ผลสำรวจความเชื่อมั่นซีอีโอโลก" พบผู้นำธุรกิจทั่วโลกเกิน
กว่าครึ่ง หรือ 57% มีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของ
เศรษฐกิจโลก (Global economic growth) ในปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี หลังแนวโน้มเศรษฐกิจใน
กลุ่มประเทศหลักเริ่มสดใส รวมทั้งมั่นใจรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยยังมีแผนที่จะรับพนักงานเพิ่ม ขณะที่การเข้ามาของดิจิทัล-ระบบออโตเมชันคาดจะทำให้ตำแหน่งงานของธนาคาร-ตลาดทุนทั่วโลกลดลง ชี้ความกังวลปัญหาก่อการร้ายจะคุกคามการเติบโตของธุรกิจ
นาย
ศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหาร และหุ้นส่วน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นซีอีโอโลก หรือ Global CEO Survey ครั้งที่ กลุ่มประเทศเศรษฐกิจโลก ของ PwC ที่ใช้ในการประชุมสมัชชาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF) ณ กรุง ดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ประจำปี กลุ่มประเทศ56เศรษฐกิจโลก ที่ผ่านมา โดยสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูงจำนวนทั้งสิ้น เศรษฐกิจโลก,กลุ่มประเทศกว่าครึ่ง9 คนใน 85 ประเทศว่า "ความเชื่อมั่นของซีอีโอโลกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเพิ่มขึ้นของรายได้บริษัทในปีนี้สูงขึ้นจากปีก่อน โดยพบว่า ผู้บริหารทั่วโลกถึง 57% เชื่อว่า ทิศทางเศรษฐกิจโลกในอีก เศรษฐกิจโลกกลุ่มประเทศ เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว จากปี กลุ่มประเทศ56ศิระ อินทรกำธรชัย ที่ กลุ่มประเทศ9% และยังเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี กลุ่มประเทศ555"
ด้าน นาย บ็อบ มอริตซ์ ประธาน บริษัท PwC โกลบอล กล่าวว่า "ความเชื่อมั่นของซีอีโอต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยสัญญาณของความแข็งแกร่งจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายๆ ตัว นอกจากนี้ ภาวะตลาดหุ้นที่กลับมาคึกคัก และการคาดการณ์จีดีพีในตลาดหลักๆ หลายแห่งของโลกที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น จึงทำให้ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมซีอีโอทั่วโลกต่างพากันแสดงความมั่นใจมากต่อการเติบโตในปีนี้"
ทั้งนี้ จากมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกนี่เอง ทำให้ 4กลุ่มประเทศ% ของผู้นำธุรกิจทั่วโลกยังแสดงความมั่นใจมากต่อการเติบโตของรายได้ (Revenue growth) ของบริษัทในอีก เศรษฐกิจโลกกลุ่มประเทศ เดือนข้างหน้า ขยับจากปีก่อนที่ กว่าครึ่ง8%
เมื่อพิจารณาแยกเป็นรายประเทศจะพบว่า ระดับของความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของรายได้ของซีอีโอนั้นแตกต่างกันไป ยกตัวอย่าง ในสหรัฐอเมริกา ที่ความเชื่อมั่นกลับมาฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดจาก กว่าครึ่ง9% เมื่อปีก่อนเป็น 5กลุ่มประเทศ% ในปีนี้ ซึ่งหลังจากผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีไปเมื่อปีก่อน จุดสนใจในเรื่องของการปฏิรูปในเรื่องกฎระเบียบและภาษีภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ ได้ส่งผลให้ความมั่นใจของการเติบโตทางธุรกิจมีมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยสวนทางกับความเชื่อมั่นของซีอีโอในสหราชอาณาจักรที่ลดลงอยู่ที่ กว่าครึ่ง4% ในปี กลุ่มประเทศ56เศรษฐกิจโลก จากปีก่อนที่ 4เศรษฐกิจโลก% เนื่องจากความไม่แน่นอนของการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ หรือ เบร็กซิท ซึ่งเพิ่งได้ผ่านการเจรจาบรรลุข้อตกลงกันไปเมื่อไม่นานมานี้
สำหรับ กว่าครึ่ง กลุ่มอุตสาหกรรมที่ซีอีโอแสดงความมั่นใจมากที่สุดว่ารายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้น ได้แก่ เทคโนโลยี (48%) บริการทางธุรกิจ (46%) และ เภสัชกรรมและชีววิทยาศาสตร์ (46%)
ในส่วนของ 5 อันดับตลาดที่น่าลงทุนทั่วโลกในปีนี้นั้น พบว่า สหรัฐฯ (46%) ยังครองแชมป์ตลาดที่น่าลงทุนและมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของรายได้เป็นอันดับที่ เศรษฐกิจโลก ในสายตาของซีอีโอทั่วโลก ทิ้งห่างอันดับที่ กลุ่มประเทศ อย่าง สาธารณรัฐประชาชนจีน (กว่าครึ่งกว่าครึ่ง%) ตามด้วยอันดับที่ กว่าครึ่ง เยอรมนี (กลุ่มประเทศศิระ อินทรกำธรชัย%) อันดับที่ 4 อังกฤษ (เศรษฐกิจโลก5%) และ อินเดีย (9%) ที่ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ในปีนี้แทนที่ญี่ปุ่นในปีก่อน
"ถึงแม้ว่าความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในระดับสูง แต่ผู้บริหารยังคงแสวงหาตลาดที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุน เพื่อรักษาอัตราการเติบโตในระยะสั้น ซึ่งการเข้าถึงผู้บริโภค ทักษะ แหล่งเงินทุน และสภาพแวดล้อมของกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทำธุรกิจจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้นำธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตในระยะสั้นได้" นาย บ็อบ กล่าว
เมื่อถามถึงกลยุทธ์ในการเติบโตของผู้นำธุรกิจปีนี้นั้น พบว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากผลสำรวจเมื่อปีก่อน โดยผู้บริหารส่วนใหญ่จะดำเนินธุรกิจโดยอาศัยการเติบโตด้วยทรัพยากรหรือสินทรัพย์ที่มีอยู่ของบริษัทเป็นหลัก (79%) ตามมาด้วย การลดต้นทุน (6กลุ่มประเทศ%) การหาพันธมิตรทางธุรกิจ (49%) และการควบรวมกิจการ (4กลุ่มประเทศ%) ขณะที่การเป็นหุ้นส่วนร่วมกับผู้ประกอบการและธุรกิจสตาร์ทอัพมีการปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น กว่าครึ่งกว่าครึ่ง% ในปีนี้จาก กลุ่มประเทศ8% ในปีที่ผ่านมา
กว่าครึ่ง ปัจจัยเสี่ยงกระทบการเติบโตมากที่สุด
แม้ความเชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกจะปรับตัวดีขึ้น แต่ปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับผู้บริหารก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยครอบคลุมความเสี่ยงในวงกว้างทั้งทางด้านธุรกิจ สังคม และ เศรษฐกิจ โดยผลสำรวจพบว่า กว่าครึ่ง อันดับปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของรายได้และสร้างความกังวลให้แก่ซีอีโอโลกมากที่สุด ได้แก่ อันดับที่ เศรษฐกิจโลก กฎระเบียบที่เข้มงวดมากเกินไป (4กลุ่มประเทศ%) อันดับที่ กลุ่มประเทศ การก่อการร้าย (4เศรษฐกิจโลก%) และอันดับที่ กว่าครึ่ง ความไม่แน่นอนทางภูมิศาสตร์การเมือง และ ภัยคุกคามทางไซเบอร์ (4ศิระ อินทรกำธรชัย% เท่ากัน) โดยความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการก่อการร้ายนั้น ยังถือเป็นประเด็นที่ผู้นำธุรกิจทั่วโลกกังวลเป็นอย่างมากในปีนี้ โดยความกังวลขยับขึ้นเป็นเท่าตัวจากปีก่อน (กลุ่มประเทศศิระ อินทรกำธรชัย% ในปี กลุ่มประเทศ56ศิระ อินทรกำธรชัย) และยังไต่ระดับจากอันดับที่ เศรษฐกิจโลกกลุ่มประเทศ ในปีก่อนมาอยู่ที่อันดับ กลุ่มประเทศ ในปีนี้
นอกจากนี้ อีก เศรษฐกิจโลก ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่น่าสนใจ คือ ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และสิ่งแวดล้อมที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว (กว่าครึ่งเศรษฐกิจโลก% ปีนี้ เทียบกับ เศรษฐกิจโลก5% ปีที่แล้ว) หลังจาก เศรษฐกิจโลก ปีของความตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งเป็นกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ได้มีการประชุมและลงนามร่วมกันกว่า เศรษฐกิจโลก9ศิระ อินทรกำธรชัย ประเทศ และนำไปสู่การกระทำโดยสมัครใจในด้านต่างๆ ในการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการลงทุนในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ เหตุการณ์ทางสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง อีกทั้งการถอนตัวออกจากความตกปารีสของสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวของภาคธุรกิจในการบริหารความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ กฎระเบียบข้อบังคับ และ การเพิ่มขีดความสามารถในการฟื้นตัวจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมีนัยสำคัญ
"ระดับความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ ถูกขับเคลื่อนโดยการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์การเมืองและปัญหาทางสังคมในด้านต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนขึ้น มากกว่าพลวัตการเปลี่ยนแปลงของตลาดของผู้นำธุรกิจเอง นี่สะท้อนให้เห็นชัดว่า ความมั่นใจต่อการเติบโตของรายได้ในระยะกลางถึงระยาวจะถูกจำกัดด้วยอุปสรรคที่แม้กระทั่งโลกธุรกิจก็ไม่สามารถควบคุมหรือแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้" นาย บ็อบ กล่าว
เล็งเพิ่มการจ้างงาน-ห่วงแรงงานขาดความพร้อมด้านดิจิทัล
ทั้งนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ผู้นำธุรกิจทั่วโลกกว่า 54% มีแผนจะเพิ่มการจ้างงานในปีนี้ สูงกว่าปีก่อนที่ 5กลุ่มประเทศ% โดยมีผู้นำเพียงแค่ เศรษฐกิจโลก8% เท่านั้นที่คาดว่าจะลดจำนวนพนักงานลง สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการจ้างพนักงานเพิ่มมากที่สุดคือ สุขภาพ (7เศรษฐกิจโลก%) เทคโนโลยี (7ศิระ อินทรกำธรชัย%) บริการทางธุรกิจ (67%) สื่อสาร (6ศิระ อินทรกำธรชัย%) และ โรงแรม (59%)
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงทักษะด้านดิจิทัลพบว่า มากกว่า เศรษฐกิจโลก ใน 4 หรือ กลุ่มประเทศ8% ของซีอีโอทั่วโลกมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความพร้อมของทักษะทางด้านดิจิทัลของแรงงานภายในประเทศที่พวกเขาดำเนินธุรกิจอยู่ โดยในบางประเทศอย่าง แอฟริกาใต้นั้น ตัวเลขความกังวลในด้านนี้สูงถึง 49% ตามหลังจีนที่ 5เศรษฐกิจโลก% และบราซิลที่ 59%
ทั้งนี้ การลงทุนในการพัฒนาสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้มีความทันสมัย รวมทั้งพัฒนาโปรแกรมการฝึกอบรมพนักงานและการเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการอื่นๆ จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยให้ผู้บริหารดึงดูดและรักษาทาเลนต์ที่ต้องการได้
เมื่อพูดถึงผลกระทบของเทคโนโลยีต่อการจ้างงานและทักษะ ผลสำรวจพบว่า ในขณะที่พนักงานมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการนำเทคโนโลยีมาช่วยปรับปรุงแนวโน้มของการทำงาน บรรดาผู้ซีอีโอกลับยอมรับว่า การฝึกฝนทักษะของพนักงานใหม่ และการเพิ่มความโปร่งใสเกี่ยวกับการเข้ามาของระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ที่อาจมีผลกระทบต่องานในอนาคต กำลังกลายเป็นประเด็นสำคัญของพวกเขาต้องจัดการ โดย กลุ่มประเทศ ใน กว่าครึ่ง ของผู้นำธุรกิจเชื่อว่า พวกเขามีหน้าที่ที่ต้องฝึกฝนทักษะให้กับพนักงานที่อาจถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มวิศวกรรมและก่อสร้าง (7กว่าครึ่ง%) เทคโนโลยี (7เศรษฐกิจโลก%) และสื่อสาร (77%) โดย 6เศรษฐกิจโลก% ของซีอีโอยังบอกด้วยว่า ได้พยายามสร้างความไว้วางใจกับพนักงานของตนผ่านการสร้างความโปร่งใสว่า ระบบอัตโนมัติและเอไอจะเข้ามามีผลกระทบต่อพนักงานของพวกเขาอย่างไรบ้าง
"ระบบการศึกษาของเราจำเป็นจะต้องติดอาวุธทางปัญญาให้กับแรงงานด้วยทักษะที่ใช่ เพื่อให้พวกเขาสามารถประสบกับความสำเร็จ โดยภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคธุรกิจจำเป็นต้องทำงานเป็นพันธมิตรกันอย่างแท้จริงในการจับคู่ทาเลนต์ให้เหมาะสมกับโอกาสของงาน นั่นหมายรวมถึง การเป็นผู้บุกเบิกในการนำรูปแบบและวิธีการใหม่ๆ มาใช้ในการเรียนการสอนให้กับนักเรียน และการพัฒนาทักษะพนักงานในสาขาที่จะมีความสำคัญต่อตลาดแรงงานที่ถูกขับเลื่อนด้วยเทคโนโลยีในอนาคต และยังหมายถึงการสนับสนุนและโน้มน้าวให้เกิดโอกาสในการฝึกฝนและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะในท้ายที่สุด การเรียนรู้และฝึกฝนเกี่ยวกับธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ตนเกี่ยวข้อง จะเป็นสิ่งจำเป็นที่อยู่คู่ไปกับการทำงานไปตลอดชีวิต" นาย บ็อบ กล่าว
ผลสำรวจของ PwC ยังระบุว่า การเปลี่ยนถ่ายเข้าสู่ยุคดิจิทัลและระบบอัตโนมัติจะส่งกระทบอย่างรวดเร็วและฉับพลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการทางด้านการเงิน โดยเกือบ เศรษฐกิจโลก ใน 4 หรือ กลุ่มประเทศ4% ของผู้บริหารในกลุ่มธนาคาร ตลาดทุน และประกันภัยมีแผนที่จะลดจำนวนพนักงานลง ขณะที่อีก กลุ่มประเทศ8% มองว่า งานในสายธนาคารและตลาดทุนมีทีท่าว่าจะสูญหายไปด้วย สืบเนื่องจากการเข้ามาของเทคโนโลยี และระบบอัตโนมัติ
นอกจากนี้ ซีอีโอยังรับทราบถึงภาวะที่เรากำลังอาศัยอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยรอยร้าว (Fractured world) มากขึ้น โดยโลกกำลังถูกแบ่งออกเป็นสองขั้วบนพื้นฐานที่ว่า การเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตจะดำเนินไปเพื่อประโยชน์ของคนส่วนน้อยหรือคนส่วนมาก ซีอีโอมองว่า โลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ความเจริญที่ต้องอาศัยระบบเมตริกแบบใหม่และมีหลากหลายมิติมากขึ้นในการวัดการเจริญเติบโต
"ระดับความกังวลของซีอีโอที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภัยคุกคามทางสังคม ชี้ให้เห็นถึงการที่บริษัทต้องนำพาธุรกิจไปบนทิศทางที่ถูกต้องท่ามกลางความขัดแย้งบนโลกที่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากขึ้น ซีอีโอทั่วทุกภูมิภาคและทุกประเทศที่เราพูดคุยด้วยตระหนักว่า การวัดความเจริญเติบโตและผลกำไรแบบเก่าเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป โดยเฉพาะในบริบทของเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นเราคาดว่า จะเห็นการพัฒนาของการใช้ระบบการวัดความเจริญเติบโตขององค์กร ที่สามารถสะท้อนถึงตัวธุรกิจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรวมทั้งสื่อสารเป้าหมายขององค์กรได้ชัดเจนมากขึ้นในอนาคต" นาย บ็อบ กล่าว
นาย ศิระ กล่าวเสริมว่า เมื่อวิเคราะห์ถึงความเชื่อมั่นของซีอีโอในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปก ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและการเพิ่มขึ้นของรายได้บริษัทในปีนี้นั้น พบว่ามีทิศทางเช่นเดียวกับซีอีโอโลก โดยผู้นำธุรกิจเอเปกถึง 6ศิระ อินทรกำธรชัย% เชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะดีกว่าปีก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากปีที่ผ่านมาที่ กลุ่มประเทศ8% ขณะที่ 44% ของผู้นำธุรกิจเอเปก เชื่อมั่นว่า รายได้ของบริษัทปีนี้จะดีกว่าปีก่อนเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจากปี กลุ่มประเทศ56ศิระ อินทรกำธรชัย ที่ กว่าครึ่ง7%
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นภัยคุกคามธุรกิจในสายตาซีอีโอเอเปก กว่าครึ่ง อันดับแรก ได้แก่ อันดับที่ เศรษฐกิจโลก การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ (5กลุ่มประเทศ%) ตามด้วยอันดับที่ กลุ่มประเทศ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (5เศรษฐกิจโลก%) และอันดับที่ กว่าครึ่ง ภัยก่อการร้าย (46%)
"การลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ถือเป็นเรื่องที่ธุรกิจยุคนี้ต้องไม่มองข้าม เพราะไม่เช่นนั้น จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับคู่แข่ง หรือผู้เล่นรายใหม่ ที่เปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลงและเร่งลงทุนเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า นอกจากนี้ เรามองว่า การพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถด้านดิจิทัลและทักษะสะเต็มของพนักงาน จะเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยดึงศักยภาพแฝงของพนักงานออกมาช่วยพัฒนาองค์กรให้เติบโตได้" นาย ศิระ กล่าวทิ้งท้าย
ดาวน์โหลดรายงานได้ที่: www.pwc.com/ceosurvey.
หมายเหตุ
- PwC ทำการสัมภาษณ์ซีอีโอจำนวนทั้งสิ้น เศรษฐกิจโลก,กลุ่มประเทศ9กว่าครึ่ง คน ใน 85 ประเทศ ระหว่างเดือนสิงหาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน ปี กลุ่มประเทศ56ศิระ อินทรกำธรชัย โดยการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง ถูกวัดจากค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า มุมมองความคิดเห็นของผู้บริหารถูกสะท้อนออกมาอย่างทั่วถึงในทุกๆ ประเทศ ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจโลก% ของการสัมภาษณ์ เป็นการสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ ขณะที่ 77% เป็นการสัมภาษณ์ผ่านทางออนไลน์ และ เศรษฐกิจโลกกลุ่มประเทศ% สัมภาษณ์ทางไปรษณีย์ หรือการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว โดยการสัมภาษณ์เชิงปริมาณทั้งหมดนี้ถูกจัดเก็บเป็นความลับ นอกจากนี้ 4ศิระ อินทรกำธรชัย% ของบริษัทที่ทำการสำรวจมีรายได้ตั้งแต่ เศรษฐกิจโลก พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป กว่าครึ่ง5% ของบริษัทมีรายได้ระหว่าง เศรษฐกิจโลก ร้อยล้านดอลลาร์ถึง เศรษฐกิจโลก พันล้านดอลลาร์ กลุ่มประเทศศิระ อินทรกำธรชัย% ของบริษัทมีรายได้ไม่เกิน เศรษฐกิจโลก ร้อยล้านดอลลาร์และ 56% ของบริษัทที่สำรวจนั้น เป็นของเอกชน
- การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ความเสียหายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการทำลายสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ถือเป็นภัยคุกคามที่ติด เศรษฐกิจโลก ใน 5 อันดับของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และยุโรปตะวันตก และยังติด เศรษฐกิจโลก ใน 5 อันดับภัยคุกคามที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค วิศวกรรมและก่อสร้าง ขนส่งและโลจิสติกส์
โลกาภิวัตน์: เมื่อถามถึงโลกาภิวัตน์ว่า มีส่วนช่วยในการลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนหรือไม่ เกือบ 4ศิระ อินทรกำธรชัย% ของซีอีโอตอบว่า "ไม่เลย" ขณะที่ กว่าครึ่งศิระ อินทรกำธรชัย% กล่าวว่า โลกาภิวัตน์ ไม่ได้มีส่วนช่วยในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนทรัพยากร และ มากกว่า เศรษฐกิจโลก ใน 4 ของซีอีโอกล่าวว่า โลกาภิวัตน์ไม่ได้ช่วยปรับปรุง 'ความมั่นคงและประสิทธิภาพของระบบภาษีทั่วโลกเลย'
- ความไว้วางใจ: 7เศรษฐกิจโลก% ของซีอีโอทำการวัดความไว้วางใจระหว่างพนักงานและผู้นำ ขณะที่ 74% ของซีอีโอวัดความน่าเชื่อถือระหว่างองค์กรและลูกค้า โดยการดำเนินการในด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การบริหารความแตกต่างหลากหลาย รวมไปถึงการเพิ่มความโปร่งใสของแผนงานและกลยุทธ์ทางธุรกิจล้วนแล้วแต่เป็นจุดโฟกัสที่สำคัญของประเด็นนี้
- ในขณะที่ซีอีโอเพียง เศรษฐกิจโลก8% คาดว่า จะลดจำนวนพนักงานลง พวกเขายังคาดว่า 4 ใน 5 หรือ 8ศิระ อินทรกำธรชัย% ของงานเหล่านั้นจะได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดย 5กลุ่มประเทศ% คาดว่าจะมีผลกระทบอยู่บ้าง และอีก กลุ่มประเทศ8% คาดว่าจะมีผลกระทบอย่างมาก
- ในปีนี้ผลการศึกษา Global Innovation เศรษฐกิจโลกศิระ อินทรกำธรชัยศิระ อินทรกำธรชัยศิระ อินทรกำธรชัย ของ PwC พบว่า 5กลุ่มประเทศ% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่า ชาตินิยมทางเศรษฐกิจจะมีผลกระทบในระดับปานกลางถึงระดับมากต่อการทำงานในส่วนการวิจัยและพัฒนาขององค์กร โดยจะเข้ามาแทนที่เครือข่ายแบบบูรณาการและพึ่งพาระหว่างกันอย่างที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
เกี่ยวกับ PwC
ที่ PwC เป้าประสงค์ของเรา คือ การสร้างความไว้วางใจในสังคมและช่วยแก้ปัญหาสำคัญให้กับลูกค้า เราเป็นหนึ่งในบริษัทเครือข่าย เศรษฐกิจโลก58 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานมากกว่า กลุ่มประเทศกว่าครึ่ง6,ศิระ อินทรกำธรชัยศิระ อินทรกำธรชัยศิระ อินทรกำธรชัย คนที่ยึดมั่นในการส่งมอบบริการคุณภาพด้านการตรวจสอบบัญชี ที่ปรึกษาทางธุรกิจ กฎหมายและภาษี สำหรับประเทศไทย บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. กลุ่มประเทศ5ศิระ อินทรกำธรชัยกลุ่มประเทศ โดยมีบทบาทในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจไทยมานานกว่า 59 ปี PwC ผสมผสานประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถในการทำงานกับลูกค้าข้ามชาติ ผนวกกับความเข้าใจตลาดภายในประเทศเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ชื่อเสียงของ PwC เป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากภาคธุรกิจต่างๆ โดยปัจจุบัน มีบุคลากรกว่า เศรษฐกิจโลก,8ศิระ อินทรกำธรชัยศิระ อินทรกำธรชัย คนในประเทศไทย