ประเมินผลรัฐบาลแก้เศรษฐกิจ-อสังหาริมทรัพย์

          ในโอกาสส่งท้ายปี 2558 ผมจึงขออนุญาตสรุปผลงานของรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ-อสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ผมได้ทำแบบสอบถามกับผู้เข้าร่วมสัมมนาอสังหาริมทรัพย์ที่จัดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม และพบข้อสรุปที่รัฐบาลพึงจะนำไปใช้ประกอบการวางแผนพัฒนาชาติ ผมจึงสรุปผลแบบ Exclusive สำหรับเผยแพร่ ณ ที่นี้โดยตรง

ประเมินเศรษฐกิจไทย

          ผู้ที่ตอบแบบสอบถามของผมมีอยู่ 132 รายโดยเป็นบริษัทพัฒนาที่ดิน 32% นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ 28% นักวิชาชีพอสังหาริมทรัพย์ 13% สถาบันการเงิน 12% ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่น ๆ ผลการสำรวจความเห็นประเมินว่าเศรษฐกิจในปี 2558 อยู่ในระดับปานกลาง 42% อยู่ในระดับแย่ถึงแย่มากมี 52% ที่บอกว่าดีมีเพียง 6% นี่อาจสะท้อนผลการทำงานของรัฐบาลได้ส่วนหนึ่งว่ายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชาติได้ดังหวัง ซึ่งก็ได้แต่เอาใจช่วยว่าจะสามารถแก้ไขได้โดยเร็ว
          ยิ่งเมื่อเทียบกับปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่รัฐบาลที่แล้วยังทำงานอยู่ ก็ปรากฏว่า 47% เห็นว่าปี 2546 เศรษฐกิจดีกว่าปีนี้ ที่เห็นว่าพอ ๆ กันมี 45% ซึ่งใกล้เคียงกัน ที่เห็นว่าปี 2558 ดีกว่ามีเพียง 8% กรณีนี้เป็นการตอกย้ำว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ไม่สดใสเท่าที่ควร
และเมื่อถามถึงเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ที่กำลังจะมาถึงปรากฏว่า 41% บอกน่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ 41% บอกพอ ๆ กับปีนี้ ที่คิดว่าจะแย่กว่าปีนี้มีเพียง 18% ซึ่งกรณีนี้นับเป็นธรรมดาที่เราๆ ท่านๆ มักต้องหวังว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะดี แต่ก็ยังมีจำนวนไม่มากนัก ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง การนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องใส่ใจเป็นพิเศษกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งอาวุธคงใช้แก้ปัญหาไม่ได้
ประเมินตลาดที่อยู่อาศัย กทม.
          ส่วนในด้านตลาดที่อยู่อาศัย ผลการการสำรวจพบว่า 61% เห็นว่าภาวะขณะนี้อยู่ในภาวะ "ปานกลาง" แต่ก็ยังมี 11% mเห็นว่าดี อย่างไรก็ตามกลุ่มที่เห็นว่า แย่ถึงแย่มากมีถึง 28% ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยขณะนี้จึงค่อนข้างเงียบ และเมื่อประเมินเทียบกับเมื่อ 2 ปีก่อน ปรากฏว่ามากกว่าครึ่งหนึ่ง (52%) เห็นว่าเมื่อปี 2556 ตลาดที่อยู่อาศัยดีกว่านี้ ที่เห็นว่าพอ ๆ กันมี 35% และยังมีที่เห็นว่าปีนี้ดีกว่ามี 13%
อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2559 จะดีกว่าปี 2558 หรือไม่ ก็ปรากฏว่า ที่เห็นว่าดีกว่ามีเพียง 38% แต่ 44% เห็นว่าคงไม่แตกต่างจากปีนี้ที่ยังค่อนข้างชะลอตัว นอกจากนั้นยังมีอีก 18% เห็นว่าสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2559 จะแย่กว่าปี 2558 เสียอีก
ส่วนในด้านความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง (ปานกลาง) ได้เสร็จจริงในอีก 3-4 ปีข้างหน้าหรือไม่ ปรากฏว่ามีเพียง 10% ที่มีความเชื่อมั่นสูง 29% มีความเชื่อมั่น ที่เห็นว่าปานกลางมี 31% ส่วนที่ไม่ค่อยเชื่อมั่นมี 23% และที่ไม่เชื่อมั่นเลยมี 6% แสดงให้เห็นว่ายังมีแนวโน้มที่จะมีความเป็นไปได้ที่จะสร้างรถไฟฟ้าได้แล้วเสร็จ แต่ประเด็นที่พึงพิจารณาก็คือ ค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ว่านั้นกลับแพงกว่าที่รัฐบาลที่แล้วเคยประเมินไว้ และหากไทยลงนามกับจีนจริง อาจจะเสียเปรียบจีนหรือไม่ เป็นสิ่งที่พึงพิจารณา
          สำหรับแนวโน้มที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเกิดภาวะ "บูม" สุดขีดจะเป็นในปีใด ที่เห็นว่าเป็นปีหน้า (2559) มีเพียง 2% การนี้เป็นการสอบทานให้เห็นชัดว่า สถานการณ์ปี 2559 คงไม่ได้เติบโตฟู่ฟ่าเป็นแน่ ที่เห็นว่าจะ "บูม" ในปี 2560, 61, 62 และ 63 มีสัดส่วนเป็น 18% 23% 29% และ 28% ตามลำดับ อาจกล่าวสรุปได้ว่า ตลาดจะ "บูม" ในปี 2562 เป็นต้นไปถึง 57% ไม่ใช่ในระยะ 2-3 ปีนี้อย่างแน่นอน
          สำหรับสิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการเพื่อพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์นั้น นอกจากการ "ลดแลกแจกแถม" ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว ยังมีมาตรการที่น่าสนใจอื่น เช่น
          1. การกระตุ้นสินค้าคงค้าง เช่น บ้านมือสอง
          2. การสร้างความโปร่งใสในแวดวงอสังหาริมทรัพย์
          3. การดำเนินโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคภาครัฐให้รวดเร็ว ไม่ล่าช้า
          4. การปรับปรุงข้อกฎหมายที่ล้าหลัง
          5. การจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว เป็นต้น
ประเมินตลาดต่างจังหวัด
          ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ยังได้สำรวจความเห็นของผู้เกี่ยวข้องในจังหวัดอื่นด้วย ซึ่งได้ผลคล้ายกัน เช่น
          1. ที่จังหวัดอุดรธานี ก็คาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 จะดีกว่าปี 2558 นี้ 47% ส่วนอีก 47% ก็คาดว่าเป็นเช่นเดียวกับปีนี้ และอีก 7% เห็นว่าจะแย่ลงกว่าปีนี้เสียอีก ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นยังมีไม่สูงนัก (http://goo.gl/P7WFVy)
          2. ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ที่เห็นว่าสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ในปี 2559 น่าจะดีกว่าปีนี้ มี 42% มีเพียง 40% ที่คาดว่าจะยังมีสภาพเช่นปีนี้ และมี 18% ที่คิดว่าปีหน้า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะย่ำแย่กว่าปี 2558 (http://goo.gl/Oylonx)
          3. ที่จังหวัดภูเก็ต หากเทียบกับปี 2559 ตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ตในปี 2559 เทียบกับปีนี้ ผลออกมาเป็น 106 จากค่ากลางที่ 100 (http://goo.gl/t6yT7c) แสดงว่าต่างก็ตั้งความหวังว่าตลาดจะดีขึ้นในปีหน้า ซึ่งทุกฝ่ายก็พยายามจะให้ได้ตามหวัง และมีโอกาสเป็นไปได้ในกรณีภูเก็ตเพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว มีเงินตราเข้ามาจากต่างประเทศ ไม่ต้อง "กินน้ำใต้ศอก" หรือรอรับ "อานิสงส์" จากกรุงเทพมหานคร
ทิศทางเศรษฐกิจที่ต้องระวัง
          เมื่อปลายปี 2557 ทางราชการว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตไม่เกิน4.5% โดยประมาณการไว้ที่ 4.0% (http://goo.gl/9SRICl) แต่ล่าสุดรัฐบาลบอกว่าจะพยายามให้ถึง 3.0% และธนาคารโลกพยากรณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะเติบโตเพียง 2.5% (http://goo.gl/gbAvzn) นี่แสดงให้เห็นชัดว่าการบริหารของรัฐบาลไม่บรรลุผล
          รัฐบาลอาจมองว่าที่เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ก็เพราะเศรษฐกิจโลกย่ำแย่ แต่ในความเป็นจริงธนาคารโลกประเมินเศรษฐกิจโลกเติบโต 2.6% ในปี 2557 ในขณะที่ไทยเติบโตเพียง 0.9% ในปีดังกล่าว ส่วนในปี 2558 ประมาณการเศรษฐกิจโลกไว้เท่ากับเศรษฐกิจไทยที่ 2.5% และในปี 2559 เศรษฐกิจโลกน่าจะเติบโต 3% ในขณะที่พยากรณ์ของไทยไว้เพียง 2% เท่านั้น จึงแสดงให้เห็นว่าที่เศรษฐกิจไทยไม่ดีนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก เพราะประเทศเพื่อนบ้านยังอยู่ในฐานะที่ดีกว่าไทยเรา
          หากเปรียบเทียบข้อมูลเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยจากการประมาณการทั้งปีของปี 2558 โดยศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส พบว่า มีโครงการที่อยู่อาศัยราคา 1-5 ล้านบาท เปิดตัวลดลงถึง 16% ในด้านจำนวนหน่วย (89,729 หน่วยในปี 2557 และ 75,404 หน่วยในปี 2558) และลดลง 10% ในด้านมูลค่าการเปิดตัวใหม่ (222,830 ล้านบาทในปี 2557 และ 199,528 ล้านบาทในปี 2558) ที่ยังเปิดขายมากเป็นบ้านราคาสูงๆ ซึ่งแสดงว่าผู้มีรายได้สูงไม่ได้ผลกระทบจากเศรษฐกิจและบ้านราคาต่ำกว่าล้านก็เกิดเพิ่มขึ้นมาก เพราะการเก็งกำไรในส่วนหนึ่ง โดยนัยนี้ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมก็เสื่อมถอยลง
พัฒนารถไฟอย่างระมัดระวัง
          การที่รัฐบาลไทยวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วปานกลางกับประเทศจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ นับเป็นเรื่องดี แต่ต้องระวัง โครงการรถไฟไทย-จีน ที่สถานีรถไฟเชียงรากน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อเป็นศูนย์ควบคุมและบริหารการเดินรถกลางในอนาคต โดยมีระยะทาง 845 กิโลเมตร (ต้นทุนกิโลเมตรละ 627 ล้านบาท) ขบวนรถไฟสำหรับขนส่งผู้โดยสาร วิ่งด้วยความเร็วได้สูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนขบวนลากจูงสินค้า (ขนผัก) วิ่งด้วยความเร็วได้สูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
          หากเทียบกับอินโดนีเซียแล้ว ค่าก่อสร้างถูกกว่าไทยคือตกเป็นเงินกิโลเมตรละ 568 ล้านบาท ในอินโดนีเซียยังมีประกาศชัดถึงค่าโดยสารที่จะเก็บ แต่ในกรณีของไทยไม่สามารถประกาศได้ ค่าก่อสร้างต่อกิโลเมตร ของไทยแพงกว่าอินโดนีเซีย (ยกเว้นช่วงแรกที่แพงกว่าไทยเพราะต้องลงทุนเตรียมสำหรับเส้นทางระยะยาว) คือ ของไทย 627 ล้านบาทต่อกิโลเมตร ส่วนของอินโดนีเซีย (ไปสุราบายา) เป็นเงินเพียง 568 ล้านบาท (http://goo.gl/O7EBz2) ถ้ารัฐบาลผลีผลามไปอาจทำให้เศรษฐกิจไทยยิ่งเสื่อมทรุดได้
มาตรการที่รัฐควรระดม
          รัฐบาลควรจะพัฒนาประเทศอย่างรวดเร็วด้วยการให้สัมปทานรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ทั้งนี้รัฐบาลไม่ต้องออกเงินก่อสร้างเอง จะทำให้เกิดรายได้สูง การอนุญาตให้ก่อสร้างอย่างหนาแน่นสูง (High Density) แต่ไม่แออัด (Overcrowdedness) โดยกำหนดผังเมืองใหม่โดยให้การก่อสร้างในเขตใจกลางเมือง สามารถสร้างสูงได้ถึงประมาณ 15-20 เท่าของขนาดแปลงที่ดิน (Floor Area Ratio: FAR) การนำที่ดินของรัฐใจกลางเมืองมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่เอามาสร้าง "บ้านคนจน" เพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อนำภาษีที่ได้นี้มาพัฒนาประเทศ ทำให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มพูนมากกว่าภาษีที่เสียไป การสร้างนิคมอุตสาหกรรมและคาสิโน เป็นต้น โปรดดูรายละเอียดที่ http://goo.gl/O7EBz2
          หากมีการเลือกตั้งโดยเร็ว ก็จะส่งผลต่อการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การกีดกันทางการค้า หรือความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศตะวันตกก็จะดีขึ้น การลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย ก็คงมากขึ้น ในกรณีนี้ก็จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเด่นชัด ปรากฏการณ์การเลือกตั้งกับเศรษฐกิจสามารถเห็นได้ชัดเจนในกรณีประเทศเมียนมาที่เติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อบรรยากาศทางการเมืองผ่อนคลายลงนั่นเอง
          โดยสรุปแล้ว ในปี 2559 ยังเป็นปีที่ผู้ซื้อบ้านและนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ยังต้องห่วงใยอยู่พอสมควร ต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุนนะครับ เริ่มต้นที่การติดตามคอลัมน์ของผมนี้ก่อนนะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีในปี 2559 ครับผม
          ที่มา: ธนาคารโลก http://goo.gl/gbAvzn (page 26)

ผู้แถลง:
          ดร.โสภณ พรโชคชัย ([email protected]) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน

ข่าวบริษัทพัฒนาที่ดิน+อสังหาริมทรัพย์วันนี้

20 อันดับเจ้าตลาดบริษัทพัฒนาที่ดิน

มาตรวจสอบดูว่าบริษัทพัฒนาที่ดินเจ้าตลาดในประเทศไทยมีใครบ้าง โดยพิจารณาจากการเปิดตัวใหม่ในครึ่งแรกของปี 2561 ดูวิดิโอ fb Live คลิกที่ลิงค์นี้: https://www.facebook.com/dr.sopon4/videos/1695910170521562/https://img.thaipr.net/thaipr/600x600s/tmp/20180803/4fecd7d352eb5948714535d95436c86c.jpgดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยผลการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยพบว่ามีบริษัท "เจ้าตลาด" ขนาด

ประเมินผลรัฐบาลแก้เศรษฐกิจ-อสังหาริมทรัพย์

ในโอกาสส่งท้ายปี 2558 ผมจึงขออนุญาตสรุปผลงานของรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ-อสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ผมได้ทำแบบสอบถามกับผู้เข้าร่วมสัมมนาอสังหาริมทรัพย์ที่จัดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม และพบข้อสรุปที่รัฐบาลพึงจะนำไปใช้ประกอบการวางแผนพัฒนาชาติ ผมจึงสรุปผลแบบ Exclusive...

แบบอย่างการพัฒนาเมืองของเยอรมนี

การที่เราจะพัฒนาเมือง นคร มหานคร ของเราให้ยั่งยืนนั้น จะต้องจัดการทรัพยากรต่างๆ ให้เหมาะสมกับเงื่อนไข เรามาดูการพัฒนาเมืองจากการพาชมของผมเมื่อเร็ว ๆ นี้ครับ ในระหว่างวันที่ 17-24 กันยายน ศกนี้ ผมพาผู้บริหารระดับสูงของบริษัทพัฒนาที่ดินรายใหญ่ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์...

เอสเตท กูรู แถลงข่าวโครงการ “Wizdom อนามัยงามเจริญ”

“บริษัท เอสเตท กูรู จำกัด” บริษัทพัฒนาที่ดินคลื่นลูกใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการวิสด้อม เพชรเกษม 53 และวิสด้อม ติวานนท์-แจ้งวัฒนะ ขอเรียนเชิญสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าวโครงการ “Wizdom อนามัยงามเจริญ” ที่พักอาศัยทางเลือกใหม่ ย่านพระราม 2...

20 อันดับบริษัทพัฒนาที่ดินใหญ่สุด: พฤกษาอันดับหนึ่ง หนึ่งในห้าของทั้งตลาด!

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส แถลงว่า จากการสำรวจข้อมูลการขายในโครงการต่าง ๆ เกือบ 1,600 โครงการทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบว่า...

ที่สุด...อสังหาฯปี"56 ที่ดินวาละ2ล้าน-คอน... ที่สุด...อสังหาฯปี"56 ที่ดินวาละ2ล้าน-คอนโดฯห้องละ480ล้าน แพงหลุดโลก — ที่สุด...อสังหาฯปี"56 ที่ดินวาละ2ล้าน-คอนโดฯห้องละ480ล้าน แพงหลุดโลก - ที่ดินแพงที่...

ดี เวล แกรนด์ แอสเสท เชิญสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการ “ดี เมโมเรีย พหลโยธิน 8”

บริษัท “ดี เวล แกรนด์ แอสเสท จำกัด” บริษัทพัฒนาที่ดินคนรุ่นใหม่ ภายใต้การรวมตัวของทายาทธุรกิจ 3 ตระกูลดัง ประกอบด้วย ธเนศเดชสุนทร, เตชะไพบูลย์ และ วิฑูรชาติ ซึ่งประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการภายใต้ แบรนด์ D 65 Condominium,...

จัดอันดับแชมป์บริษัทพัฒนาที่ดิน

ผู้แถลง: ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จากการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ ณ ครึ่งแรกของปี พ.ศ.2556 ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่...

อสังหาฯ เมืองท่องเที่ยวบูมไม่เลิก น้องใหม่ “สิทธารมย์ เรสซิเดนซ์” บุกตลาดหัวหิน ผุดคอนโด “บ้านวิววิมาน” มูลค่ากว่า 400 ล้าน เคาะราคาขายเริ่มที่ 1.9 ล. เจาะกำลังซื้อไทย-เทศ

นายกษิดิศ มโนภินิเวศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิทธารมย์ เรสซิเดนซ์ จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองท่อง...

เหมราชฯเตรียมเข้าร่วมทุนกับปูนซิเมนต?ไทย ในบริษัทพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรม

บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ และบริการอื่นที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2547 มีมติอนุมัติการ เข้าทำสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัท ซิเมนต์...