กรุงเทพฯ--27 มิ.ย.--เฮย์กรุ๊ป
ผลสำรวจล่าสุดของบริษัท เฮย์กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการองค์กรระดับโลก พบว่า ในองค์กรที่ไม่สนับสนุนเรื่องความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) พนักงานมากกว่า 1 ใน 4 (27%) ขององค์กรนั้น จะวางแผนลาออกจากองค์กรภายในสองปี ซึ่งสำหรับองค์กรที่มีพนักงานหนึ่งหมื่นคนนั้น อัตราการลาออกของพนักงานที่ลดลงเพียง 10% ในระยะเวลาสองปี สามารถช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายลงได้ถึง 525 ล้านบาท (ประเมินจากค่าจ้างเฉลี่ยที่ 1,050,000 บาท ในระยะเวลาสองปี และค่าใช้จ่ายในการหาบุคลากรทดแทนเฉลี่ยที่ 50% ของค่าจ้าง)
ขณะนี้ สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานนั้นเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลสำรวจของเฮย์กรุ๊ป อินไซต์ ปี 2012 ชี้ให้เห็นว่า มีพนักงานถึง 39% กล่าวว่าตนเองยังขาดสมดุลที่ดีระหว่างชีวิตและการทำงาน เมื่อเปรียบเทียบกับผลสำรวจของปี 2011 ที่พบว่ามีเพียง 32% เท่านั้น ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นอีกว่า อีกสิ่งหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากขึ้นคือ จำนวนพนักงานที่เพียงพอต่อการทำงานให้สำเร็จ ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ (52%) กล่าวว่า ส่วนงานของตนยังมีจำนวนพนักงานไม่เพียงพอ
“หลายองค์กรทั่วโลกได้พยายามให้พนักงานทำงานให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรน้อยลง แต่สิ่งนี้มักทำให้ความไม่สมดุลในชีวิตและการทำงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ” มาร์ค รอเยลล์ Senior Principal บริษัท เฮย์กรุ๊ป กล่าว “กลยุทธ์การแก้ไขปัญหาด้วยการทำงานนอกสถานที่โดยอาศัยเทคโนโลยีในการติดต่อสื่อสารเข้ามาช่วย เช่น การประชุมทางไกลผ่านวิดีทัศน์ (Videoconferencing) หรือให้เวลาเริ่มงานและเลิกงานที่ยืดหยุ่น อาจไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลในชีวิตและการทำงานให้หมดไป องค์กรควรให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาระยะยาว โดยการช่วยพนักงานให้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และหาโอกาสที่จะพัฒนาศักยภาพพนักงาน ทั้งนี้ องค์กรสามารถช่วยให้พนักงานทำงานอย่างเต็มศักยภาพได้โดยการสนับสนุนสภาพแวดล้อมการทำงานและทรัพยากรบุคคลต่างๆ ซึ่งจะทำให้พนักงานมีเวลาส่วนตัวมากขึ้นและเพิ่มความจงรักภักดีต่อองค์กรมากขึ้นด้วย”
นอกจากนั้นยังพบว่า พนักงานที่รู้สึกว่าองค์กรของตนสนับสนุนความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน จะมั่นใจในศักยภาพขององค์กรในการรับพนักงานที่มีศักยภาพสูงเข้ามาทำงานได้ดีกว่า โดยเมื่อสอบถามพนักงานถึง “ความสามารถขององค์กรในการดึงดูดพนักงานศักยภาพสูง” พนักงาน 71% จากองค์กรที่มีการสนับสนุนในสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานให้คะแนน “ดี” หรือ “ดีมาก” ขณะที่พนักงานในองค์กรที่ขาดสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานมีเพียง 45% เท่านั้น นอกจากนั้นพนักงานยังมีความพึงพอใจในผลตอบแทนของพวกเขามากกว่าอีกด้วย โดย พนักงานขององค์กรที่มีการสนับสนุนในสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานถึง 58% เห็นด้วยกับข้อความที่ว่า “ฉันเชื่อว่าได้รับค่าจ้างที่เป็นธรรมต่องานที่ทำ” ในขณะที่พนักงานจากองค์กรที่ขาดการสนับสนุนในสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานเห็นด้วยกับข้อความนี้เพียง 36% เท่านั้น
“เราควรถามตัวเองก่อนว่าอะไรที่ทำให้พนักงานในองค์กรไม่สามารถบรรลุสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานได้” คุณนงนุช อบสุวรรณ ที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท เฮย์กรุ๊ป กล่าว “มีหลายปัจจัยที่ทำให้พนักงานไม่สามารถบรรลุความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน องค์กรควรกำหนดทิศทางและบทบาทที่ชัดเจนให้พนักงานรับทราบและทุ่มเทเต็มที่ในสิ่งนั้นตั้งแต่วันแรกเข้า และการ Put the right man on the right job ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน หากเรากำหนดให้พนักงานทำงานที่พวกเขาถนัดและเชี่ยวชาญก็จะสามารถลดเวลาการทำงานนั้นๆ ลงได้ ในขณะเดียวกันก็ควรส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของพนักงานให้มีความสามารถในด้านต่างๆ มากขึ้น โดยกำหนดแนวทางให้พวกเขาอย่างชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว พนักงานก็มีเวลาสำหรับชีวิตส่วนตัวมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว องค์กรยังควรสร้างบรรยากาศการทำงานที่สนับสนุนให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไม่ถูกรบกวนให้เสียสมาธิ เช่น สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนการทำงานที่ดี รับผิดชอบต่องานของตนเอง และเคารพยอมรับการทำงานของผู้อื่นไม่ว่าอยู่ในตำแหน่งใด”
ผลการศึกษายังให้ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติม ดังนี้
"กลุ่มประเทศในอเมริกากลางมีสมดุลในชีวิตและการทำงานสูงที่สุด"
จากผลการสำรวจของ เฮย์กรุ๊ป อินไซต์ ปี 2012 พบว่า องค์กรในอเมริกากลางมีการสนับสนุนสมดุลในชีวิตและการทำงานแก่พนักงานมากที่สุด โดยพนักงานถึง 70% กล่าวว่า องค์กรได้สนับสนุนให้พนักงานได้รับสมดุลในชีวิตและการทำงาน รองลงมาได้แก่ กลุ่มประเทศในอเมริกาเหนือมี 65% ตามด้วยกลุ่มเอเชียตะวันออก (63%), ละตินอเมริกาและแคริบเบียน (63%) และเอเชียใต้ (62%)
"กลุ่มประเทศในยุโรปมีการสนับสนุนในสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่แตกต่างกัน"
พนักงานในกลุ่มประเทศยุโรปนั้นรู้สึกว่าตนเองได้สมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานจากองค์กรแตกต่างกัน โดยประเทศในยุโรปตะวันตกมีเพียง 44% เท่านั้นที่กล่าวว่าตนเองได้รับความสมดุล ซึ่งลดลงจากปี 2011 อยู่ 11% ในขณะที่ประเทศในฝั่งยุโรปตะวันออก มีพนักงาน 56% ที่กล่าวว่า ตนได้รับการสนับสนุนจากองค์กรให้มีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดี
"กลุ่มประเทศในแอฟริกาและตะวันออกกลางไม่รู้สึกว่าตนเองมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน"
เฮย์กรุ๊ป อินไซต์ พบว่า ประเทศในกลุ่มแอฟริกาและตะวันออกกลางมีสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานต่ำที่สุด โดยในแอฟริกานั้น มีพนักงานเพียง 44% ที่รู้สึกว่าองค์กรสนับสนุนในสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน และในแอฟริกาใต้ก็มีเพียง 43% เท่านั้น ซึ่งลดลงจากปี 2011 ถึง 9% เช่นเดียวกับในตะวันออกกลาง ที่มีพนักงานเพียง 52% รู้สึกว่าตนเองได้รับการสนับสนุนจากองค์กรให้มีสมดุลในชีวิตและการทำงาน
“สำหรับในประเทศไทยนั้น พนักงานส่วนมากไม่รู้สึกว่าองค์กรสนับสนุนให้พวกเขาได้รับสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน” คุณนงนุชกล่าวเพิ่มเติม “มีพนักงานเพียง 47% เท่านั้นที่รู้สึกว่าองค์กรสนับสนุนสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานของตนเอง ฉะนั้นแล้วองค์กรควรสนับสนุนและให้ความสนใจในพนักงานมากกว่าเมื่อก่อน และควรตระหนักว่า ปัจจัยความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นสิ่งที่พนักงานให้ความสนใจมากขึ้น ซึ่งองค์กรโดยเฉพาะผู้บังคับบัญชาโดยตรง (Direct Manager) จะต้องหาทางป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ ไม่เช่นนั้นแล้วพนักงานที่มีศักยภาพอาจไม่ทุ่มเททำงานเพื่อองค์กรเท่าที่ควรจะเป็นหรือลาออกจากองค์กรไป”
ติดต่อ:
บริษัทเฮย์กรุ๊ป
T| +662 677 7515
-กผ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit