กรุงเทพ--26 มิ.ย.--รมว.สธ.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ย้ำนโยบายการทำงานในยุครัฐธรรมนูญใหม่ อสม.ต้องเป็นผู้นำในการพัฒนางานสาธารณสุขร่วมกับอบต. เพื่อให้สอดคล้องกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
วันนี้ เวลา 9.00 น. ที่โรงแรมโซฟิเทล ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาเปิดการประชุมสัมมนา เรื่อง "องค์กรอาสาสมัครสาธารณสุขกับการพัฒนางานสาธารณสสุขมูลฐานในอนาคต" โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 150 คน ประกอบด้วยนักวิชการสาธารณสุขจากสำนักคณะกรรมการการสาธารณสุขมูลฐาน และจากศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานภาค ประธานชมรมอสม.ทุกเขต ประะานชมรมอสม.ทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ รับทราบนโยบายและทิศทางการพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐาน เพื่อให้สามารถนำแนวนโยบายการบริหารจัดการ พัฒนาศักยภาพการพัษมนางานสาธารศสุขมูลฐานในชุมนุม ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยใช้เวลาในการสัมมนา 2 วันคือวันที่ 26-27 มิถุนายน 2541
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวระหว่างเป็นประธานบรรยายพิเศษเรื่อง "รัฐธรรมนูญใหม่กับนโยบายการกระจายอำนาจด้านสาธารณสุข "แก่ผู้เข้าร่วมสัมมนาว่า เพื่อเป็นการตอบสนองแนวทางตามรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นรูปธรรมชัดเจน กระทรวงสาธารณสุขในฐานะที่รับผิดชอบงานด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนทั้งประเทศ ได้กำหนดนโยบายเร่งรัด ในเรื่องการจัดระบบประกันสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะนำคนให้เข้าสู่ระบบประกันสุขภาพ ให้ครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ เร่งนโยบายการขยายงานสาธารณสุขมูลฐานไปสู่ประชาชนทุกครัวเครือน โดยเน้นให้ทุกครัวเรือนสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้และที่สำคัญคือการส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจสู่ประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งเป็นองค์กรในระดับท้องถิ่น มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2538 โดยกระทรวงสาธารณสุขถือว่า อสม.เป็นโครงสร้างด้านสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นที่สำคัญและเป็นแกนนำ ที่จะประสานความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ ในระดับท้องถิ่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ดังนั้น อสม.จึงต้องเป็นผู้นำในการพัฒนางานสาธารณสุขร่วมกับอบต. คือการขยายและพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐานสู่ชุมชน โดยเน้นเรื่องของการควบคุมป้องกันมากกว่าการรักษาพยาบาล เพราะทีผ่านมาการดำเนินงานสาธารณสุข งบประมาณส่วนใหญ่จะอยู่ที่การรักษาพยาบาล ดังนั้นในยุคนี้หากเราเร่งดำเนินการในเชิงรุก ด้วยการป้องกันและส่งเสิรมสุขภาพ มีอสม.เป็นแกนประสานงานกับองค์ในระดับท้องถิ่นด้วยกันเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ในเรื่องการพึ่งพาตนเองให้แก่คนในชุมชน ยึดหลักการด้านสาธารณสุขมูลฐานเป็นหลัก คาดว่าต่อไปในอนาคตคนไทยจะเจ็บป่วยถึงขั้นที่ต้องเข้าโรงพยาบาลน้อยลง ลดงบประมาณด้านรักษาพบาลให้น้อยลง ชุมชนสามารถดูแลตนเองและให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่ผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง มีการวางแผนแก้ไขปัญหาสุขภาพร่วมกันได้--จบ--