กรุงเทพ--14 พ.ค.--กระทรวงสาธารณสุข
การติดเชื้อเอดส์ในหญิงตั้งครรภ์ส่งผลกระทบต่อเด็กสูงขึ้น กระทรวงสาธารณสุขหนุนการดำเนินโครงการปกป้องเด็กไทยจากภัยเอดส์เฉลิมพระเกียรติ ช่วยลดผลกระทบของโรคเอดส์ในทารกและเด็ก
นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ที่กระทรวงสาธารณสุขถึงสถานการณ์การติดเชื้อเอดส์ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อประมาณ 900,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งจากการสำรวจหญิงตั้งครรภ์ทั่วประเทศพบมีการติดเชื้อเอดส์ประมาณ 2% หรือประมาณ 20,000 คน เด็กที่เกิดจากหญิงตั้งครรภ์จำนวนนี้ประมาณ 30% หรือประมาณ 6,000 คน จะติดเชื้อเอดส์จากแม่ และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งจากการดำเนินการควบคุมและป้องกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้อัตราติดเชื้อลดลงเหลือ 18% หรือประมาณ 3,200 คน ส่วนเด็กที่ไม่ติดเชื้อก็จะได้รับผลกระทบจากการที่บิดา - มารดาเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า ถูกทอดทิ้ง หรือถูกรังเกียจและกีดกันจากสังคม คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีการประชุมร่วมกัน และมีมติเห็นชอบให้จัดทำ "โครงการปกป้องเด็กไทยจากภัยเอดส์เฉลิมพระเกียรติ" ขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ
นายรักเกียรติ กล่าวต่อว่า โครงการนี้จะดำเนินการในกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม กลุ่มแรกได้แก่ หญิงและชายวัยเจริญพันธุ์ โดยทำการให้ความรู้และให้คำปรึกษาก่อนแต่งงานแก่คู่สมรส ให้เห็นความสำคัญและยินยอมตรวจเลือดโดยความสมัครใจทั้งก่อนแต่งงานและก่อนตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันปัญหาการติดเชื้อในขณะตั้งครรภ์ กลุ่มที่ 2 คือ หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอดส์แล้ว จะลดอัตราการติดเชื้อจากแม่ไปสู่ทารกด้วยการให้ยา AZT ในรายที่อายุครรภ์ครบ 36 สัปดาห์แล้วไปจนถึงคลอด คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500 บาท/คน ซึ่งต้องใช้งบประมาณทั้งหมด 60 ล้านบาท/ปี แต่จะสามารถลดอัตราการติดเชื้อในทารกได้ประมาณครึ่งหหนึ่ง คือจาก 18% เหลือเพียง 8-9% หรือประมาณ 1,600 คน หากเทียบกันแล้วนับว่าคุ้มค่ากับรายจ่ายที่เสียไปอย่างมาก ส่วนกลุ่มสุดท้ายได้แก่ เด็กที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเอดส์ เช่น เด็กกำพร้า ครอบครัวทอดทิ้ง ถูกตั้งข้อรังเกียจกีดกันจากสังคม โดยจะจัดหานมผงให้กับเด็กที่เกิดจากมารดาติดเชื้อเอดส์ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี เนื่องจากเด็กไม่สามารถดื่มนมมารดาได้เพราะจะได้รับเชื้อจากนมมารดา รวมทั้งดูแลให้เด็กได้รับการศึกษา หรือการฝึกฝนทางอาชีพ เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้ต่อไป
การดำเนินการทั้งหมดนี้ นับว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ได้รับผลสำเร็จคุ้มค่ากับงบประมาณที่ต้องเสียไปอย่างมาก และกระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เพื่อช่วยลดปัญหาโรคเอดส์ของประเทศลงให้ได้ นายรักเกียรติ กล่าวในตอนท้าย--จบ--