กรุงเทพ--9 ก.พ.--กระทรวงสาธารณสุข
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยันการปรับปรุงระบบสวัสดิการข้าราชการตามมติ ครม.ที่ผ่านมาข้าราชการไม่ต้องตระหนักกังวลทุกคนยังมีสิทธิประโยชน์การเบิกจ่ายสวัสดิการรักษาพยาบาลทุกอย่าง พ่อ แม่ ลูก สามีหรือภรรยายังได้รับสิทธินี้เหมือนเดิม
นายรักเกียรติ สุขธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่ามติครม.เกี่ยวกับการปรับปรุงระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการว่า ยังมีข้าราชการและประชาชนที่มีบุตรหลานเป็นข้าราชการหลายคนยังเข้าใจผิดว่าเป็นการตัดสิทธิประโยชน์ค่ารักษาพยาบาล และหลายคนคิดว่าจะตัดสิทธิการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของพ่อ แม่ และบุคคลในครอบครัว ของผู้เป็นข้าราชการด้วย
นายรักเกียรติ กล่าวว่าการปรับปรุงระบบดังกล่าว ไม่มีผลกระทบเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด ทุกคนยังมีสิทธิเหมือนเดิมทุกอย่างสามารถใช้สิทธิการรักษาพยาบาลได้แต่มีเงื่อนไขว่าการใช้จ่ายทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความประหยัด และมีความจำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับฐานะทางการเงินของประเทศ เช่น การรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลหันมาใช้ยาตามบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งครอบคลุมการรักษาทุกโรค หากเป็นยาต่างประเทศหรือเป็นยานอกบัญชียาหลักให้จ่ายเอง ทั้งนี้หากคณะกรรมการแพทย์ของโรงพยาบาล เห็นว่ามีความจำเป็นต้องใช้ยาดังกล่าวก็มีสิทธิเบิกค่ารักษษได้, การใช้บริการตรวจรักษาคลินิกนอกเวลาราชการที่โรงพยาบาลรัฐ คงเบิกค่ารักษาและค่ายาได้เหมือนเดิม ยกเว้นค่าธรรมเนียมแพทย์ไม่สามารถนำมาเบิกได้, ค่าห้องพิเศษและค่าอาหารเบิกได้ตามสิทธิ หากผู้ป่วยประสงค์จะนอนโรงพยาบาลนานเกินกว่าที่แพทย์กำหนด เช่น บางคนขออยู่ต่อเพราะไม่มีคนดูแล หรือบางคนอาการดีขึ้นแทพย์ให้กลับบ้านได้แต่ขอนอนพักต่อที่โรงพยาบาล ในส่วนดังกล่าวผู้ป่วยต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเอง ยกเว้นรายที่แพทย์ผู้ทำการรักษาต้องการแยกผู้ป่วยติดเชื้อในห้องพิเศษรัฐยังจ่ายให้หมด ส่วนผู้ป่วยนอนห้องสามัญหรือห้องผู้ป่วยรวม รัฐยังรับภาระให้สามารถเบิกจ่ายได้ตามปกติ, สำหรับการตรวจรักษาที่ไม่มีความจำเป็นหรือการศัลยกรรมตบแต่งเสริมความงามก็ไม่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลได้เช่นกัน พร้อมทั้งให้ยกเลิกสิทธิในการเข้ารับการตรวจสุขภาพ และรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชนเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีเงื่อนไขที่เหมาะสม และให้หันมาใช้บริการที่โรงพยาบาลของรัฐ เพราะโรงพยาบาลของรัฐมีแพทย์ และเครื่องมือที่ดีเทียบเท่ากับโรงพยาบาลเอกชน
อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวถือเป็นมาตรการชั่วคราว เพราะจะสามารถประหยัดงบประมาณให้รับได้ประมาณ 1,925 ล้านบาทต่อปี และจะได้ปรับปรุงระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการระยะยาวต่อไป โดยทางรัฐบาลพยายามสงวนสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของข้าราชการคงเดิมหรือมีผลกระทบน้อยที่สุด--จบ--