ในร่างกายของมนุษย์เรามีจุลินทรีย์และแบคทีเรียในลำไส้มากถึง 100 ล้านล้านตัว มีทั้งที่เป็นตัวดีและตัวไม่ดี แล้วรู้ไหมคะว่า ถ้าแบคทีเรียในลำไส้ไม่สมดุล จะสัมพันธ์กับการเกิดโรค แล้วจะมีโรคอะไรบ้าง พญ.กฤดากร เกสรคำ แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จาก Addlife Anti-Aging Center ชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (คิวเฮ้าส์ ลุมพินี) ได้เผยว่า โดยส่วนใหญ่เมื่อถึงแบคทีเรียจะเน้นไปที่ลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทโพรไบโอติก (Probiotic) ซึ่งเป็นชนิดดี และประเภทจุลินทรีย์ก่อโรค (Pathogen) ซึ่งเป็นชนิดไม่ดี
1. ประเภทโพรไบโอติก (Probiotic)
โพรไบโอติก เป็นประเภทของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ มีประโยชน์มากมายต่อร่างกาย โดยทั่วไปจะเป็นแบคทีเรียประจำถิ่น อาจพบได้หลายที่ในระบบทางเดินอาหาร แต่พบได้มากที่สุดในลำไส้ใหญ่ นอกจากนี้โพรไบโอติก ยังเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของวิธีรักษาภาวะสุขภาพให้สมดุล เนื่องจากเป็นแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่ทำหน้าที่สร้างกรดแลกติก พร้อมยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อโรค และการย่อยอาหารของจุลินทรีย์ พร้อมส่งเสริมการดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของโพรไบโอติก
2. ประเภทจุลินทรีย์ก่อโรค (Pathogen)
ในขณะเดียวกัน ลำไส้ใหญ่ของมนุษย์ยังมีแบคทีเรียชนิดที่ไม่ดีอยู่ด้วย โดยเป็นประเภทจุลินทรีย์ก่อโรค ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเผชิญกับโรคต่าง ๆ เช่น โรคอาหารเป็นพิษ โรคติดเชื้อจากอาหาร และโรคจากสารพิษที่เชื้อสร้างขึ้นมา ซึ่งอาจมีอาการความรุนแรงได้ตั้งแต่น้อยไปจนถึงมาก หรืออาจคุกคามต่อชีวิตได้ จุลินทรีย์ก่อโรคนั้นเป็นได้ทั้งรา ไวรัส และปรสิต แต่ตัวที่เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดคือ แบคทีเรีย ซึ่งเรารับเพิ่มเข้าสู่ร่างกายจากการรับประทานอาหารนั่นเอง
แบคทีเรียในลำไส้มีบทบาทอย่างมากต่อภาวะสุขภาพที่สมบูรณ์ ดังนั้น เมื่อไม่สามารถรักษาให้สมดุลได้อย่างที่ควรเป็น ร่างกายก็จะแสดงอาการป่วยออกมาผ่านภาวะและโรคต่าง ๆ เช่น
นอกจากโรคและภาวะที่ยกตัวอย่างมา การขาดสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ยังส่งผลต่อความเสี่ยงอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน รวมไปถึงโรคตับอีกด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit