พีแอนด์จี เฮลท์ (P&G Health) ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีชื่อเสียงมารวมตัวกันใน 'งานประชุมวิชาการ #KNOWTHESIGNS รู้ก่อนลดเสี่ยง' (#KNOWTHESIGNS Scientific Forum) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวันเบาหวานโลกปี พ.ศ. 2566 งานดังกล่าวเป็นการหารือเกี่ยวกับคำแนะนำทางคลินิกล่าสุดเกี่ยวกับการวินิจฉัยและการรักษาภาวะปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy: PN) ในผู้ป่วยเบาหวานและภาวะก่อนเป็นเบาหวาน ผลการวิจัยใหม่ของการศึกษาวิจัยทางคลินิกนีโนอิน (NENOIN Clinical Study) ได้รับการเปิดเผยในงานนี้ โดยสรุปว่าการรักษาด้วยวิตามินบี 1 บี 6 และบี 12 ในปริมาณคงที่ทำให้การทำงานของเส้นประสาทมีการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ โดยวัดจากการตอบสนองของข้อเท้าและเข่า ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และการรับรู้ทางประสาทสัมผัสในนิ้วเท้าและนิ้วมือของผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบ
เนื่องจากโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Diabetes Mellitus Type 2) เป็นสาเหตุหลักของภาวะปลายประสาทอักเสบ ความชุกของโรคที่เพิ่มขึ้นจึงเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวาน เป็นอย่างมากอาการของโรคปลายประสาทอักเสบ ได้แก่ อาการชา รู้สึกซู่ซ่าเหมือนเป็นเหน็บ แปลบปลาบคล้ายเข็มตำและรู้สึกแสบร้อนที่มือและเท้า การขาดวิตามินบีและการใช้ยาหลายขนานร่วมกัน (polymedication) เป็นอีกปัจจัยที่มีความเสี่ยงสูง ร่วมกับโรคเบาหวาน ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายของเส้นประสาทส่วนปลาย
อาล็อก อากราวัล (Aalok Agrawal) รองประธานอาวุโสของพีแอนด์จี เฮลท์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา (AMA) กล่าวว่า "ในฐานะพันธมิตรของสหพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation หรือ IDF) พีแอนด์จี เฮลท์ มุ่งมั่นที่จะพยายามอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโรคปลายประสาทอักเสบและภาวะขาดวิตามินบี งานประชุมวิชาการ #KNOWTHESIGNS รู้ก่อนลดเสี่ยง ของเราได้เชิญคณะผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขามารวมตัวกัน เพื่อแบ่งปันคำแนะนำทางคลินิกเกี่ยวกับการวินิจฉัยและการรักษาโรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เกิดจากเบาหวานและภาวะก่อนเป็นเบาหวาน ผลกระทบของการขาดวิตามินบี และบทบาทของวิตามินบีในการเสริมสร้างการทำงานของเส้นประสาทให้แข็งแรง"
ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่มาร่วมงาน มีดังนี้
- ศาสตราจารย์ รายาซ เอ มาลิก (Rayaz. A. Malik) ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยทางคลินิก คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยไวลล์ คอร์เนลล์ กาตาร์ (Weill Cornell Medicine-Qatar) ระบุว่า "การวินิจฉัยโรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เกิดจากเบาหวาน (Diabetic Peripheral Neuropathy: DPN) ตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้สามารถลดปัจจัยเสี่ยงได้ทันท่วงที และทุเลาภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ทุพพลภาพซึ่งพบบ่อยที่สุดของโรคเบาหวานได้ แพทย์ปฐมภูมิมีบทบาทสำคัญในการตรวจวินิจฉัยโรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เกิดจากเบาหวาน การถามคำถามที่ถูกต้องและการตรวจวินิจฉัยแบบง่าย ๆ ก่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกที่สำคัญต่อชีวิตของผู้ป่วย ด้วยการบรรเทาอาการเจ็บปวด และป้องกันการเกิดแผลที่เท้าและการตัดอวัยวะ"
- ดร.ริซัลดี ปินซอน (Rizaldy Pinzon) แพทย์เฉพาะทางประสาทวิทยาจากแผนกประสาทวิทยา โรงพยาบาลเบเทสดา (Bethesda Hospital) ยอกยาการ์ตา อินโดนีเซีย กล่าวว่า "การรักษาอย่างทันท่วงทีช่วยให้การรับรู้ทางประสาทสัมผัสดีขึ้น บรรเทาอาการเจ็บปวด และป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ แผลที่เท้า และรวมไปถึงการตัดเท้าผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน เป็นเรื่องสำคัญที่แพทย์ปฐมภูมิจะต้องรอบคอบและรักษาอาการผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับแขนขาของผู้ป่วยโดยทันที รวมถึงอาการชา ภาวะพาเรสทีเชีย หรือความเจ็บปวดจากโรคระบบประสาท"
- ดร.เคนนี พี เมอริน (Kenny P Merin) เภสัชกรและผู้ช่วยรองประธานฝ่ายสถาบันวิชาการและการวิจัย มหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์ดาเวา พูดถึงบทบาทของเภสัชกรว่า "เภสัชกรเป็นส่วนสำคัญของทีมดูแลสุขภาพและสามารถให้การสนับสนุนที่มีคุณค่าแก่ผู้ป่วยที่มีภาวะปลายประสาทอักเสบได้ แต่บ่อยครั้งที่เราใช้ประโยชน์จากพวกเขาน้อยเกินไป เภสัชกรมักจะเป็นผู้ที่ได้รับการติดต่ออันดับแรก โดยสามารถรับรู้ถึงสภาวะของอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยแนะแนวทางในการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และปรับการรักษาและเลือกสูตรยาให้เหมาะสม เภสัชกรยังสามารถแนะนำการรักษาด้วยยาโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ (เช่น ปริมาณวิตามินบีที่ใช้รักษาโรคระบบประสาท) เพื่อบรรเทาอาการโรคปลายประสาทอักเสบได้"
- ดร.ไวชาลี เดชมุกห์ (Vaishali Deshmukh) ที่ปรึกษาและหัวหน้าแผนกต่อมไร้ท่อ กรมสุขภาพจิต ปูเน อินเดีย แสดงความคิดเห็นว่า "อินเดียกลายเป็นเมืองหลวงแห่งโรคเบาหวานของโลก โดยมีผู้ป่วยโรคเบาหวาน 74.2 ล้านคน ขณะที่ความชุกของภาวะก่อนเบาหวานค่อนข้างน่าตกใจในอินเดีย ครึ่งหนึ่งของคนเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อการพัฒนาไปสู่โรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เกิดจากเบาหวาน ความพยายามในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ การให้ความรู้แก่ผู้ป่วย และการส่งต่อถึงผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เริ่มมีอาการ มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาการรักษาโรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เกิดจากเบาหวานในอินเดีย"
- ดร.แอนเคีย คูตซี (Ankia Coetzee) ที่ปรึกษาด้านต่อมไร้ท่อ อดีตประธานสมาคมต่อมไร้ท่อ ระบบเผาผลาญ และโรคเบาหวานของแอฟริกาใต้ (SEMDSA) กล่าวว่า "จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจะต้องได้รับการศึกษาและการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เกิดจากเบาหวานและทางเลือกในการรักษา ผู้ป่วยควรได้รับความรู้เกี่ยวกับความสำคัญของการตรวจเท้าและตรวจโรคนี้เป็นประจำ รวมถึงการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และการรับประทานยาตามที่กำหนดให้ครบ การจัดการกับปัญหาเหล่านี้ผ่านการศึกษาแบบองค์รวม อย่างเช่นแคมเปญวันเบาหวานโลกของพีแอนด์จี เฮลท์ และการดูแลแบบร่วมมือกัน จะทำให้เราปรับปรุงการจัดการและผลลัพธ์ของบุคคลที่เป็นโรคเส้นประสาทส่วนปลายที่เกิดจากเบาหวานในแอฟริกาใต้ได้"
- ดร.อินนา ไอเบอร์เกอร์ (Inna Eiberger) ผู้อำนวยการด้านการแพทย์สากลของพีแอนด์จี เฮลท์ เนิร์ฟ แคร์ (P&G Health Nerve Care) กล่าวว่า "ภาวะปลายประสาทอักเสบมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่ดีและการเคลื่อนไหวผิดปกติ นอกเหนือจากอาการทางประสาทสัมผัส อาการเหล่านี้ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลงอย่างมาก ผลการศึกษาวิจัย NENOIN ล่าสุดสรุปว่าการทำงานร่วมกันของวิตามินบี 1 บี 6 และบี 12 ไม่เพียงช่วยบรรเทาอาการเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงการทำงานของเส้นประสาทในผู้ป่วยภาวะปลายประสาทอักเสบอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย"
หมายเหตุ ยาวิจัยใน NENOIN study มีจำหน่ายในบางประเทศ โปรดติดต่อบริษัท Procter & Gamble เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/2267230/Health_Experts_convene_at_P_G_s__KnowtheSigns_Forum_32.jpg
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit