บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข และ มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวโครงการ Healthy Lung Thailand ส่วนต่อขยายไปสู่การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 สำหรับพื้นที่ภาคเหนือ พื้นที่เขตสุขภาพที่ 8 สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพื้นที่เขตสุขภาพที่ 11 สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งครอบคลุมทั้งหมด 22 จังหวัด เนื่องจากมีผู้ป่วยมะเร็งปอดในประเทศไทยมากเป็นอันดับ 3 รองจากโรคมะเร็งเต้านมและโรคมะเร็งตับ และยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งอันดับสองในประเทศอีกด้วย โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดปีละ 20,000 ราย และมีอัตราเสียชีวิตที่สูงถึงร้อยละ 40 เลยทีเดียว ทั้งนี้ โครงการฯ มีเป้าหมายที่จะรณรงค์ให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ตระหนักถึงโรคมะเร็งปอด พร้อมทั้งส่งเสริมศักยภาพและการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ตลอดจนถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาการด้านการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ อันนำมาซึ่งการตอบโจทย์และรองรับประเด็นปัญหาสำคัญของโรคระบบทางเดินหายใจได้อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์แบบ
โครงการ Healthy Lung Thailand เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2561 ด้วยความร่วมมือระหว่าง แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และเขตสุขภาพที่ 1 กระทรวงสาธาณสุข สำนักอนามัย สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ด้วยการสนับสนุนทางด้านวิชาการจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย และสมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็ก ที่ให้ความร่วมมือในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ประกอบด้วยพื้นที่ 8 จังหวัดทางภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ซึ่งผลจากการดำเนินการในปีที่ผ่านมา โครงการ Healthy Lung Thailand ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับโรคหอบหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังของบุคลากรทางการแพทย์ถึง 9,320 คนทั่วประเทศ จนก่อให้เกิดพัฒนาการด้านการรักษาและดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวผลการดำเนินโครงการ Healthy Lung Thailand เมื่อปีที่แล้วว่า "ในประเทศไทย มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึง 78,036 คน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือที่ผู้พักอาศัยได้รับมลพิษทางอากาศและมีพฤติกรรมสูบบุหรี่ขี้โย อันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง แต่หลังจากที่เราได้เปิดตัวโครงการ Healthy Lung Thailand ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 จำนวนผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในประเทศไทยก็มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 20.4 โดยในอัตรานี้มีผู้ป่วยที่พักอยู่อาศัยในเขตสุขภาพที่ 1 ถึงร้อยละ 12 และนั่นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโครงการ Healthy Lung Thailand มีส่วนสำคัญในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังในประเทศไทย อีกทั้งยังมีส่วนสนับสนุนด้านองค์ความรู้ต่อโรคให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีผลให้การตรวจวินิจฉัยโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย"
สำหรับการดำเนินโครงการ Healthy Lung Thailand ส่วนขยายต่อไปสู่การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด นั้นมีผลมาจากสถานการณ์ของผู้ป่วยมะเร็งปอดในประเทศไทย ซึ่งมีการตรวจพบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตจากมะเร็งอันดับหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ทางแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย จึงเล็งเห็นถึงความสำคัญในการขยายขอบเขตการดำเนินงานให้ครอบคลุมโรคมะเร็งปอด โดยจะมีการร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขและมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย ในการดำเนินโครงการในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุดในประเทศไทย รวมถึงพื้นที่เขตสุขภาพที่ 8 (7 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และพื้นที่เขตสุขภาพที่ 11 (7 จังหวัดในภาคใต้) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดและมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่แข็งแกร่ง สามารถประสานงานกันระหว่างหน่วยงานทางการแพทย์ภายในพื้นที่ได้อย่างไร้รอยต่อ
นายแพทย์เอกภพ สิระชัยนันท์ นายกมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันของโรคมะเร็งปอดในประเทศไทยว่า "โรคมะเร็งปอดถือเป็นโรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากมะเร็งเป็นอันดับสองแล้ว ยังเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดเป็นอันดับสาม รองจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งตับอีกด้วย ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดราว 20,000 ราย โดยในจำนวนนี้ก็จะมีผู้เสียชีวิตถึงร้อยละ 40 หรือ 8,000 รายเลยทีเดียว โดยที่ทางเรามีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขสถานการณ์ของโรคมะเร็งปอดในประเทศไทยให้มีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Healthy Lung Thailand ในการสนับสนุนด้านการส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์ของโรคมะเร็งปอดได้อย่างแม่นยำ ก่อนที่จะประสานงานต่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาตามกระบวนการทางการแพทย์ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดในประเทศไทยลงน้อยลงไปในที่สุด"
ส่วนทางด้าน นางอิงก์ กุสุมา ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้กล่าวเสริมถึงการขยายขอบเขตของโครงการ Healthy Lung Thailand ว่า "จากจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ ทั้งโรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคมะเร็งปอด ในทวีปเอเชียที่มีการพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน จึงถือเป็นประเด็นสำคัญสำหรับทุกหน่วยงานทางการแพทย์ที่เคยมุ่งเน้นเพียงแค่การรักษาระยะสั้นๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วการแก้ไขปัญหาโรคระบบทางเดินหายใจจำเป็นต้องมีการจัดการในระยะยาว โดยจะต้องมีการวางให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางของระบบ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมมือกับมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทยที่จะเข้ามาช่วยสร้างความตระหนักถึงโรคมะเร็งปอด พร้อมทั้งเสริมวิชาความรู้ให้กับแพทย์เพื่อให้มีความสามารถในการตรวจวินิจฉัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านทางการจัดการอบรมวิชาการในเขตสุขภาพที่ 1, เขตสุขภาพที่ 8, และเขตสุขภาพที่ 11 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทางเราเชื่อมั่นว่ามีศักยภาพในการดำเนินโครงการให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีตามวัตถุประสงค์ของโครงการและสามารถตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของโรคระบบทางเดินหายใจได้อย่างครบถ้วน"
โครงการ Healthy Lung Thailand ในส่วนขยายที่จะดำเนินการใน 3 พื้นที่เขตสุขภาพนั้น จะมีแผนการดำเนินงานไปจนถึงสิ้นปี 2562 ภายใต้กรอบแนวคิด 3 ประการ ได้แก่ 1) ความร่วมมือกับหน่วยงานในภาคส่วนต่างๆ เพื่อมุ่งเน้นการสร้างการรับรู้และให้ความสำคัญต่อโรค 2) การเสริมสร้างศักยภาพและการเข้าถึงการบริการ และ 3) การสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อนำไปสู่พัฒนาการด้านการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการรณรงค์และอบรมเสริมความรู้ในเรื่องโรคมะเร็งปอดให้กับบุคลากรทางการแพทย์กว่า 8,000 คน เพื่อทราบถึงปัจจัยเสี่ยง แนวทางป้องกัน การวินิจฉัยและแยกแยะระหว่างโรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคมะเร็งปอดได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีเป้าหมายในการสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อระดับชาติ 5 ปี ซึ่งจะให้ความสำคัญกับโรคมะเร็งและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง เพื่อที่จะลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อให้ได้ในอัตราร้อยละ 25
สำหรับโครงการ Healthy Lung Asia ได้เริ่มต้นดำเนินมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2560 โดยครอบคลุมทั้งหมด 9 ประเทศในทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ที่ผ่านมาโครงการได้สร้างผลกระทบเชิงบวกในระดับทวีป โดยมีส่วนร่วมในการช่วยวินิจฉัยผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจกว่า 425,000 คน มีการสนับสนุนความรู้ความเข้าใจให้กับบุคลากรทางการแพทย์ไปกว่า 22,000 คน และยังมีส่วนช่วยในการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจให้กับคนป่วยกว่า 24,000 คน นอกจากนี้ ทางโครงการฯ ยังให้การช่วยเหลือในด้านการร่างแนวทางปฏิบัติในระดับชาติและแนวทางการดูแลรักษาใน 10 ประเทศ รวมทั้งพัฒนาศูนย์โรคปอดและระบบทางเดินหายใจ 956 แห่ง ในปัจจุบัน โครงการได้บรรลุ 3 ข้อตกลงกับรัฐบาลของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมีหน่วยงานพันธมิตรเข้าร่วมโครงการถึง 15 หน่วยงาน ซึ่งเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนการดูแลรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ โดยได้เข้าถึงผู้ป่วยไปแล้วกว่า 500,000 คนจากทั้งทวีป
เกี่ยวกับ โครงการ Healthy Lung
บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด ได้ริเริ่มโครงการ Healthy Lung ใน 9 ประเทศทั่วทวีปเอเชีย โดยมีเป้าหมายในการสร้างความตระหนักถึงโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคมะเร็งปอด พร้อมทั้งยกระดับศักยภาพระบบการดูแลรักษาในประเทศต่างๆ เพื่อให้สามารถควบคุมดูแลผู้ป่วยโรคเหล่านี้ในปี 2560 โครงการ Healthy Lung Asia ได้จัดตั้งและเสริมสร้างความก้าวหน้าให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโรคระบบทางเดินหายใจ โดยมีการริเริ่มนโยบายเพื่อผลักดันการรักษาผู้ป่วยให้เป็นมาตรการระดับชาติ ในปี 2561 ก็ได้มีการประชุม Healthy Lung Summit ซึ่งเป็นการรวมผู้เชี่ยวชาญมาหารือถึงวิธีการจัดการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและแบ่งปันข้อมูลเพื่อวางแผนดำเนินการในปีต่อไป
เกี่ยวกับ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า(ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า จำกัด เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก มุ่งเน้นทางด้านการคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อการรักษาโรค เน้นหลักในกลุ่มยาโรคมะเร็ง กลุ่มยาโรคหัวใจ ไต และระบบเผาผลาญ และกลุ่มยาโรคทางเดินหายใจ นอกจากนี้ แอสตร้าเซนเนก้า ยังมุ่งมั่นค้นคว้าทางด้าน โรคภูมิต้านตนเอง โรคระบบประสาท และโรคติดเชื้อ ด้วยเช่นกัน แอสตร้าเซนเนก้า ดำเนินธุรกิจในกว่า 100 ประเทศ และยานวัตกรรมต่างๆ ของบริษัทฯ ได้ถูกนำไปใช้ในผู้ป่วยหลายล้านคนทั่วโลก ในปี 2526 แอสตร้าเซนเนก้า ได้เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ปัจจุบัน มีพนักงานราว 195 คน ซึ่งร้อยละ 99 เป็นคนไทย โดยพันธมิตรหลักได้แก่ โรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลเอกชน และร้านขายยา
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่และผ่านทาง Twitter ได้ที่ @AstraZeneca
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit