กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--แปลน พับลิชชิ่ง
สถาบันครอบครัวรักลูกสรุปผลสำรวจโพลเนื่องในวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2546 หัวข้อ "แม่ไทยในสายตาลูกวัยใส 12 - 15 ปี เป็นอย่างไร"
ลูกวัยใสอ้อนอยากให้แม่มีเวลาพูดคุยกับลูกมากขึ้น เลิกจู้จี้ขี้บ่นโมโห ฉุนเฉียว รวมทั้งขอให้เชื่อมั่นว่าลูกเป็นคนดีของสังคมได้ การเชิดชูแม่ยุคใหม่ให้เป็นผู้เสียสละอดทน เป็นแม่บ้านแม่เรือนและยังเป็นหญิงเก่งของยุคสมัย ลูกวัยใสอยากทำตัวเป็นคนดีให้แม่ภูมิใจเพื่อเป็นของขวัญในวันแม่ปีนี้
เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2546 สถาบันครอบครัวรักลูก สถาบันวิชาการเพื่อคืนความเข้มแข็งสู่ครอบครัวไทย ในเครือบริษัท แปลน พับลิชชิ่ง จำกัด ได้จัดทำการสำรวจโพล เนื่องในวันแม่ประจำปี 2546 หัวข้อ "แม่ไทยในสายตาลูกวัยใส12-15 ปี" ซึ่งเป็นวัยเรียนรู้ วัยหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างเด็กไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ว่ามองแม่อย่างไร พบว่า
เด็กๆวัยใสเหล่านี้ในแต่ละวันมีเวลาอยู่กับแม่วันละ 4-5 ชั่วโมง กิจกรรมที่ทำร่วมกับแม่ส่วนใหญ่คือดูทีวีร้อยละ 68.6 และช้อปปิ้ง ร้อยละ 35.2 เมื่อถามว่ามีกิจกรรมใดที่อยากทำร่วมกับแม่แต่ยังไม่มีโอกาส ตอบว่าอยากไปต่างจังหวัดกับแม่บ้าง ร้อยละ 33.2 อยากเล่นกีฬา/ออกกำลังกายร่วมกัน ร้อยละ 13 สาเหตุที่ไม่สามารถทำกิจกรรมที่อยากทำ ร้อยละ 48% บอกว่าเป็นเพราะแม่ไม่มีเวลา และเวลาว่างไม่ตรงกัน ในส่วนนี้พบว่าลูกยังอยากมีกิจกรรมที่ได้ร่วมกันทำทั้งแม่ลูกที่ได้มีปฎิสัมพันธ์ร่วมกัน ไม่ใช่เพียงแค่ดูทีวี เรื่องเวลาเป็นปัญหาสำคัญที่ยังไม่อาจทำกิจกรรมร่วมกันได้ ทำให้กิจกรรมทำจะเป็นลักษณะต่างคนต่างทำมากกว่า
เมื่อให้เปิดใจว่า อยากให้แม่อยู่เคียงข้างที่สุดช่วงเวลาใด ส่วนใหญ่ถึง 64% ที่อยากให้แม่อยู่ในช่วงที่รู้สึกไม่สบายใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม รวมทั้งเวลาที่ต้องเผชิญกับประสบการณ์ใหม่ๆเช่น การสอบแข่งขัน การเข้าประกวด ร้อยละ 58 และในเวลาที่ไปทำเรื่องดีๆ ที่อยากให้แม่ภูมิใจ ร้อยละ 55 แสดงให้เห็นว่าถึงยุคสมัยจะเปลี่ยนไปเพียงใด ลูกๆในวัยก้าวสู่วัยรุ่น ยังมีแม่เป็นที่พึ่งทางใจ เวลาเผชิญเรื่องหนักๆ เช่น ผิดหวังจากความรัก หรืออยากทดลองอบายมุข เช่นกินเหล้า เที่ยวกลางคืน ก็ยังอยากให้แม่อยู่เคียงข้างถึงร้อยละ 16
สิ่งที่ลูกอยากให้แม่ปรับเปลี่ยนนิสัยมีอะไรบ้าง ลูกๆวัยใสบอกว่า อยากให้เลิกจู้จี้ขี้บ่นเป็นอันดับแรก รองลงมาอยากให้เลิกโมโหฉุนเฉียว เลิกวิตกกังวลเรื่องลูกและเลิกเอาลูกไปเปรียบเทียบกับคนอื่นด้วย มีข้อน่าสังเกตว่ามีถึง ร้อยละ 17.5 ที่เห็นว่าอยากให้เลิกลงโทษลูกด้วยความรุนแรง เป็นเปอร์เซนต์ไม่น้อย ที่แสดงให้เห็นว่ายังมีการลงโทษด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม แม้ว่าลูกจะเติบโตใกล้เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม
ขณะเดียวกันวัยรุ่นอยากให้แม่ทำเรื่องเหล่านี้มากที่สุด คือ ร้อยละ 66.3 อยากให้แม่เชื่อมั่นว่าลูกเป็น"คนดี"ได้ ร้อยละ 47 อยากให้แม่หาความรู้เพื่อเข้าใจลูกวัยนี้บ้าง ร้อยละ 42 อยากให้แม่ทำงานน้อยลงหน่อย ร้อยละ 35 เวลาทำตัวไม่ดีแทนเสียงดุว่าตำหนิติเตียน อยากให้แม่เข้ามากอดหรือลูบหัวจะช่วยแก้ปัญหาได้มากกว่า และร้อยละ 40 อยากให้แม่แลกเปลี่ยนประสบการณ์การใช้ชีวิตกับลูกบ้าง
ส่วนเรื่องความในใจที่อยากบอกแม่เพื่อให้แม่เข้าใจลูกมากขึ้น พวกเขาบอกว่า "อยากให้แม่ไว้ใจลูก ปล่อยลูกไปกับเพื่อนตามลำพังบ้าง และอยากให้แม่มีเวลาพูดคุยกับลูกมากขึ้น เพราะแม่ไม่ค่อยมีเวลา ขณะเดียวกันอยากให้ไว้ใจเรื่องคบเพื่อนและเพื่อนต่างเพศ และจะให้ดีอยากให้แม่ทำความรู้จักกับเพื่อนของลูกด้วย และไม่อยากให้แม่ประคบประหงมลูกมากเกินไป
อย่างไรก็ตามเมื่อให้ลูกๆวัยใสให้นิยามของแม่ในสายตาของตน เด็กๆบอกว่าแม่ยุคนี้มีภาพลักษณ์เป็นผู้เสียสละอดทน มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือน และเป็นผู้หญิงเก่งของยุคสมัย เกือบ 30% บอกว่าแม่คือนางฟ้าของลูกๆ วันแม่ปีนี้อยากให้ของขวัญแม่ด้วยการทำตัวเป็นคนดีเพื่อให้แม่ภูมิใจ ตั้งใจสอบให้คะแนนดีและอยากให้ดอกมะลิ การ์ดอวยพรให้แม่ชื่นใจ
จากผลสำรวจนี้จะเห็นว่าแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร เด็กๆในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ยังมีแม่เป็นคนสำคัญของลูกเสมอ ยังอยากได้ความเป็นเพื่อนจากแม่มากขึ้น อยากให้แม่เป็นที่ปรึกษา เป็นผู้อยู่เคียงข้างเวลาที่ไม่สบายใจ อยากให้หาเวลาพูดคุยกับลูกมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่การเลี้ยงดูอย่างเดียวแต่ต้องมีความเข้าใจด้วย เช่น บอกว่าอยากให้แม่หาความรู้เกี่ยวกับลูกๆ มากขึ้นจะได้เข้าใจกันมากขึ้น และเด็กๆยังอยากเป็นคนดีในสายตาของแม่เสมอ ดังที่บอกว่า "อยากให้แม่เชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะอย่างไร ลูกเป็นคนดีของสังคมได้"
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ธัญวรรณ จิตรโสภี (อมยิ้ม)
โสภิดา ธนสุนทรกูร (แบม)
ฐาปณีย์
ณ สงขลา (เมธ์)
จารุวรรณ ผ่องภักดี (ปุ๊ก)
หน่วยประชาสัมพันธ์ บริษัท แปลน พับลิชชิ่ง จำกัด
โทร.0-2911-4211 ต่อ 244, 245, 330 และ 409 โทรสาร.0-2911-4291--จบ--
-นห-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit