กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส
โรเบิร์ต ฮาร์ดี้ (คอร์นีเลียส ฟัดจ์) เป็นนักแสดงเจนเวทีและจอภาพยนตร์ ที่ได้รับการนับถืออย่างมาก เริ่มอาชีพการแสดงจาก Shakespeare Theatre, Stratford-upon-Avon ในปี 1949 ด้วยการแสดงในละครเพลงคลาสสิคนานหลายปีที่นั่น และร่วมกับ Old Vic ทั้งในลอนดอนและอเมริกา
นับแต่นั้นมางานของเขาก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับทั้งภาพยนตร์ โทรทัศน์ และเวทีละคร แม้ว่าหลายคนจะรู้จักเขาในนามวินสตัน เชอร์ชิล จากเรื่อง The Wilderness Years ซึ่งออกอากาศไปทั่วโลก และในบทบาทอันเป็นที่รักทางโทรทัศน์ เป็น ซิกฟรีด ฟาร์นอน ในซีรี่ส์ทั้งเจ็ดปีของ All Creatures Great and Small
ผลงานภาพยนตร์โดดเด่น ได้แก่ : The Spy Who Came into the Cold; 10 Rillington Place; Young Winston; Le Silencieux, Dark Places; Yellow Dog; La Gifle; Sir Gawaine and the Green Knight; How I Won the War; The Shooting Party; Robin Hood, Paris by Night; หนังของเดวิด แฮร์ เรื่อง A Feast at Midnight; ของเคนเน็ธ บรานัค เรื่อง Mary Shelley's Frankenstein; หนังของอั้ง ลี่ เรื่อง Sense & Sensibility; Mrs. Dalloway; The Tichborne Claimant; An Ideal Husband; The Barber of Siberia และ The Gathering ฮาร์ดี้เป็นนักแสดงยอดนิยมทางโทรทัศน์แห่งอังกฤษ ด้วยผลงานมีชื่อมากมาย ได้แก่ : David Copperfield; Twelfth Night; An Age of King (เป็นกษัตริย์ Henry V); Coriolanus; The Troubleshooters; Manhunt; Daniel Deronda; Elizabeth R (เป็นเอิร์ลแห่งเลสเตอร์); Edward VII (เป็นพรินซ์ อัลเบิร์ต); Caesar and Claretta (เป็นมุซโสลินี); Horses in our Blood (ดัดแปลง บรรยายและดำเนินเรื่อง); Speed King; Fothergill; The Demon Lover; Jenny's War; Death of the Heart; Hot Metal; Far Pavillions; Make or Break; Blat; Northanger Abbey; มินิซีรี่ส์ของ ABC Entertainment War and Remembrance; Death by Misadventure; Sherlock Holmes - The Master Blackmailer; Inspector Morse; Middlemarch; Bramwell; Gulliver's Travels; Nancherrow, Midsomer Murders และ The Tenth Kingdom ฮาร์ดี้มีผลงานที่หาชมได้ใน Lucky Jim; The Lost World, Foyle's War, The Falkland's Play และของเคนเน็ธ บรานัค เรื่อง Shackleton
ผลงานบนเวทีที่เปรียบเหมือนบ้านของฮาร์ดี้ รวมถึง : Much Ado About Nothing; The River Lane; Camino Real; The Rehearsal; A Severed Head; The Constant Couple; งานของอลัน เบ็นเน็ต Habeas Corpus; DearLiar (เป็น จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์); บทบาทของวินสตัน เชอร์ชิล ใน Winnie ที่ Victoria Palace; Body & Soul และ The Man Who Said No ที่ Palais des Congres ในปารีส
เป็นนักแสดงที่เต็มไปด้วยประสพการณ์กว่า 50 ปี ทั้งบนเวที ในภาพยนตร์ โทรทัศน์และวิทยุ ฮาร์ดี้ยังได้เขียนบท และร่วมกำกับการแสดงให้กับภาพยนตร์โทรทัศน์ อย่างเรื่อง The Picardy Affair; ละครวิทยุเรื่อง The Leopard and the Lilies และสารคดีของ BBC เรื่อง Chronicle และได้เขียนหนังสือสองเล่มในหัวข้อเดียวกันในชื่อ Longbow และ The Great War-Bow
เขาเป็นผู้อนุรักษ์และที่ปรึกษาให้กับ Mary Rose Trust ด้านอุปกรณ์ยิงธนู เขามีความสนใจในด้านยิงธนู, ประวัติศาสตร์ยุคกลาง, หน้าไม้, ม้า และกระต่าย ฮาร์ดี้เป็นผู้อนุรักษ์ของ Royal Armouries of the Tower of London ตั้งแต่ปี 1984 ถึง 1995 และเป็น Hon Dlit ให้กับมหาวิทยาลัยสองแห่ง
เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็น CBE ในเดือนมิถุนายนปี 1981 และได้รับเลือกเป็น FSA ในปี 1990
ริชาร์ด แฮร์ริส (ศาสตราจารย์อัลบัส ดัมเบิลดอร์) ร่วมงานอีกครั้ง ด้วยการเป็นอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์ ซึ่งหลายคนนับถือว่าเป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แห่งยุคสมัยปัจจุบัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแฮร์ริสนั้นเป็นหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่แห่งจอภาพยนตร์ จากการทำงานในภาพยนตร์ยิ่งใหญ่กว่า 70 เรื่อง และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง ถึงสองครั้ง นอกจากนี้เขายังเป็นผู้อำนวยการสร้างชื่อดัง ผู้กำกับการแสดง และนักเขียนอีกด้วย
ผลงานที่เป็นที่รู้จักล่าสุดของเขาอาจเป็นเรื่อง The Count of Monte Cristo รวมทั้งบทบาทจักรพรรดิในหนังของริดลีย์ สก็อต เรื่อง Gladiator ผลงานใหญ่เรื่องอื่นๆ ได้แก่ : The Pearl, The Barber of Siberia, Smilla's Sense of Snow, Unforgiven, Patriot Games และ The Field ซึ่งเขาได้รับการเสนอชื่อชิงทั้งรางวัลตุ๊กตาทองและลูกโลกทองคำแฮร์ริสยังได้แสดงในงานภาพยนตร์คลาสสิคมากมายหลายเรื่อง รวมทั้ง Guns of Navarone, Mutiny on the Bounty และ This Sporting Life ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองเป็นครั้งแรกและรางวัล BAFTA อีกด้วย อีกทั้งยังได้รับรางวัล Best Actor ในปี 1963 ที่ Cannes Film Festival
การรับบทคิงอาร์เธอร์ของเขาในเรื่อง Camelot ทำให้แฮร์ริสได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ และอีกสามปีต่อมาในปี 1970 ด้วยผลงานแห่งความทรงจำของเขาในเรื่อง A Man Called Horse และตามมาด้วย Return of a Man Called Horse (ซึ่งเขาร่วมอำนวยการบริหาร) และ Triumphs of a Man Called Horse
ผลงานโดดเด่นเรื่องอื่นๆ ได้แก่ : The Hero (หรือ Bloomfield) ซึ่งเขากำกับ, Echoes of a Summer ซึ่งเขาร่วมอำนวยการบริหาร, The Cassandra Crossing, Gulliver's Travels, Orca, The Wild Geese และ Mack the Knife
ผลงานทางโทรทัศน์ล่าสุดได้แก่ สารคดีทางช่อง BBC ตอน King Arthur, รวมทั้ง Hunchback of Notre Dame; The Great Kandinsky; Maigret, the Return; Camelot (บทเดียวกับที่เขาเคยแสดงบนเวที); The Snow Goose; the Iron Harp และ Ricardo นอกเหนือจาก Camelot, ผลงานของเขาบนเวทีละคร ได้แก่: The Ginger Man, Man Beast and Virtue และ A View from the Bridge
เขายังได้เขียนหนังสือสองเล่ม นิยายเรื่อง l Honour Bound และบันทึกบทกวี I in the Membership of my Days
เชอร์ลีย์ เฮนเดอร์สัน (เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ) รับบทวิญญานนักเรียนหญิงโชคร้าย ที่สิงสู่ในห้องน้ำหญิงของโรงเรียน
เฮนเดอร์สันได้พิสูจน์ในความเป็นหนึ่งในดารายอดนิยมของวันนี้ ด้วยบทบาทที่หลากหลาย ทั้งในภาพยนตร์ โทรทัศน์ และเวทีละคร ล่าสุดเธอได้ถ่ายทอดบท อลิซ ให้กับ Zentropa Production ใน Vilbur Wants to Kill Himself (โลน เชอร์ฟิก; รับบท อลิซ ใน American Cousins (ดอน คัลท์); เป็น เชอร์ลีย์ ในหนังของเชน เมดโดว์ เรื่อง Once Upon a Time in the Midlands และเป็นนักสืบโลซี่ใน Dr. Sleep (นิค วิลลิ่ง); ในหนังของไมเคิล วินเทอร์บัตทอม เรื่อง 24 Hour Party People; The Claim และ Wonderland; เป็น Eve ใน Villa Des Roses แฟรงค์ แวน พาสเซล); เป็น Jude ใน Bridget Jones' Diary (ชารอน แมกไกวร์); Leonora in Topsy Turvy ไมค์ เลห์) ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เธอได้ถูกเสนอชื่อชิงรางวัล Best Actress จาก Film Critics Circle ; และเป็น เกล ในหนังของแดนนี่ บอยล์ เรื่อง Trainspotting
ผลงานเด่นของเฮนเดอร์สันในโทรทัศน์ ได้แก่ บทมารี เมลมอตต์ ใน The Way We Live Now (BBC) ซึ่งถูกเสนอชื่อชิงรางวัล Best Actress จาก Royal Television Society ; ใน Hamish Macbeth ของ BBC Scotland และ In a Land of Plenty
เฮนเดอร์สันเป็นที่คุ้นหน้าบนเวทีละครเช่นกัน ล่าสุดได้รับบทลินน์ ใน Anna Weiss ที่ Whitehall Theatre ซึ่งกำกับการแสดงโดยไมเคิล แอนเทนเบอเรอห์ ผลงานเด่นอื่นๆ ได้แก่ : Shining Souls ที่ Young Vic; The Maiden Stone และ Lion in the Streets ที่ Hampstead Theatre (ไมเคิล ลอยด์); Romeo and Juliet ที่ Citizens' Theatre; งานของไซมอน โดนัลด์ เรื่อง The Life of Stuff ที่ Traverse; My Mother Said I Never Should ที่ Royal Court และงานของปีเตอร์ ฮอลล์เรื่อง Entertaining Strangers; The Winter's Tale และ The Tempest ที่ Royal National Theatre
เจสัน ไอแซ็คส์ (ลูเซียส มัลฟอย) รับบทบิดาที่แสนร้ายกาจของเดรโก
ไอแซ็คส์ กลายมาเป็นหนึ่งในดาราที่ได้รับการเรียกหามากที่สุดในยุคเดียวกับเขา และผลงานเด่นเรื่องล่าสุด ได้แก่ หนังของริดลีย์ สก็อต เรื่อง Black Hawk Down และภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของแจ็คกี้ ชาน ในเรื่อง The Tuxedo และหนังโรแมนติคของแดน ไอร์แลนด์ เรื่อง Passionada. และที่ออกฉายในปี 2002 คือ หนังของจอห์น วู เรื่อง Windtalkers กับนิโคลัส เคจ และ หนังของไมค์ ฟิกกิส เรื่อง Hotel
หลังจากเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาจะเดินทางไปยังออสเตรเลียเเพื่อร่วมแสดงเป็นทั้ง นายดาร์ลิ่ง และกัปตันฮุค ให้กับหนังของ Disney/Sony/Revolution ในเรื่อง Peter Pan ซึ่งกำกับการแสดงโดย พี.เจ. โฮแกนเขาทำงานอย่างต่อเนื่องไม่หยุด นับแต่ได้เป็นผู้พันวิลเลียม ทาวิงตัน คู่กับเมล กิ๊บสัน ในเรื่อง The Patriot ซึ่งเป็นงานแสดงที่โดดเด่นจนทำให่เขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลจาก London Film Critic's Circle เขายังได้ร่วมงานในเรื่อง Sweet November กับคีอานู รีฟส์ และ ชาลีซ เธอรอน และรับบทพระในงานหนังของนีล จอร์แดน เรื่อง End of the Affair เขารับบทศาสตราจารย์ ควินซี 'ชายที่สมาร์ทที่สุดในโลก' ในหนังเรื่องยักษ์แห่งบ็อกซ์ออฟฟิซ เรื่อง Armageddon เป็น Cow Pat Keegan, หัวหน้าทีม IRA ในเรื่อง Divorcing Jack และเป็น Lord Felton คู่กับเดนิส เควด ในเรื่อง Dragonheart นอกจากนั้นเขายังได้ทำงานหนังสามเรื่องร่วมกับ ผู้กำกับการแสดงพอล แอนเดอสัน ; ในหนังไซ-ไฟระทึกขวัญ เรื่อง Event Horizon, Soldier กับเคิ์ท รัสเซล และหนังเรื่อง Shopping และหากเป็นคนตาแหลมก็จะจำได้ว่า เขาได้สวมบทที่ลืมไม่ลงในหนังเรื่องล่าของแอนเดอสันใน Resident Evil งานภาพยนตร์เรื่องแรกของไอแซ็คส์กับเจฟ โกลด์บลุมและเอ็มม่า ทอมป์สันในเรื่อง The Tall Guy
ทางโทรทัศน์ เขาได้แสดงเป็นแชส ผู้อ่อนหวานในงานซีรี่ส์ฮิตเรื่อง Capital City ถึงสองปี และในรายการยอดฮิต Civvies จาก Lynda La Plante เป็นนักฟุตบอลชีวิตจริงที่ขมขื่น ในงานของพอล กรีนกราส The Fix และที่หลากหลาย เช่น เป็นเจ้าพ่อเกย์ ซึ่งมีคู่แฝด คนหนึ่งดี และอีกหนึ่งร้าย - คนความจำเสื่อม และผู้ค้ายาในนาม Des สำหรับทาง CBS เขาทำงานในมินิซีรี่ส์ เรื่อง The Last Don และเป็นพระผู้ซึ่งถูกทดสอบขีดจำกัดของคำสาบาน
งานบนเวทีละครของเขา ได้แก่บท Louis ในงานโด่งดังระดับชาติที่ National Theatre ซึ่งได้รับรางวัลพูลิทเซอร์ เรื่อง Angels in America - parts 1 & 2, และยังได้ร่วมแสดงที่ Royal Court ในงานของแกรี่ มิทเชล เรื่อง The Force of Change และเป็นมุสโสลินี ในงานของเครก เรน ใน 1953 ที่ Almeida เขายังได้ร่วมแสดงที่ King's Head และห้าครั้งที่งานฉลองเอดินเบิร์ก
ไอแซ็คส์เกิดที่ลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ และได้ศึกษาที่ Bristol University ซึ่งในขณะที่เขาเรียนวิชากฎหมายอยู่นั้น เขาได้ทั้งกำกับและแสดงในละครกว่า 20 เรื่อง เมื่อสำเร็จการศึกษา เขาได้เรียนต่อทันทีที่ Central School of Speech and Drama ซึ่งเป็นสถาบันอันทรงเกียรติแห่งลอนดอนเป็นเวลาอีกสามปี และได้เริ่มทำงานนับแต่นั้น เพื่อชำระหนี้สินของเขา
เจมม่า โจนส์ (มาดาม พอมฟรีย์) เป็นที่รู้จักดีจากผลงานล่าสุดที่รับบทแม่ของบริดเจ็ต ในหนังของชารอน แม็กไกวร์ เรื่อง Bridget Jones' Diary
ผลงานภาพยนตร์ที่สร้างชื่อ ได้แก่ : หนังของเมอร์แชนท์ ไอโวรี่ Cotton Mary; BBC Films เรื่อง The Theory of Flight; หนังของเดวิด มาเม็ตต์ The Winslow Boy; An Inch Over the Horizon; และกับสตีเฟน ฟราย ใน Wilde; Valley Girls; กับเอ็มม่า ทอมป์สัน และเคท วินสเล็ต ในหนังของอั้ง ลี่ เรื่อง Sense and Sensibility; หนังของเมอร์แชนท์ ไอโวรี่ Feast of July และ On the Black Hill งานเรื่องที่จะได้ชมจากเธอเรื่องต่อไป คือหนังสเปนกับเพเนโลพี ครูซ ในชื่อ No News from God
เจมม่า โจนส์ ได้รับการฝึกสอนเป็นครั้งแรกที่ Royal Academy of Dramatic Art ที่ศึ่งเธอได้รับรางวัล Gold Medal และเธอได้กลายมาเป็นนักแสดงเวทีที่ได้รับความนับถือแห่ง West End จากมากมายหลายเรื่อง : งานของเบร็ทช์ เรื่อง Baal ร่วมกับปีเตอร์ โอทูล; งานของบิล นอรท์ตัน เรื่อง Alfie กับจอห์น เนวิล; งานของฌอง อานุยท์ เรื่อง The Cavern ซึ่งเธอได้รับรางวัล Clarence Derwent Award; งานของ อี เอ็ม ฟอร์สเตอร์ เรื่อง Howard's End; ของอลัน เบ็นเน็ท เรื่อง Getting On กับเค็นเน็ธ มอร์; ของแฮโรลด์ พินเตอร์ เรื่อง The Homecoming; And a Nightingale Sang กับซีพี เทย์เลอร์; งานของอาร์เธอร์ มิลเลอร์ เรื่อง Ride Down Mount Morgan และงานของอิบเซ็น The Master Builder กับอลัน เบตส์
(ยังมีต่อ)