(ต่อ 1) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ในการค้นหาความสมบูรณ์แบบ จางได้เดินทางหลายร้อยไมล์เพื่อเสาะหาสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับแต่ละฉาก ทีมงานที่ขันแข็งจำนวน 300 คน เดินทางจากดุนฮวง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกวางสู ไปยัง จิวไจกู ในตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ก่อนจะบ่ายหน้าสู่สถานที่สร้างฉากตระการตาของ Hengdian TV & Movie City ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงสามชั่วโมงจากเมืองแห่งประวัติศาสตร์หางโจว ทีมงานยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อขึ้นไปยังป่าต้นโอ๊คโบราณในมองโกเลียตอนใน เพื่อถ่ายทำฉากการต่อสู้ระหว่างแม็กกี้ เจียง กับจางซิยี่ บนพรมใบไม้ร่วง "ผมมีเจ้าหน้าที่คนนึงที่คอยดูแลใบไม้โดยเฉพาะ" จางอี้โหม่ว กล่าว "เขาจะคอยถ่ายทำวิดีโอเทปการเปลี่ยนแปลงของใบไม้ในขณะที่เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นเหลือง" ทันทีที่ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีทอง ทีมงานก็จะรีบเดินทางขึ้นเหนือ "เราใช้กล้องสามหรือสี่ตัวตามลำดับเพื่อถ่ายแต่ละมุม" จางอธิบาย "และใบไม้ต้องเหลืองได้ที่จริงๆ เราถึงขนาดจัดทำระบบแยกแยะใบไม้ ใบไม้ระดับพิเศษจะถูกเป่าเข้าใบหน้าของนักแสดง ชั้นหนึ่งข้างหน้า ชั้นสองข้างหลัง และชั้นสามก็จะกระจายบนพื้น" พวกเขาปูเสื่อไว้บนพื้น เพื่อที่ว่าเมื่อมันหล่น ทีมงานจะได้เก็บ ทำความสะอาดและแยกมันอย่างทนุถนอม แล้วก็ปล่อยให้มันร่วงลงมาอีกครั้ง ความพิถีพิถันขนาดนั้น ไปด้วยกันได้ดีกับฝีมือออกแบบเครื่องแต่งกายระดับตุ๊กตาทองของ เอมิ วาดะ เธอผู้นี้นับถือผู้กำกับการแสดง จางอี้โหม่ว เป็นหนึ่งในวีรบุรุษในดวงใจ สำหรับเครื่องแต่งกายในเรื่อง HERO วาดะทดลองใช้ไม่ต่ำกว่า 30 สี ย้อมตัวอย่างด้วยมือทั้งหมด อย่างไรก็ดี เมื่อสีเหล่านั้นได้รับการเห็นชอบแล้ว เธอก็ยังประสบกับปัญหาที่ไม่คาดคิดมาก่อน เธอขยายความว่า : "เราไม่สามารถใช้สีย้อมบางสีกับน้ำในปักกิ่ง" เธอถอนใจ "เราจึงต้องนำสีมาจากอังกฤษ และญี่ปุ่น และใช้น้ำแร่สำหรับผ้าบางชนิด… ในที่สุดเราก็ใช้ผ้าทั้งหมดรวมหลายพันเมตร" สิ่งที่ไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อยในการที่วาดะใช้ควบคุมการออกแบบให้เครื่องแต่งกายสีแดงนั้นประกอบไปด้วย 54 เฉดสี การใช้ผ้าที่ต่างกัน เพื่อแยกแยะความเป็นตัวละครแต่ละตัว วาดะค้นหาแรงบันดาลใจจากเครื่องแต่งกายโบราณของจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เสมือนเป็นโครงร่างของเครื่องแต่งกายสไตล์โบราณ "แต่นี่เป็นหนังแอ็คชั่น" วาดะอธิบาย "มันจึงต้องบางเบาประหนึ่งชุดบัลเล่ต์" นักแสดง เจ็ต ลี (นิรนาม) เจ็ต ลี เป็นหนึ่งในบรรดานักแสดงศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงแห่งฮอลลีวู้ด ซึ่งได้แสดงออกถึงพรสวรรค์ของเขา ไว้ในบทบาทที่หลากหลายไม่ซ้ำแบบ ลีเริ่มเรียนวิชาศิลปะป้องกันตัวที่ Beijing Martial Arts Academy เมื่ออายุ 9 ขวบ อีกเพียงสองปีต่อมา เขาก็ได้รับตำแหน่ง China's National Martial Arts Champion ซึ่งทำให้ได้เข้าร่วมทีมทรงเกียรติอย่าง Beijing Martial Arts Team ที่ได้เดินทางไปทัวร์อเมริกา ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในทัวร์รอบโลกในปี 1974 เขาได้รับเกียรติให้แสดงการต่อสู้ตัวต่อตัวต่อหน้าประธานาธิบดีนิกสัน บนสนามหน้าทำเนียบขาว เขาได้เป็นโค้ชทีมชาติ ตั้งแต่เมื่อเขายังอยู่ในช่วงกลางของการเป็นวัยรุ่นเท่านั้น พออายุ 18 ลีก็ได้รับตำแหน่ง National Martial Arts Champion มาแล้ว 4 ครั้ง (1975, 1977, 1978 และ 1979) - ซึ่งเป็นสถิติที่ยังไม่มีใครสามารถลบได้ ลีเลิกราจากการแข่งขันเมื่ออายุ 20 และได้รับข้อเสนอในทันทีให้แสดงภาพยนตร์ และต่อมาก็ได้ทำงานในอาชีพภาพยนตร์กับผู้กำกับการแสดง ชางซินเหยิน ในเรื่อง 'Shaolin Temple' (1979) หลังจากหนังออกฉาย ลีก็กลายเป็นดาวจรัสแสงในทันที และเขาได้ทำงานในภาคต่ออีกสองตอน ซึ่งเป็นเรื่องราวของคนคลั่งกังฟูในจีนในช่วงทศวรรษ 1980 เจ็ต ลี ถูกแมลงจอเงินต่อยเสียอยู่หมัด ในช่วงปลายทศวรรษที่ 80 เจ็ต ลี ได้ย้ายมาทำงานที่ฮ่องกง ที่ซึ่งเขาได้กลายเป็นสัญญลักขณ์ของดาราศิลปะป้องกัน ในบท หวงเฟยหง ในหนังขแง ซุย ฮาร์ค เรื่อง 'Once Upon a Time in China' (1991), ฟงฉียู่ใน 'The Legend of Fong Sai-Yuk' (1993), จางซานฟงใน 'The Tai Chi Master' (1993), เฉินเจิ้นใน 'Shaolin Kung Fu' (1994) และ หังไห่กวัน ใน 'The New Legend of Shaolin' (1994) เพื่อเป็นการรำลึกถึง บรู๊ซ ลี ผู้ยิ่งใหญ่ เขาได้แสดงในรีเมคของเรื่อง 'Fist Of Fury', ใน 'Fist Of Legend' (1997) หลังจากนั้น ลีได้ขยายการสะสมงานแสดงไปในแนวคอมเมดี้ ดราม่า และโรแมนติค กับเรื่อง 'Bodyguard from Beijing' (1994) และ 'My Father is a Hero' (1995) แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงคุ้นหูในเอเชียก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในอเมริกาเหนือและยุโรปเท่าใดนัก แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเขา ได้ร่วมแสดงในหนังบ็อกซ์ออฟฟิซอ๊อกเทนสูงที่เป็นต้นตอแห่งอันตราย ซึ่งนำแสดงโดยเมล กิ๊บสัน เรื่อง 'Lethal Weapon 4' ลีกลายมาเป็นแรงดึงดูดของคนทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ลีได้สร้างความสำเร็จขั้นต้นของเขา ด้วยการร่วมแสดงในหนังของโจเอล ซิลเวอร์ กับเรื่องราวจากเช็คสเปียร์ เรื่อง 'Romeo Must Die' (2000) ในปี 2001 ลีได้ก้าวสู่ความท้าทายตนเองในเรื่อง 'The One' โดยรับบทเกเบรียล ยูโลว์ เจ้าหน้าที่ตำรวจของแจ็คกิลและไฮด์ ผลงานที่ประสบความสำเร็จเรื่องล่าของเขา คือ 'Kiss of the Dragon' (2001) ซึ่งเขาทั้งร่วมแสดงและสวมหมวกผู้เขียนบท และผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย งานภาพยนตร์ในโครงการอนาคตของลี ได้แก่ งานอำนวยการสร้างของโจเอล ซิลเวอร์ ในหนังแอ็คชั่น 'Indiana Jones' เขายังจะร่วมทีมกับบริษัท Icon Productions ของเมล กิ๊บสันในงานซีรี่ส์ศิลปะป้องกันทางโทรทัศน์ ให้กับ TBS ในชื่อ 'Invincible' และภาพยนตร์กังฟูของเจ็ต ลี ได้รับความสนใจจากคนดูทั่วโลก เขาได้รับการยอมรับจากสังคมทุกชนชั้น - ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น (เข้าชิงรางวัล MTV Awards - Best Villain จาก 'Lethal Weapon 4' (1998) รวมทั้ง Best Fight Sequence ใน 'Romeo Must Die' (2000)) จนถึงสตรี (ได้รับโหวตเป็นหนึ่งในท็อป 25 Sexiest Men in Showbiz by E! Online) ผลงานภาพยนตร์ The One (2001) Kiss of the Dragon (2001) Top Fighter (2000) Romeo Must Die (2000) Hitman (1998) Lethal Weapon 4 (1998) Once Upon a Time in China VI (1997) Black Mask (1996) Dr. Wai and the Scripture Without Words (1996) Letter to Daddy (1995) High Risk (1995) The New Legend of Shaolin (1994) Fist of Legend (1997) Shaolin Kung-Fu (1994) The Bodyguard from Beijing (1994) Fong Sai Yuk II (1993) Last Hero in China (1993) Once Upon a Time in China III (1993) Kung-Fu Master (1993) Fong Sai Yuk (1993) Once Upon a Time in China II (1992) Once Upon a Time in China (1991) Swordsman II (1991) The Master (1989) Dragons of the Orient (1988) Dragon Fight (1988) Abbot Hai Teng of Shaolin (1988) North and South Shaolin (1986) Born to Defend (1986) Shaolin Kids (1983) The Shaolin Temple (1979) โทนี่ เหลียงเฉาเหว่ย (กระบี่หัก) หนึ่งในเหล่าดาราที่เป็นที่เรียกหามากที่สุดในเอเชียตะวันออก โทนี่ ได้ทำงานที่สร้างชื่อในวงการภาพยนตร์ของเขาร่วมกับผู้กำกับการแสดงอย่าง จอห์น วู, หว่องกาเหว่ย, และ ฮูเสียวเฉียน และเขาได้รับรางวัล Cannes Film Festival Best Actor Award จากผลงานหนังของหว่องกาเหว่ย เรื่อง 'In the Mood for Love' (2000) คู่กับแม็กกี้ เฉียง รวมทั้ง Best Actor จาก 1995 Golden Horse Awards จากการรับบทนายตำรวจช่างฝัน ใฝ่หารักในหนังของหว่อง เรื่อง 'Chungking Express' (1995) เขาเริ่มอาชีพการแสดงทางสถานีโทรทัศน์ของฮ่องกง - Television Broadcasts Limited (TVB) และก้าวขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเป็นดาราสนับสนุนจนเป็นดารานำ ในการแสดงดราม่าทาง TV หลายเรื่องในตอนต้นปี 1980 ต่อมาเขาได้กระโดดเข้าสู่วงการภาพยนตร์ที่น่าระทึกใจของฮ่องกง ในช่วงกลางทศวรรษที่ 80 และเขาได้พิสูจน์ถึงความสามารถที่หลากหลายของเขา จากงานภาพยนตร์ฮ่องกงที่ต่อเนื่อง จากการกำกับของยอดฝีมือมากมาย รวมทั้ง งานของแสตนลีย์ กวาน ('Love Unto Waste', 1986), งานของแพทริค แทม ('My Heart Is That Eternal Rose', 1987) และงานของแซมโม ฮัง ('Seven Warriors' 1989) แต่จนกระทั่งการเปิดตัวนอกวงการภาพยนตร์ฮ่องกงเป็นครั้งแรกของเขา - ในการถ่ายทอดบทช่างถ่ายภาพที่มีการฟังบกพร่อง ในหนังตำนานประวัติศาสตร์ของผู้กำกับ ฮูเสียวเฉียน 'A City of Sadness' (1989) - และนั่นคือครั้งที่พรสวรรค์แท้จริงของเขาได้เผยตัวออกมา ชื่อเสียงที่แพร่หลายไปยังต่างประเทศของเขาเริ่มขึ้นในช่วงปี 1990 กับผลงานร้อนแรงในหนังแอ็คชั่นระทึกขวัญของจอห์น วู เรื่อง 'Bullet in the Head' (1990) และ 'Hard-Boiled' (1992) และจากการร่วมงานอย่างยาวนานกับ ผู้มีชื่อเสียงแห่งฮ่องกงอย่าง หว่องกาเหว่ย เหลียงได้หยั่งรากลึกในฐานะดาราแห่งเอเชีย ความนิยมในการแสดงของเขากับบทบาทนายตำรวจฝันรัก ในงานเรื่องดังของหว่อง 'Chungking Express' (1995) ทำให้เขาได้รับรางวัล Best Actor Award จาก Hong Kong Film Awards เช่นเดียวกันเมื่อเขารับบทหนุ่มโฮโม ผู้ถูกกดดันจากการเลิกรากับความรักที่ร้อนแรงใน 'Happy Together' (1997) เขายังได้รับรางวัลทรงเกียรติมากมายจาก Hong Kong Film Awards จากบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ระแแวงว่าภรรยากำลังคบชู้ ในหนังโรแมนติคเรื่อง 'In the Mood for Love' (2000) ผลงานภาพยนตร์ที่ยาวเหยียดของเหลียง เป็นเสมือนใบรับรองความสามารถทางการแสดงมากมายที่ไม่ธรรมดาของเขา ในขณะที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกในการทำงานร่วมกับ ฮู, หว่อง, และ วู เขายังเป็นดาราใหญ่กสว่าในบ้านเกิดที่ฮ่องกง ซึ่งเขายังคงได้รับเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้นจากผู้ชมและนักวิจารณ์ ผลงานภาพยนตร์ Chinese Odyssey 2002 (2002) Love Me, Love My Money (2001) Fighting for Love (2001) Healing Hearts (2000) In the Mood for Love (2000) Tokyo Raiders (2000) Gorgeous (1999) Timeless Romance (1998) Flowers of Shanghai (1998) Chinese Midnight Express (1998) The Longest Night (1997) '97 Aces Go Places (1997) Happy Together (1997) War of the Underworld (1996) Blind Romance (1996) Heaven Can't Wait (1995) Doctor Mack (1995) Cyclo (1995) Chungking Express (1995) The Returning (1994) All of the Winners (1994) Ashes of Time (1994) Tom, Dick and Hairy (1993) Fantasy Romance (1993) The Eagle Shooting Heroes (1993) Hero from Beyond the Boundary of Time (1993) Comet, Butterfly and Sword (1993) Once Upon a Mid Autumn Festival (1993) End of the Road (1993) Come Fly the Dragon (1992) Lucky Encounter (1992) The Days of Being Dumb (1992) Three Summers (1992) Ruthless Super-Cop (1992) Hard Boiled (1992) The Banquet (1991) Great Pretenders (1991) Son of the Beach (1991) A Chinese Ghost Story III (1991) Days of Being Wild (1991) 'Til We Meet Again (1991) Bullet in the Head (1990) A City of Sadness (1989) Two Painters (1989) Seven Warriors (1989) Roboforce (1988) Happy-Go-Lucky (1987) My Heart is that Eternal Rose (1987) People's Hero (1987) Love Unto Waste (1986) The Story of Maniacs (1986) Young Cops (1985) Mad Mad 83 (1983) แม็กกี้ เจียงม่านยุก (หิมะเหิน) แม็กกี้ เจียง เป็นหนึ่งในบรรดาดาราใหญ่ของฮ่องกง ตั้งแต่ปี 1983 ถึง 2001 เธอมีผลงานกว่า 80 เรื่อง เธอเป็นทั้งดาราแอ็คชั่น, ดาราดราม่าที่เก่งกาจ และดาราตลกที่เชี่ยวชาญ เจียงเป็นที่รู้จักดีของผู้ชมทั่วโลกในบทบาทจากหนังของแจ๊กกี้ ชาน ในเรื่อง 'Police Story' (1985), หนังของแอน ฮุย เรื่อง 'Song of the Exile' (1990), หนังสงครามแฟนตาซีของจอห์นนี่ โถ เรื่อง 'The Heroic Trio' (1993), หนังของ หว่องกาเหว่ย เรื่อง ''In the Mood for Love' (2000), และของแสตนลี่ กวาน เรื่อง 'Actress' (1992) ซึ่งเธอได้รับรางวัล Best Actress จาก Berlin International Film Festival เจียงเกิดที่ฮ่องกง และย้ายตามครอบครัวไปยังประเทศอังกฤษเมื่ออายุ 8 ขวบ และกลับมายังฮ่องกงเพื่อเรียนต่อชั้นมัธยม และในปี 1983 เธอได้เข้าประกวดบนเวที Miss Hong Kong Pageant ซึ่งเธอได้รับรางวัลรองอันดับหนึ่ง และรางวัลขวัญใจช่างภาพ และเป็นการปูทางไปสู่การทำสัญญากับบริษัทหนังท้องถิ่น และงานโทรทัศน์กับ TVB และ ชอว์บราเดอร์ส สตูดิโอ หลังจากการทำงานมากมายในหนังซีรี่ส์ดราม่าโทรทัศน์ และรายการตลกต้นทุนต่ำ เจียงจึงได้ร่วมงานกับแจ็กกี้ ชาน ในงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ ใน 'Police Story' (1995) จุดเปลี่ยนทางอาชีพการแสดงของเธอมาถึงในปี 1988 เมื่อเธอได้รับเลือกให้แสดงในหนังของหว่องกาเหว่ย เรื่อง 'As Tears Go By' ร่วมกับ แอนดี้ เหลา และ แจ็กกี้ เฉียง เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง Best Actress ที่ Hong Kong Film Awards ในปีนั้น และในเวลาต่อมายังได้รับเกียรตินั้นซ้ำอีกถึง 5 ครั้ง ตลอดระยะเวลาการทำงาน - 'A Fishy Story' (1990), 'Actress' ('Yuen Ling-Yuk') (1992), 'Comrades: Almost a Love Story' (1996), 'The Soong Sisters' (1997) และ 'In the Mood for Love' (2000) - และเป็นดาราเพียงคนเดียวที่ได้ห้ารางวัล HKFA Best Actress จนถึงทุกวันนี้ พรสวรรค์อันโดดเด่นของเจียงนั้นยังได้ส่งผลให้เธอได้รับความสำเร็จไปไกลกว่าเพียงในบ้านเกิดของเธอ ในปี 1996 เจียงได้สะดุดตาของผู้กำกับการแสดงชื่อดังชาวฝรั่งเศส โอลิเวียร์ อาซายาส์ ซึ่งคัดเลือกเธอให้เป็นการเกิดใหม่ของฆาตกรสาวของหนังเงียบ ของ Feuillade ใน Les Vampires. หนังเรื่อง 'Irma Vep' (1996) นับเป็นภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่องแรกของแม็กกี้ เจียง นับแต่ Irma Vep เธอได้ร่วมแสดงกับลีออน ไหล ในหนังได้รับรางวัลของปีเตอร์ ชาน ด้วยเนื้อเรื่องโรแมนติคระหว่างฮ่องกง-นิวยอร์ค 'Comrades, Almost a Love Story' (1996), หนังตำนานประวัติศาสตร์ของมาเบล เฉียง เรื่อง 'The Soong Sisters' (1997), และหนังของเวย์น หวัง เรื่อง 'Chinese Box' (1997) ซึ่งเธอได้ร่วมแสดงกับ เจเรมี ไอออนส์ และกงลี่ เจียงเป็นเจ้าของห้ารางวัล Best Actress จาก Taiwan's Golden Horse Film Awards ด้วยผลงานของเธอในเรื่อง 'Full Moon in New York' (1989), 'Red Dust' (1990), 'Actress' (1992), 'Comrades: Almost a Love Story' (1996) และ 'In the Mood for Love' (2000) บทบาทของเธอในการเป็น หยวนลิงยุก ดาราหนังเงียบผู้เศร้าสร้อย ในเรื่อง 'Actress' (1992) ทำให้เธอได้รับถึงสี่รางวัลซ้อนในด้าน Best Actress ของไต้หวัน ฮ่องกง และชิคาโก และทำให้กลายเป็นนักแสดงเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลทรงเกียรติ Silver Bear Award แห่งเบอร์ลิน (ยังมีต่อ) -ตม-

ข่าววอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส+ภาพยนตร์เรื่องวันนี้

Gossip News: ชมเบื้องหลังภาพยนตร์สุดสยองขวัญ “It โผล่จากนรก”

ช่อง 28 จะพาแฟนๆไปชมเบื้องหลังภาพยนตร์แนวสยองขวัญ วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส และนิวไลน์ ซีเนม่า ภาคภูมิใจเสนอ "It โผล่จากนรก" จากนวนิยายสุดสยองของ สตีเฟ่น คิงส์ สู่ความกลัวเขย่าขวัญสั่นประสาท "มันจะเสพความกลัวของคุณพาคุณล่องลอย...ไปสู่ความตาย!" ติดตามชมเบื้องหลังของภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่จะมาเขย่าสั่นประสาท "It โผล่จากนรก" วันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2560 เวลา 16.30-17.00 น. ทางช่อง 28 และรับชมผ่านทาง Application 3

ภาพข่าว: เมเจอร์ โบว์ล ฮิต จัดแข่งขัน “ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ชาเลนจ์”

อาทร เตชะตันติวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์โบว์ล กรุ้ป จำกัด ร่วมกับ มร.เฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส จำกัด เปิดแคมเปญ “เมเจอร์ โบว์ล ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ชาเลนจ์” การแข่งขัน...

(ต่อ3): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

คลิฟฟอร์ด เวอร์เบอร์ (ผู้อำนวยการสร้าง) ได้ผ่านการทำงานบริหารภาพยนตร์ให้กับบริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ๊อกซ์ ฟิล์ม คอร์ปอร์เรชั่นและวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ตั้งแต่ปี 1986 มาจนถึงปี 1999 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขายังได้ทำงานอย่างใกล้ชิด...

(ต่อ2): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

ดราตรี สีขาว เกาะอกไม่มีสายปักลูกปัดและกระโปรงผ้าโปร่งเหมือนในเทพนิยาย นั้นมาจากคอลเลคชั่นของ โมนิค ฮูลิเย่ ดีไซน์เนอร์จากเบเวอรี่ ฮิลล์ ผู้ซึ่งมีความชำนาญทางด้านชุดราตรีและชุดแต่งงาน งานของเธอนั้นเรียบง่ายแต่ดูดี วินเกทยกความดี...

(ต่อ1): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

อย่างที่รอสแมนวางไว้ว่า “เขาเป็นเจ้าชายที่ไม่อยากจะเป็นเจ้าชาย” “พวกเราประทับใจในตัวแชด พวกเราเลื่อนวันเปิดกล้องออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับตารางซีรีส์ทางโทรทัศน์ของเขา” รอสแมนเล่าถึงการที่ได้ค้นพบตัวแสดงหลังจากผ่าน ขั้นตอนอัน “ยาวนาน...

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

ซินเดอเรลล่าเองยังไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย ในภาพยนตร์เรื่อง A Cinderella Story – เรื่องราวของเทพนิยายคลาสสิคที่กลับตาละปัดแต่แฝงด้วยความร่าเริงสนุกสนานที่ถูกนำกลับมาทำให้เข้าสมัย นักเรียนมัธยมปลาย แซม มอนโกเมอรี่ (ฮิลลารี่ ดัฟฟ์)...

(ต่อ 3) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส คริสโตเฟอร์ ดอยล์ (ผู้กำกับภาพ) เกิดที่ซิดนีย์ เขาได้บินหนีความจืดชืดของชนบท และใช้เวลาส่วนใหญ่บนถนนชีวิต ในหลายช่วงเวลา เขาเคยเป็นกระทั่งคนขุดบ่อน้ำในอินเดีย, กลาสีบน...

(ต่อ 2) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ผลงานภาพยนตร์ In the Mood for Love (2000) Sausalito (2000) Augustin, King of Kung Fu (1999) Those were the Days (1997) Chinese Box (1997) The Soong Sisters (1997) Comrades:...

(ต่อ 1) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ในการค้นหาความสมบูรณ์แบบ จางได้เดินทางหลายร้อยไมล์เพื่อเสาะหาสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับแต่ละฉาก ทีมงานที่ขันแข็งจำนวน 300 คน เดินทางจากดุนฮวง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกวางสู ...

วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส เวลา สองพันปีก่อน สถานที่ จุดเริ่มต้นความป่าเถื่อนแห่งราชวงศ์ฉิน เรื่องราว ของว่าที่จักรพรรดิแห่งแผ่นดินจีน ผู้กำลังจะมีชัยในการครอบครองแผ่นดินที่ถูกย่ำยีด้วยพิษสงคราม ...