(ต่อ5) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ภาคล่าสุด

กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส เธอทำงานมากมายให้กับ Royal Shakespeare Company ในงานละครหลายเรื่อง : The Merry Wives of Windsor; A Winter's Tale; Twelfth Night: Henry VIII; Julius Caesar; Volpone และทัวร์รอบโลกกับปีเตอร์ บรู๊ค A Midsummer Night's Dream ส่วนกับ Royal National Theatre โจนส์ได้ร่วมงานกับจอห์น ฮอบกินส์ ในเรื่อง Next of Fire, กับ Beaumarchais ใน The Marriage of Figaro และ Battle Royal โดยนิค แสตฟฟอร์ด และที่ Old Vic เธอได้แสดงเป็น Goneril ในเรื่อง King Lear และในงานของเอเดรียน มิทเชล เรื่อง After Aida และที่ Young Vic เธอแสดงในงานของเดวิด รัดคิน เรื่อง Ashes กับเอียน แมคเคลเลน เธอเป็น Ophelia ให้กับริชาร์ด แชมเบอร์เลนใน Hamlet; และบลองช์ ดูบัวร์ ใน A Streetcar Named Desire; เป็นแซลลี่ โบว์ส ใน Cabaret; เบียทริซ ใน Much Ado About Nothing และ เลดี้แม็คเบ็ธ ในการทัวร์อังกฤษและอเมริกา เธอได้ร่วมแสดงในงานของสตีเฟน โพเลียคอฟ เรื่อง Breaking the Silence; งานของมานูเอล พูอิค เรื่อง Mystery of the Rose Bouquet ที่ Donmar Warehouse และร่วมแสดงกับจอห์น เนวิล ในงานของสตรินเบอร์กเรื่อง Dance of Death ที่ Almeida Theatre และเป็นที่คุ้นหน้าของผู้ชมโทรทัศน์เช่นกัน เจมม่า โจนส์ มีผลงานชื่อดังทางโทรทัศน์ รวมทั้ง : งานที่ได้รับคำชมมากมายใน Duchess of Duke Street; รวมทั้งเมื่อเป็นนีน่า ในเรื่อง The Seagull; เป็นควีนอลิซาเบ็ธที่ 1 ใน Kenilworth; แวเรีย ใน The Cherry Orchard; งานของอิงค์มาร์ เบิร์กแมน เรื่อง The Lie; The Importance of Being Ernest; The Merchant of Venice; Inspector Morse; The Story Teller; Wycliffe; Faith; Devices and Desires; After the Dance และและที่ได้รับรางวัล BAFTA เรื่อง Longitude กำกับการแสดงโดยชาร์ลส สตูริดจ์ มิเรียม มาร์โกลีส (ศาสตราจารย์สเปราต์) จากจุดเริ่มต้นที่เธอขว้างอาร์โนลด์ ชวาสเนกเกอร์ไปติดข้างฝา ในเรื่อง End of Days จนกระทั่งได้แสดงเป็น 23 ตัวละครในงานของชาร์ลส ดิกเก้น ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัลโชว์เดี่ยว (Dickens' Women) มิเรียม มาร์โกลีส เป็นหนึ่งในดาราอังกฤษที่โด่งดังและมีผลงานหลากหลายในประเทศบ้านเกิดทั้งบนเวทีและบนจอภาพยนตร์เธอเดินทางไปยังอเมริกาหลังจากที่ได้รับรางวัล จากการแสดงในหนังของคริสทีน เอ็กซาร์ด เรื่อง LITTLE DORRIT ซึ่งออกอากาศสี่ครั้งทาง TONIGHT SHOW, ก่อนที่เธอจะได้มีรายการของตนเองในชื่อ FRANNIE'S TURN ในปี 1984 มาร์โกลีสได้รางวัล Best Supporting Actress จาก BAFTA Award จากผลงานในหนังของมาร์ติน ซกอร์เซสี เรื่อง The Age of Innocence ซึ่งตามมาด้วยการได้รับคำเชิญให้ร่วมกับ American Academy of Motion Picture Arts & Sciences ผลงานภาพยนตร์ได้แก่ : Pacific Heights; Dead Again; I Love You to Death; Cold Comfort Farm; Immortal Beloved; Little Shop of Horrors และ James and the Giant Peach; งานของบาซ เลอแมน เรื่อง William Shakespeare's Romeo and Juliet; Sunshine และ Cats & Dogs งานทางโทรทัศน์ของเธอนั้นมีมากมายพอๆ กัน ที่โดดเด่น ได้แก่ : The Girls of Slender Means; Glittering Prizes; Blackadder; Old Flames; The History Man; Oliver Twist; The Lost Tribe; Life and Loves of a She Devil; Vanity Fair; และงานของลินดา ลา พลานท์ เรื่อง Supply and Demand เธอรักการแสดงบนเวทีอย่างมาก รวมทั้งเรื่องที่ผ่านมาล่า The Vagina Monologues เธอแสดงเป็นครั้งแรกบนเวที Arts Theatre เมื่อปี 1976 ให้กับ Kennedy's และอื่นๆ อาทิเช่น : The Threepenny Opera; Orpheus Descending ทั้งคู่กับวาเนสซา เรดเกรฟ และ She Stoops to Conquer กับเซอร์โดนัลด์ ซินเดน งานเรื่อง Gertrude Stein and a Companion ได้รับรางวัล Fringe First จาก 1986 Edinburgh Festival และถ่ายทอดเป็นงานขายดีตลอดฤดูที่ Hampstead Theatre และทัวร์ออสเตรเลียและอเมริกา งานเรื่องสุดท้ายที่ West End คือบทจอร์จในเรื่อง The Killing of Sister George และที่ Ambassador Theatre และในปี 2000 ที่ลอส แอนเจลิส และเธอร่วมงานกับเซอร์ปีเตอร์ ฮอลล์ ในเรื่อง Romeo and Juliet มาร์โกลีสเริ่มต้นอาชีพของเธอทางวิทยุ ด้วยการพากย์เป็นเสียงเด็กผู้ชายจนกระทั่งถึงหญิงชรา เธอได้ให้เสียงนับพันกับโฆษณาโทรทัศน์และวิทยุ รวมทั้งบันทึกเสียงนิทานเด็ก ได้แก่ Matilda; The Worst Witch; Pinocchio; The First Snows of Winter; Mulan และเป็นเสียงของแม่เบ๊บ และแมลงวันในเรื่อง Babe งานทางวิทยุของเธอเมื่อปี1993 คือการบันทึกเสียงใน The Queen & I for ของ BBC ด้วยการให้เสียงสมาชิกของราชวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งได้รับการจำหน่ายเป็นเทปคาสเซ็ทและกลายเป็นงานยอดนิยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งทำให้เธอได้รับรางวัล Sony Best Radio Actress Award ในปี 1997 มาร์โกลีสได้บันทึกเสียงให้ Oliver Twist และได้รับรางวัลทั้งในอังกฤษและอเมริกาและเธอได้รับการขนานนาม Best Audio Performer by the Spoken Word Publishers Association แซลลี่ มอร์ทมอร์ (มาดาม พินซ์) รับบทบรรณารักษ์ ในงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ มอร์ทมอร์ผ่านการทำงานหลากหลาย รวมทั้งทัวร์ร่วมกับคณะดาราละครมือเก่า อย่าง Red Shift ซึ่งก่อตั้งเมื่อต้นศตวรรษ 1980 โดยผู้กำกับ โจนาธษน ฮอลโลเวย์ ซึ่งเธอได้ร่วมงานด้วยในบท Julianna Borereau ในละครดัดแปลงของเขาเรื่อง The Aspern Papers ผลงานเรื่องต่อมาของเธอกับบริษัทนี้ ได้แก่ บท Lady Sandwich ใน Poor Mrs. Pepys และเป็น Gertrude ใน Hamlet-First Cut ซึ่งเป็นเรื่องแรกในสี่เรื่องของละครเชคสเปียร์ และกับ English Shakespeare Company ได้มีผลงานให้บาร์ดด้วยบทบาทที่โด่งดังของ Titania ใน A Midsummer Night's Dream และ Lady Macbeth มอร์ทมอร์ยังได้ร่วมทัวร์กับ Cleanbreak Theatre Company โดยแสดงเป็น Sandy ในละครของลิน โคก์แลน เรื่อง Apache Tears ซึ่งได้รับรางวัล Peggy Ramsey Award - Best New Commissioned Play ในปี 2000ผลงานละครในฤดูกาลของเธอที่อังกฤษ รวมถึงงานกับ Watford, Bromley, Basingstoke และ Hornchurch ก่อนการเข้าร่วมทีมดาราของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เมื่อเดือนมกราคม เธอได้รับบทหลักใน Snow Queen ที่ Octagon Theatre ใน Bolton ผลงานภาพยนตร์สั้นทำให้กับ BBC และ Channel 4 ในบท Miss Quigley เรื่อง Daphne and Apollo และบทภรรยาใน Special Occasions มอร์ทมอร์ยังได้ปรากฎในงานโฆษณาโทรทัศน์อีกหลายชิ้น อลัน ริคแมน (ศาสตราจารย์ เซเวอรัส สเนป) อีกครั้งกับบทอาจารย์สอนวิชาปรุงยา และหัวหน้าบ้านสลิธีรินผู้กำกวม อลัน ริคแมน เป็นหนึ่งในดาราอังกฤษที่ได้รับการยกย่องทั้งด้านงานภาพยนตร์ โทรทัศน์และละครเวที และเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลกจากผลงานภาพยนตร์หลากหลาย อาทิเช่น : Die Hard; An Awfully Big Adventure; Bob Roberts; Truly Madly Deeply; Close My Eyes; The January Man and Galaxy Quest เขายังได้ร่วมแสดงใน Mesmer ซึ่งได้รับรางวัล Best Actor จาก Montreal Film Festival. For Sense & Sensibility และ Michael Collins เขายังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล BAFTA จากเรื่อง Robin Hood: Prince of Thieves และได้รับรางวัล BAFTA Award - Best Supporting Actor และจากเรื่อง For Truly Madly Deeply, Close My Eyes และ Robin Hood: Prince of Thieves นั้น เขาได้รับขนานนามเป็น Evening Standard Film Actor of the Year ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าได้แก่ : Blow Dry, The Search for John Gissing และ Play (กำกับการแสดงโดยแอนโธนี มิงเกลล่า แห่ง Beckett on Film) เมื่อเขารับบทพระผู้ลวงโลกใน Rasputin นั้นริคแมนได้รับรางวัลในปี 1996 - เอ็มมี่ ลูกโลกทองคำ และ SAG Awards - Outstanding Lead Actor ผลงานเด่นทางโทรทัศน์ ได้แก่: Benefactors; Revolutionary Witness; Spirit of Man; Pity in History; Barchester Chronicles; Busted; Therese Raquin และ Romeo & Juliet ส่วนงานด้านกำกับการแสดง ริคแมนได้สร้างสรรค์ Wax Acts กับรูบี้ แวกซ์ ที่ West End และ The Winter Guest โยชาร์แมน แมคโดนัลด์ ทั้งที่ West Yorkshire Playhouse และที่ Almeida Theatre ในลอนดอน เขายังได้กำกับ (และร่วมเขียนบทกับแมคโดนัลด์) ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ให้กับ Venice Film Festival ซึ่งได้รับสามรางวัลซ้อน และต่อมาภายหลังยังได้รับรางวัล Best Feature จาก Chicago Film Festival อีกด้วย ริคแมนนั้นยังโด่งดังจากเวทีละครในฐานะสมาชิกแห่ง Royal Shakespeare Company เขาได้ร่วมแสดงใน Les Liaisons Dangereuses ทั้งที่ West End และ Broadway ซึ่งทำให้ได้รับรางวัล Tony Award งานอื่นๆ ที่ RSC ได้แก่ : Mephisto; Troilus and Cressida; As You Like It; Love's Labour's Lost; Antony and Cleopatra; Captain Swing และ The Tempest งานเวทีส่วนใหญ่ของเขาซึ่งเป็นเรื่องสมัยใหม่ยังมี : Fears and Miseries of the Third Reich ที่ Glasgow Citizens; The Carnation Game และ The Summer Party ที่ Crucible Sheffield; Commitments และ The Last Elephant ที Bush Theatre; Bad Language ที่ Hampstead Theatre Club; The Grass Widow; The Lucky Chance และ The Seagull ที่ Royal Court สำหรับที่ National Theatre ริคแมนได้แสดงใน Antony & Cleopatra และรับบทนำใน Hamlet ที่ Riverside Studios กำกับการแสดงโดย โรเบิร์ต สตรูเรอ ผู้กำกับการแสดงชื่อดังแห่ง Rustaveli Theatre ในจอร์เจีย ริคแมนยังได้ปรากฎตัวถึงสามครั้งที่ Edinburgh Festival - สองครั้งใน The Devil is an Ass และ Measure for Measure ซึ่งได้ไปทัวร์ยุโรปด้วย; Brothers Karamazov ได้ไปทัวร์ที่สหภาพโซเวียต และงานของยูกิโอะ นินากาว่า Tango at the end of Winter ซึ่งภายหลังโอนมายัง West End ทำให้ริคแมนได้รับรางวัล Time Out Award - Best Actor ล่าสุด ริคแมนได้แสดงในงานโด่งดังแห่ง West End ในงานของโนเอล คาเวิร์ด เรื่อง Private Lives เขาได้รับทั้ง Variety Club และ Theatre Goers Awards - Best Actor และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Olivier และ Evening Standard Awards ละครเรื่องนี้ขายบัตรหมดเกลี้ยงทุกรอบที่ Albery Theatre และขณะนี้ยังเล่นอยู่ที่ Broadway ฟิโอน่า ชอว์ (เพ็ตทูเนีย เดอร์สลีย์) ในบทป้าใจหินของแฮร์รี่อีกครั้ง เธอเป็นพี่สาวของแม่ที่เสียชีวิตของเขา ฟิโอน่า ชอว์เป็นหนึ่งในเหล่าดาราที่ได้รับความนิยมและยกย่องแห่งอังกฤษ ล่าสุดเพิ่งได้รับรางวัลจาก Evening Standard Award - Best Actress จากเรื่อง Medea ของ เวที West End แห่งลอนดอนในปี 1990 เธอได้รับรางวัล Laurence Olivier Award - Best Actress จากบทบาท Rosalind ในเรื่อง As You Like it ตามมาด้วยรางวัล Olivier Award - Best Actress และ London Critics Award จากผลงานในเรื่อง The Good Person of Sechuan เธอยังได้รับ Laurence Olivier Award และ London Critics Award จากบทบาทใน Electra อีกครั้งในปี 1990 ตามมาด้วยปี 1992 จากการถ่ายทอดบทบาทในเรื่อง Hedda Gabler และในปี 1993 เธอได้รับ Laurence Olivier Award และ Evening Standard Drama Award - Best Actress จากงานของสตีเฟน ดัลดรีย์ ในเรื่อง Machinal ผลงานบนเวทีละครที่โดดเด่น ได้แก่ : The Prime of Miss Jean Brodie; The Way of the World และ Richard II ที่ Royal National Theatre; ทัวร์รอบโลกของเรื่อง The Waste Land; The Rivals; Bloody Poetry และ Philistines; Les Liaisons Dangereuses; Mephisto; Much Ado About Nothing; The Merchant of Venice; Hyde Park และ The Taming of the Shrew ที่ Royal Shakespeare Company นอกเหนือจากงานแสดงบนเวทีละครแล้ว ชอว์ยังได้กำกับการแสดงเรื่อง The Widowers Houses ให้กับ National Theatre Education Tour และ Hamlet ให้ National Theatre of Ireland ผลงานภาพยนตร์แห่งความทรงจำของเธอ ยังมี : หนังของจิม เชอริแดน My Left Foot; หนังของบ็อบ ราเฟลสัน Mountains of the Moon; ของฮานิฟ คูไรชิ เรื่อง London Kills Me; ของฟรังโก เซฟิเรลลี เรื่อง Jane Eyre; ของนีล จอร์แแดน เรื่อง The Butcher Boy; ของเดบอราห์ วอร์เนอร์ เรื่อง The Last September และล่าสุดของแคลร์ เพพโลห์ เรื่อง The Triumph of Love ทางโทรทัศน์ ชอว์ได้รับบทซ้ำในเรื่อง Hedda Gabler และ The Waste Land ทั้งสองเรื่องทาง BBC, รวมทั้งแสดงให้แดนนี่ บอยล์ ในเรื่อง For the Greater Good; ของโรเจอร์ มิทเชล เรื่อง Persuasian; ของแอนดี้ วิลสัน เรื่อง Gormenghast และเป็นดาราให้ลินดา ลาพลานท์ใน Mind Games ในปี 1997 ชอว์ได้รับปริญญาเอกจาก National University of Ireland และรับตำแหน่ง Honorary Professor of Drama ที่ Trinity College, ดับลิน, ประเทศไอร์แลนด์ ในปี 2001 เธอได้รับปริญญาเอกจาก Trinity College Dublin และรัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบตำแหน่ง Officer des Artes et des Lettres ให้ เธอยังได้รับรางวัล CBE เมื่อปีกลายจาก New Year's Honours List ปัจจุบันเธอแสดงใน The Power Book ที่ National Theatre และจะแสดงเรื่อง Medea ในนิวยอร์คในปีนี้ แม็กกี้ สมิธ (ศาสตราจารย์ มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล) กลับมาเพื่อรับบทรองอาจารย์ใหญ่แห่งฮอกวอตส์ และหัวหน้าบ้านกริฟฟินดอร์ คุณหญิงแม็กกี้ สมิธ เป็นหนึ่งในดาราใหญ่ของโลก ทั้งบนเวทีและจอภาพยนตร์ เป็นที่เคารพทั้งด้านยศศักดิ์และความเป็นคนของประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน และยังเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย อาทิเช่น รางวัลตุ๊กตาทองสองตัว รางวัล CBE และรางวัล DBE เมื่อล่าสุดยังได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง รางวัลลูกโลกทองคำและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล BAFTA nominations จากงานของโรเบิร์ต อัลท์แมน ที่โด่งดังเรื่อง Gosford Park สมิธปรากฎตัวบนเวทีละครเป็นครั้งแรกให้กับ Oxford University Drama Society ในปี 1952 และได้แสดงครั้งแรกในนิวยอร์คในเรื่อง New Faces 1956 Revue เธอเข้าร่วมงานกับ Old Vic Company ในปี 1959 และนับแต่นั้นมาก็เริ่มเก็บสะสมรางวัล อาทิเช่น 1962 Evening Standard's Best Actress Award จากบทบาทดอรีนในเรื่อง The Private Ear และเบลินดา ในเรื่อง The Public Eye เธอร่วมงานกับ National Theatre ในปี 1963 ในบท Desdemona กับลอเรนส์ โอลิเวียร์ Othello และในเวลาต่อมาประสบความสำเร็จในเรื่อง Black Comedy, Miss Julie, The Country Wife, The Beaux Stratagem และ Much Ado About Nothing แต่ในปี 1969 กับการแสดงของเธอในเรื่อง The Prime of Miss Jean Brodie ซึ่งได้ ส่งเธออกสู่สายตาสาธารณชนอย่างรวดเร็ว และทำให้ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง และรางวัล Society of Film and TV Arts Best Actress Award บทบาททางภาพยนตร์ที่ตามมา ได้แก่ : Travels with my Aunt (ถูกเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง - Best Actress) และ Death on the Nile. ต่อมาในปี 1977 สมิธได้รางวัลตุ๊กตาทองตัวที่สองและรางวัลลูกโลกทองคำจางานของนีล ไซมอน เรื่อง California Suite ความชื่นชมยังคงดำเนินต่อไป ตามมาด้วยงานของอลัน เบนเน็ตต์ เรื่อง A Private Function (ร่วมแสดงโดยไมเคิล พาลิน) ซึ่งเธอได้รับรางวัล BAFTA Award รางวัลลูกโลกทองคำ และ Variety Club Award และได้รับการแสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองเป็นครั้งที่ 5 ผลงานภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จต่อเนื่อง ได้แก่ งานของเมอร์แชนท์ ไอโวรี่ เรื่อง A Room with a View; The Lonely Passion of Judith Hearne (และรางวัล BAFTA Award - Best Actress); ของสปีลเบิร์ก เรื่อง Hook; Sister Act; The Secret Garden; Richard III, The First Wives Club; Washington Square; Tea with Mussolini (ได้รับรางวัล BAFTA Award - Best Actress) และ The Last September เธอจะมีผลงานเรื่องต่อไปในหนังของแคลลี่ คูรี่ เรื่อง The Divine Secrets of the Ya-Ya Sisterhood กับแซนดร้า บุลล็อค สมิธยังคงซื่อสัตย์ต่ออาชีพการแสดงบนเวทีตลอดมาแม้ระหว่างการทำงานให้ภาพยนตร์และโทรทัศน์ เธอได้รับบทนำในเรื่อง Hedda Gabler ในปี 1970 และได้รับรางวัล Variety Club Best Actress Award เป็นครั้งที่สองจากบท Mrs. Millamant ในเรื่อง Way of the World ผลงานเวทีต่อมา ได้แก่ : Night and Day และของเอ็ดน่า โอ ไบรอัน เรื่อง Virginia ซึ่งได้รับรางวัล Evening Standard Drama Award - Best Actress ผลงานอื่นๆ ได้แก่ : The Interpreters; Infernal Machine; Coming in to Land; Lettice and Lovage (ได้รับรางวัล Tony Award - Best Actress); The Importance of Being Earnest; Three Tall Women (ได้รางวัล Evening Standard Award - Best Actress); A Delicate Balance, ของอลัน เบ็นเน็ต Lady in the Van และต่อไปในเรื่อง The Breath of Life โดยเดวิด แฮร์ ผลงานหนัง ได้แก่ : ของเกรนาด้า เรื่อง Mrs. Silly ได้รับรางวัล BAFTA - Best Actress; ของ BBC Momento Mori; Suddenly Last Summer และ Talking Heads: Bed Among the Lentils ได้รางวัล Royal Television Society Award - Best Actress และล่าสุดทาง BBC เรื่อง All the King's Men และ David Copperfield ในปี 1970 สมิธได้รับรางวัล CBE และในปี 1990 กลายมาเป็นคุณหญิงแม็กกี้ สมิธ หลังจากได้รับพระราชทานยศ DBS เธอยังได้รับรางวัล Hamburg Shakespeare Prize ในปี 1991 และเป็น Fellow of the British Film Institute; ได้รางวัล Silver BAFTA ในปี 1993 และเป็น Hon. DLitt of Cambridge University และ St. Andrews และเป็นผู้อุปถัมป์ของ Jane Austen Society จูลี่ วอลเตอร์ส (นางมอลลี่ วีสลีย์) รับบทแม่ของรอน เพอร์ซี เฟรด จอร์จ และจินนี่อีกครั้ง จูลี่ วอลเตอร์ส เป็นนักแสดงที่มีความสามารถหลายด้าน และเคยได้รับรางวัลจากผลงานด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์ ล่าสุดได้แสดงให้กับลูอิส กิลเบิร์ต ในเรื่อง Before You Go และรับบทครูสอนวิชาบัลเล่ต์ให้กับบิลลี่ในงานของสตีเฟน ดัลดรีย์ เรื่อง Billy Elliot อันเป็นบทบาทที่ทำให้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองและลูกโลกทองคำ และได้รางวัล BAFTA และ Variety Club Award แม้ว่าอาจจะเป็นงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอซึ่งคู่กับไมเคิล เคน ใน Educating Rita แต่ก็ทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลก และทำให้ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ, BAFTA และ Variety Club Award - Best Actress และถูกเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง วอลเตอร์สได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล BAFTA Award - Best Actress ใน Personal Services และเสนอชื่อชิง BAFTA Award และ Variety Club Award - Best Supporting Actress ใน Stepping Out ผลงานโดดเด่นของเธอทางด้านภาพยนตร์ ได้แก่ : Titanic Town; Intimate Relations; Sister, My Sister; Just Like a Woman; Prick Up Your Ears; Buster (opposite Phil Collins); She'll Be Wearing Pink Pajamas and Killing Dad ในอังกฤษ วอลเตอร์สกลายมาเป็นที่รู้จักจากผลงานทางโทรทัศน์ ร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่ Victoria Wood นับแต่นั้นมาเธอก็ได้แสดงทั้งในรายการตลกและดราม่า รวมทั้ง Julie Walters & Friends ซึ่งเธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล BAFTA - Best Light Entertainment Programme; ของอลัน เบ็นเน็ตต์ ใน Say Something Happened และของอลัน เบลสเดล ใน The Boys from the Black Stuff ซึ่งทำให้ได้ถูกเสนอชื่อชิงรางวัล BAFTA Award nominations ผลงานโทรทัศน์ที่โดดเด่น ได้แก่: ที่กำลังจะออกฉายเรื่อง Murder; My Beautiful Son for เธอเพิ่งได้รับรางวัล BAFTA Award - Best Actress; Dinner Ladies I & II; Oliver Twist; Jack and the Beanstalk; Green Card; ทาง BBC Melissa; Brazen Hussies; Roald Dahl's Little Red Riding Hood; Bambino Mio; Wide Eyed and Legless ถูกเสนอชื่อชิงรางวัล BAFTA - Best Actress; Clothes in the Wardrobe; Getaway; ของอลัน เบ็นเน็ต Talking Heads และ Intensive Care; ทาง Channel 4's Jake's Progress และ GBH; Victoria Wood as Seen on TV ถูกเสนอเข้าชื่อชิงรางวัล BAFTA Award - Best Comedy Performance; The Secret Diary of Adrian Mole และทาง BBC's The Birthday Party และ The All Day Breakfast Show (Christmas Special)วอลเตอร์สยังเป็นหนึ่งในนักแสดงละครเวทีที่มีชื่อ และได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Olivier for Best Actress จากงานของแซม เชฟเฟิร์ด เรื่อง Fool for Love. ผลงานบนเวทีเรื่องอื่นๆ ได้แก่ ของวิลลี่ รัสเซล เรื่อง Educating Rita; ของทอม เช็ฟเฟิร์ด เรื่อง Jumpers; ของอลัน บลีสเดล เรื่อง Having a Ball; ของเทอร์เรนซ์ แมคนัลลี่ เรื่อง Frankie & Johnnie; ของชาร์แมน แมคโดนัลเรื่อง When I was a Girl I used to Scream and Shout; ของเทนเนสซี วิลเลี่ยม เรื่อง The Rose Tattoo กำกับการแสดงโดยปีเตอร์ ฮอลล์ และงานได้รับรางวัลเรื่อง of All My Sons กำกับการแสดงโดยโฮเวิร์ด เดวี่ ซึ่งวอลเตอร์สได้รับรางวัล Olivier Award ในปี 2001 - Best Actress (ยังมีต่อ)

ข่าววอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส+ภาพยนตร์เรื่องวันนี้

Gossip News: ชมเบื้องหลังภาพยนตร์สุดสยองขวัญ “It โผล่จากนรก”

ช่อง 28 จะพาแฟนๆไปชมเบื้องหลังภาพยนตร์แนวสยองขวัญ วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส และนิวไลน์ ซีเนม่า ภาคภูมิใจเสนอ "It โผล่จากนรก" จากนวนิยายสุดสยองของ สตีเฟ่น คิงส์ สู่ความกลัวเขย่าขวัญสั่นประสาท "มันจะเสพความกลัวของคุณพาคุณล่องลอย...ไปสู่ความตาย!" ติดตามชมเบื้องหลังของภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่จะมาเขย่าสั่นประสาท "It โผล่จากนรก" วันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2560 เวลา 16.30-17.00 น. ทางช่อง 28 และรับชมผ่านทาง Application 3

ภาพข่าว: เมเจอร์ โบว์ล ฮิต จัดแข่งขัน “ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ชาเลนจ์”

อาทร เตชะตันติวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์โบว์ล กรุ้ป จำกัด ร่วมกับ มร.เฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส จำกัด เปิดแคมเปญ “เมเจอร์ โบว์ล ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ชาเลนจ์” การแข่งขัน...

(ต่อ3): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

คลิฟฟอร์ด เวอร์เบอร์ (ผู้อำนวยการสร้าง) ได้ผ่านการทำงานบริหารภาพยนตร์ให้กับบริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ๊อกซ์ ฟิล์ม คอร์ปอร์เรชั่นและวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ตั้งแต่ปี 1986 มาจนถึงปี 1999 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขายังได้ทำงานอย่างใกล้ชิด...

(ต่อ2): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

ดราตรี สีขาว เกาะอกไม่มีสายปักลูกปัดและกระโปรงผ้าโปร่งเหมือนในเทพนิยาย นั้นมาจากคอลเลคชั่นของ โมนิค ฮูลิเย่ ดีไซน์เนอร์จากเบเวอรี่ ฮิลล์ ผู้ซึ่งมีความชำนาญทางด้านชุดราตรีและชุดแต่งงาน งานของเธอนั้นเรียบง่ายแต่ดูดี วินเกทยกความดี...

(ต่อ1): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

อย่างที่รอสแมนวางไว้ว่า “เขาเป็นเจ้าชายที่ไม่อยากจะเป็นเจ้าชาย” “พวกเราประทับใจในตัวแชด พวกเราเลื่อนวันเปิดกล้องออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับตารางซีรีส์ทางโทรทัศน์ของเขา” รอสแมนเล่าถึงการที่ได้ค้นพบตัวแสดงหลังจากผ่าน ขั้นตอนอัน “ยาวนาน...

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

ซินเดอเรลล่าเองยังไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย ในภาพยนตร์เรื่อง A Cinderella Story – เรื่องราวของเทพนิยายคลาสสิคที่กลับตาละปัดแต่แฝงด้วยความร่าเริงสนุกสนานที่ถูกนำกลับมาทำให้เข้าสมัย นักเรียนมัธยมปลาย แซม มอนโกเมอรี่ (ฮิลลารี่ ดัฟฟ์)...

(ต่อ 3) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส คริสโตเฟอร์ ดอยล์ (ผู้กำกับภาพ) เกิดที่ซิดนีย์ เขาได้บินหนีความจืดชืดของชนบท และใช้เวลาส่วนใหญ่บนถนนชีวิต ในหลายช่วงเวลา เขาเคยเป็นกระทั่งคนขุดบ่อน้ำในอินเดีย, กลาสีบน...

(ต่อ 2) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ผลงานภาพยนตร์ In the Mood for Love (2000) Sausalito (2000) Augustin, King of Kung Fu (1999) Those were the Days (1997) Chinese Box (1997) The Soong Sisters (1997) Comrades:...

(ต่อ 1) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ในการค้นหาความสมบูรณ์แบบ จางได้เดินทางหลายร้อยไมล์เพื่อเสาะหาสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับแต่ละฉาก ทีมงานที่ขันแข็งจำนวน 300 คน เดินทางจากดุนฮวง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกวางสู ...

วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส เวลา สองพันปีก่อน สถานที่ จุดเริ่มต้นความป่าเถื่อนแห่งราชวงศ์ฉิน เรื่องราว ของว่าที่จักรพรรดิแห่งแผ่นดินจีน ผู้กำลังจะมีชัยในการครอบครองแผ่นดินที่ถูกย่ำยีด้วยพิษสงคราม ...