(ต่อ3) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ภาคล่าสุด

กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ร็อบบี้ โคลแทรน (รูเบียส แฮกริด) รับบทบาทเดิมอีกครั้ง เป็นผู้รักษากุญแจและแผ่นดินฮอกวอตส์ผู้ซื่อสัตย์ และที่สำคัญที่สุด เพื่อของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ร็อบบี้ โคลแทรน เป็นหนึ่งในบรรดานักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ของอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นับถือ และเคยได้รับหลากหลายรางวัลในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ผลงานภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบันนับได้กว่า 26 เรื่อง รวมทั้งล่าสุด : ภาพยนตร์ของอัลเลนและอัลเบิร์ต ฮิว เรื่อง From Hell; หนังเจมส์ บอนด์ The World is Not Enough และ Goldeneye ซึ่งเขารับบทเป็น Valentin Zukovsky; หนังของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส เรื่อง Message in a Bottle; Buddy; The Pope Must Die; Henry V; Let it Ride; Absolute Beginners; Defense of the Realm; Mona Lisa และ Nuns on the Run ซึ่งเขาได้รับรางวัล The Peter Sellers Award For Comedy ที่ 1991 Evening Standard British Film Awards เขาอาจเป็นที่รู้จักดีที่สุดในนาม Fitz จากซีรี่ส์โทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง Cracker ดราม่าซีรี่ส์สามตอนซึ่งประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ รวมทั้งได้รับสองรางวัล BAFTA - Best Drama Series Awards ในปี 1995 และ 1996; Royal Television Society Award - Best Drama; และในปี 1993 ได้รับ Broadcasting Press Guilds Award - Best Series และ US Cable Ace Awards - Best Movie or Mini Series ตัวโคลแทรนเองได้รับรางวัลมากมายจากการถ่ายทอดบทบาท ฟิตซ์ นายตำรวจ/นักจิตวิทยาผู้ทรหดและชาญฉลาดในการขบปัญหา เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เขาได้รับรางวัล BAFTA Award - Best Television Actor ติดกันสามปีซ้อน (1994, 1995 and 1996); รางวัล Best Television Actor จาก 1993 Broadcasting Press Guilds Awards; รางวัล Silver Nymph Award - Best Actor จาก 1994 Monte Carlo Television Festival; Best Male Performer จาก 1994 Royal Television Society Awards; FIPA's Best Actor Award และ Cable Ace Award - Best Actor in a Movie or Mini Series โคลแทรนเริ่มเป็นที่รู้จักของคนดู จากเรื่อง Slab Boys เมื่อปี 1978 ที่เวที Traverse Theatre และ Hampstead Theatre ก่อนหน้าที่จะได้ร่วมสร้างเสียงหัวเราะโดยไม่ตั้งใจ ในปี 1980 ในเรื่อง Alfresco, Kick up the Eighties, Laugh I nearly Paid my License Fee และ Saturday Night Live ต่อมาเขาได้ร่วมแสดงในรายการ 13 Comic Strip และรายการโชว์โทรทัศน์อีกมากมาย รวมทั้ง Blackadders III; Blackadder Christmas Special และยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล BAFTA Award - Best Actor จากบทแดนนี่ แมกโกลน ในหนังของโทนี่ สมิธ เรื่อง Tutti Frutti หนึ่งในบรรดาดาราดาวรุ่งพุ่งแรงของอังกฤษ คริสเตียน คูลสัน (ทอม ริดเดิ้ล) เข้าร่วมทีมดาราเพื่อเป็นวิญญานอดีตนักเรียนผู้ลึกลับแห่งฮอกวอตส์ เขาเพิ่งจบการศึกษาหมาดๆ จาก Cambridge University ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นงานหนังเรื่องที่สามของเขา หลังจากบทบาท Ralph ในหนังของสตีเฟน ดัลดรีย์ เรื่อง The Hours และบท Drummer Boy ในหนังของเชคา คาเปอร์ เรื่อง Four Feathers เขายังมีผลงานเป็น จอลลี่ ในงานดราม่าที่กำลังออกฉายทาง ITV เรื่อง The Forsyte Saga และในบทของแมทท์ ทาง BBC TV Love is a Cold Climate พรสวรรค์ของคูลสันเริ่มฉายแววเมื่อครั้งกำลังเรียนอยู่ที่ Cambridge University เมื่อร่วมแสดงในผลงานแห่งความทรงจำ อาทิเช่น : บท Emcee ใน Cabaret; บท Arturo Ui ใน The Resistable Rise of Arturo Ui และบท 'Claire' ใน The Maids วอร์ริค เดวิส (ศาสตราจารย์ฟลิตวิค) กลับมาฮอกวอตส์เช่นกันในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ด้านคาถาลอยตัว อาชีพของเดวิสมาถึงตัวเขาโดยความบังเอิญจริงๆ ย้อนไปเมื่อปี 1981 ยายของเขาได้ยินประกาศทางวิทยุเรียกคนที่สูงน้อยกว่าสี่ฟุตให้ไปปรากฎตัวในภาพยนตร์ตอนใหม่ของ Star Wars ตอน Return of the Jedi เขาได้เล่นเป็นตัวอีว็อกที่ชื่อ Wicket ซึ่งกลายมาเป็นหนึ่งในตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่องนั้น ในปี 1984 หลังจากความสำเร็จจาก Return of the Jedi ลูคัสได้สร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับอีว็อกสองตัวให้กับโทรทัศน์ช่อง ABC เรื่อง Caravan of Courage และในปี 1985 เรื่อง Battle for Endor เดวิสได้รับบทเดิมซ้ำในบท Wicket ในทั้งสองเรื่อง และในปี 1985 เดวิสยังได้ร่วมแสดงกับเดวิด โบวี่ในหนังแฟนตาซีเรื่อง Labyrinth ในปี 1987 เดวิสได้ถูกเรียกตัวให้ไปยังสตูดิโอ Elstree ในลอนดอน เพื่อพบกับรอน โฮเวิร์ด และจอร์จ ลูคัส พวกเขาเจรจากันเรื่องโปรเจ็คใหม่สำหรับเรื่อง Willow ซึ่งเขียนขึ้นมาโดยมีเดวิสอยู่ในใจโดยเฉพาะ และภาพยนตร์ตำนานแฟนตาซีนี้ได้กลายมาเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมของผู้ชมระดับครอบครัวทั่วโลก หลังจากความสำเร็จของเรื่อง Willow เดวิสได้กลับมาอยู่หน้ากล้องอีกครั้ง และครั้งนี้ในจอแก้ว เขาได้รับเลือกให้แสดงในซีรี่ส์คลาสสิคสองเรื่องทาง BBC ได้แก่ The Chronicles of Narnia และ The Voyage of the Dawn Treader เดวิสยังได้ถ่ายทอดบทบาท หนูจอมโว Reepicheep และในเรื่อง The Silver Chair เขาเป็นนกฮูก Glimfeather เมื่อมาถึงจุดนี้ในอาชีพการแสดงเดวิสจะถูกคัดเลือกให้รับบท 'คนดี' เสมอ เมื่อได้อ่านสคริปท์เรื่อง Leprechaun เขาจึงยิ่งกว่ากระหายที่เล่นเมื่อได้รู้ว่านั่นคือบท 'ตัวร้าย' อย่างแท้จริง หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากกับบรรดาแฟนหนังในอเมริกา และเป็นแรงผลักดันให้มีตอนต่อเนื่องอีกถึง 4 ตอน ในปี 1995 เดวิสได้แสดงเป็น Gildrig ใน Gulliver's Travels งานซีรี่ส์ที่สร้างสถิติใหม่ให้กับวงการโทรทัศน์อเมริกันด้วยการมีผู้ชมกว่า 56 ล้านคน ในปี 1997 จอร์จ ลูคัสได้เชิญเดวิสให้กลับไปยังกาแล็กซีอันไกลโพ้นยอดนิยมในเรื่อง Star Wars - Episode 1: The Phantom Menace เดวิสได้แสดงไม่ต่ำกว่าสี่บทในเรื่องนั้น เป็นตัวละครชื่อ Wald และ Weazel ต่อมาในปี 1997 สคริปท์ของเรื่อง A Very Unlucky Leprechaun ได้ถูกส่งมาให้เขา แต่ช้าก่อน นั่นไม่ใช่หนังสยองขวัญอีกเรื่อง คราวนี้ตัว Leprechaun ที่ชื่อว่าลัคกี้นั้นเป็นมิตร และค่อนข้างประหลาดด้วยซ้ำ ความสำเร็จจากเรื่องนี้หมายความถึง ภาคต่อในชื่อเรื่อง The White Pony ที่สร้างตามมาในปีถัดไป ในปี 1999 เขาได้เป็น Acorn ในเรื่อง The 10th Kingdom, เป็น Pepe ใน The New Adventures of Pinocchio และเป็น Basil Lodge ในซิทคอมของ BBC เรื่อง The Fitz เขายังใช้เวลาหกอาทิตย์ในแคนาดาถ่ายทำเวอร์ชั่นใหม่ของเรื่อง Snow White ให้กับสถานีโทรทัศน์ ABC และต่อมาในปีเดียวกันได้ถ่ายทำหนังอังกฤษอีกเรื่องชื่อ Al's Lads เช่นเดียวกับบทบาทมากมายทั้งในจอเงินและจอแก้ว เดวิสได้ฝากฝีมือไว้บนเวทีละครทั่วสหราชอาณาจักร รวมทั้งรายการมากมายของ Snow White และเขายังได้ปรากฎในเรื่อง Peter Pan และ Aladdin ในระหว่างปี 2001 เดวิสได้ทำงานซีรี่ส์สองเรื่องให้กับ BBC และซีรี่ส์เรื่องลึกลับอีกหลายตอนของ Murder Rooms และรายการของสตีฟ คูแกน ใน Hammer House เรื่อง Dr Terrible's House of Horrible เดวิสเพิ่งเสร็จจากการทำงานเรื่อง Hidden Hollywood ซึ่งเป็นซีรี่ส์ใหม่ที่เปิดเผยถึงเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ ริชาร์ด กริฟฟิธส์ (เวอร์นอน เดอร์สลีย์) กลับมาเป็นลุงอันธพาลของแฮร์รี่ สามีของป้าเพ็ตทูเนีย และพ่อของดัดลีย์ ริชาร์ด กริฟฟิธส์เป็นหนึ่งในดาราที่เป็นที่รู้จักดีและเป็นที่รักใคร่ในสหราชอาณาจักร เป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาทางโทรทัศน์และจอภาพยนตร์ เขาได้แสดงภาพยนตร์มากมายในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่บางทีอาจเป็นที่รู้จักดีกว่าจากเรื่อง Withnail & I และล่าสุดในหนังของทิม เบอร์ตัน เรื่อง Sleepy Hollow ผลงานภาพยนตร์ที่เด่นๆ ได้แก่; Chariots of Fire; The French Lieutenant's Woman; Ghandi; Greystoke; Gorky Park; A Private Function; Shanghai Surprise; King Ralph; Blame it on the Bellboy; Naked Gun 2; Funny Bones; Superman II และหนังของดอน บอยด์ เรื่อง Goldeneye ในสหราชอาณาจักร กริฟฟิธส์ ได้รับความชื่นชอบและความนิยมเป็นอย่างมาก จากบทบาทในซีรี่ส์ของช่อง BBC เรื่อง Pie in the Sky และ Hope & Glory (เพิ่งจบปีที่สอง) และผลงานทางโทรทัศน์เรื่องอื่นของเขา ทางช่อง BBC ได้แก่ Gormenghast; Inspector Morse; In the Red; Ted and Ralph; Amnesty; Bird of Prey; The Cleopatras; Merry Wives of Windsor; The Marksman; Mr. Wakefield's Crusade; LWT's Nobody's Perfect และ Whoops Apocalypse; ทางช่อง Thames TV เรื่อง Ffizz; ทางช่อง Central เรื่อง A Kind of Living และทาง Granada เรื่อง El Cid กริฟฟิธยังเป็นนักแสดงบนเวทีละครที่มีชื่อ จากการแสดงที่ RSC เรื่อง The White Guard; Once in a Lifetime; Henry VIII; Volpone และ Red Star ผลงานมีชื่อบนเวที ได้แก่ : Heartbreak House; Galileo และ Rules of the Game ทุกเรื่องที่ Almeida Theatre; Art; Katherine Howard; The Man Who Came to Dinner; Verdi's Messiah และล่าสุด Luther Royal National Theatre (ยังมีต่อ)

• ข่าววอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส
• ข่าวภาพยนตร์เรื่อง
• ข่าวประชาสัมพันธ์
• ข่าวที่ผ่านมา
• ข่าวบราเดอร์