(ต่อ6) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ภาคล่าสุด

กรุงเทพฯ--6 พ.ย.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส มาร์ก วิลเลี่ยมส์ (นายอาร์เธอร์ วีสลีย์) รับบทพ่อของรอน, จินนี่, เพอร์ซี่, เฟรด และจอร์จ และเป็นสามีของนางวีสลีย์ ซึ่งรับบทโดยจูลี่ วอลเตอร์ส นับแต่จบการศึกษาในประเทศอังกฤษจาก Oxford University, มาร์ก วิลเลี่ยมได้กลายเป็นนักแสดงที่คุ้นหน้าและเป็นที่รักใคร่ของผู้ชม ทั้งทางภาพยนตร์ โทรทัศน์ และโรงละคร ผลงานภาพยนตร์โดดเด่น ได้แก่ เรื่องล่าสุด : งานของเมติน ฮูเซยิน เรื่อง Anita & Me; ของเมล สมิธ เรื่อง High Heels & Low Lifes; ของปีเตอร์ ฮิววิต เรื่อง Whatever Happened to Harold Smith; ของจอห์น แมดเดน เรื่อง Shakespeare in Love และของปีเตอร์ ฮิววิต เรื่อง The Borrowers ก่อนหน้านี้ได้แสดงคู่กับ ฮิว ลอรี่ เป็นโฮเรส ในหนังไลฟ์แอ็คชั่นของสตีเฟน เฮเร็ค ซึ่งดัดแปลงจากเรื่อง 101 Dalmatians ของโดดี้ สมิธ เขายังได้ปรากฎตัวในงานของแคเรน แอ็ดเลอร์ Fever; งานของเกเบรียล แอกเซิล เรื่อง Prince of Jutland; ของแคลร์ เพพโลว์ ใน High Season; ของ BFI เรื่อง Out of Order และของไมเคิล ฮอฟแมนเรื่อง Privileged วิลเลี่ยมอาจเป็นที่รู้จักดีในอังกฤษ ในรายการประจำทาง BBC TV อย่าง The Fast Show, ได้แสดงมาทั้งหมดสี่ตอนและหนึ่งคริสต์มาส สเปเชียล ผลงานโดดเด่นทางจอแก้ว ได้แก่ : Red Dwarf; Stuff; Bottom; Harry Enfield; Tumbledown; Making Out; Kinsey; Bad Company; Hunting Venus; Happy Birthday Shakespeare; Randall & Hopkirk (Deceased) และบทหัวหน้าร่วมในงานของร็อบ แกรนท์ เรื่อง The Strangers เขายังเป็นพิธีกรร่วมในรายการเกมโชว์ของ Sky TV ชื่อ Jumper for Goalposts เขาได้กำกับซิทคอมให้ Channel 4 sit-com Festival ที่ The Riverside และร่วมอำนวยการผลิตให้ In Exile, ซึ่งเป็นซิทคอมซีรี่ส์ของ Channel 4 นับแต่ใช้เวลาสามปีออกทัวร์โดยเรือให้กับ Mikron Theatre Company เขาได้มีผลงานต่างๆ ดังนี้ : บทนำในเรื่อง William ที่ Royal Court Theatre's Young Writers Festival; Fanshen ที่ National Theatre; เป็นโกแกงใน Doctor of Honour ให้ Cheek โดย Jowl Theatre ; The City Wives Confederacy ที่ Greenwich Theatre; Moscow Gold, Singer, a Dream of People และ Touchstone ใน As You Like It ที่ Royal Shakespeare Company ในปี 1997 เขารับบท Ivan ใน Art ที่ West End และในปี 1988 เขาได้สร้างผลงานที่ตั๋วเต็มทุกที่นั่งในงานของลาแบตต์ เรื่อง The Fast Show Live on Stage ล่าสุดในปี 1999 เขาได้รับบท Blakey ในงานของริชาร์ด วิลสัน เรื่อง Toast ที่ Royal Court Theatre ทีมงาน ต่อเนื่องจากผลงานบันลือโลกอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรรพ์, ผู้กำกับการแสดง คริส โคลัมบัส (ผู้กำกับการแสดงและอำนวยการบริหาร) กลับมาสานต่องานภาพยนตร์เรื่องที่สอง ซึ่งดัดแปลงจากหนังสืออันเป็นที่รักของเจ เค โรว์ลิ่งก่อนหน้านี้ โคลัมบัสอาจเป็นที่รู้จักดีจากการกำกับการแสดงให้กับหนึ่งในบรรดาภาพยนตร์คอมเมดี้ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอย่าง Home Alone, และภาคต่อที่ประสบความสำเร็จมหาศาล Home Alone 2: Lost in New York ในปี 1998 โคลัมบัสยังได้กำกับงานดราม่าเรื่อง Stepmom กับจูเลีย โรเบิร์ตส และซูซาน ซาแรนดอน ผลงานกำกับโดดเด่นเรื่องอื่น ได้แก่ : Nine Months, ซึ่งเขาทั้งเขียนและอำนวยการสร้าง และคอมเมดี้เรื่องฮิตอย่าง Mrs. Doubtfire แสดงโดยโรบิน วิลเลี่ยม และแซลลี่ ฟิลด์ โคลัมบัสเกิดที่สแปงเกลอร์ เพนซิลเวเนีย และเติบโตในแถบชานเมือง ยังส์ทาวน์ โอไฮไฮ เมื่อครั้งเยาว์วัย เขากระหายที่จะทำงานเขียนการ์ตูนให้กับ Marvel Comics และในที่สุดพบว่าหนังสือการ์ตูนนั้นคล้ายคลึงกับงานสตอรี่บอร์ดภาพยนตร์ เมื่อเรียนชั้นมัธยม เขาเริ่มสร้างภาพยนตร์ 8 มม. และเขียนสตอรี่บอร์ดของตัวเอง (ซึ่งยังคงทำเช่นนั้นอยู่จนทุกวันนี้) หลังจบชั้นมัธยม เขาสมัครเข้าเรียนสาขา Directors Program ที่สถาบันทรงเกียรติแห่ง New York University ที่ชื่อว่า Tisch School of the Arts โคลัมบัสได้รับความสำเร็จในช่วงแรกจากการเขียนบทภาพยนตร์ ขณะกกำลังศึกษาต่อในวิทยาลัย เขาสามารถขายสคริปท์เรื่องแรกได้ในชื่อ Jocks, ซึ่งเป็นคอมเมดี้กึ่งอัตถชีวประวัติของเด็กชายชาวแคธอลิคที่มาคัดเลือกเพื่อเข้าทีมฟุตบอล หลังจบการศึกษาจาก NYU คริสได้เขียนดราม่าเรื่องราวของเมืองเล็ก ในชื่อ Reckless, อิงจากประสพการณ์ของเขาในการเป็นคนงานในโรงงานสมัยอยู่โอไฮโอ เขาได้รับคะแนนนิยมจากฮอลลีวู้ดเมื่อได้เขียนบทต้นฉบับมากมายให้กับสตีเวน สปีลเบิร์ก ได้แก่ : ในปี 1984 คอมเมดี้ระทึกขวัญเรื่อง Gremlins, ในปี 1985 การผจญภัยในเรื่อง Goonies และเรื่องราวแฟนตาซีใน Young Sherlock Homes, ซึ่งกำกับการแสดงโดยแบรี่ เลวินสัน ความสำเร็จจากบทภาพยนตร์เหล่านี้ของคริส ปูทางเขาไปสู่งานกำกับภาพยนตร์เรื่องแรก Adventures in Babysitting การได้พบกัจอห์น ฮิวห์ นำพาเขาให้ทำงานในเรื่อง Home Alone สามเรื่องแรก รวมทั้ง Only the Lonely ซึ่งเขาได้กำกับจากบทภาพยนตร์ของตนเอง เดวิด เฮย์แมน (ผู้อำนวยการสร้าง) อีกครั้งที่รับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสร้างให้กับตอนที่สองของหนังซีรี่ส์ซึ่งดัดแปลงจากงานเขียนที่ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นของ เจ เค โรว์ลิ่ง ในเรื่องราวของ แฮร์รี่ พอตเตอร์ จาการทำงานมานานหลายปีในสหรัฐอเมริกา ในปี 1997 เฮย์แมนกลับมายังสหราชอาณาจักร เพื่อก่อตั้ง Heyday Films ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่เหมือนใครระหว่างอเมริกาและยุโรป ในการสร้างภาพยนตร์นานาชาติในทุกรูปแบบ เพื่อทำงานต่อเนื่องจากตอนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากใน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรรพ์, Heyday Films จึงได้เปิดสถานที่ทำการในลอส แอนเจลิส เมื่อเร็วๆนี้ เขาได้รับการศึกษาในอังกฤษและอเมริกา และเฮย์แมนได้เริ่มอาชีพการงานด้วยการเป็นผู้ดำเนินการผลิตให้กับไมโลส์ ฟอร์แมนในเรื่อง Ragtime และงานของเดวิด ลีน เรื่อง A Passage to India เฮย์แมนไปยังลอส แอนเจลิสเมื่อปี 1986 เพื่อรับตำแหน่ง Creative Executive ที่วอร์เนอร์ บราเดอร์ส และทำงานให้กับภาพยนตร์ อาทิเช่น Gorillas in the Mist และ Goodfellas เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง Vice President แห่ง United Artists ในตอนปลายทศวรรษ 80 ก่อนหน้าที่จะกลายมาเป็นผู้อำนวยการสร้างอิสระ ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขาอำนวยการสร้าง ได้แก่ งานของเออร์เนสต์ ดิกเกนสันเรื่อง Juice นำแสดงโดย ทูแพค ชาเกอร์ และโอมาร์ เอพส์ ในฐานะผู้อำนวยการสร้างอิสระ เขาได้สร้างผลงานภาพยนตร์หลายเรื่องรวมทั้งหนังคลาสสิคต้นทุนต่ำ เรื่อง The Daytrippers กำกับการแสดงโดยเกรก มอตโตลา และแสดงโโย ลีฟ ชไรเบอร์, พาร์กเกอร์ โพซี, โฮพ เดวิส, สแตนลีย์ ทุคซี และแคมป์เบล สก็อต มาร์ค แรดคลิฟฟ์ (ผู้อำนวยการบริหาร) ทำงานต่อเนื่องกับผู้กำกับคริส โคลัมบัส ที่ร่วมงานกันมาเป็นเวลายาวนาน และต่อจากเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรรพ์ ก่อนหน้านี่เขารับหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างให้กับหนังบ็อกซ์ออฟฟิซหลายเรื่อง เช่น Mrs. Doubtfire, Stepmom, Nine Months และ Jingle all the Way และยังเป็นผู้อำนวยการบริหารของเรื่อง Home Alone 2: Lost in New York, ร่วมอำนวยการสร้างเรื่อง Only the Lonely และช่วยอำนวยการสร้าง และผู้ช่วยผู้กำกับใน Home Alone เรื่องแรกที่เขาและคริส โคลัมบัสทำงานร่วมกัน คือ Heartbreak Hotel เขาเป็นชาวโอกลาโฮมาโดยกำเนิด และเริ่มอาชีพในวงการภพายนตร์จากการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับให้หนังของฟรานซิส ฟอรืด คอพโพล่า เรื่อง The Escape Artist ต่อมาเขาได้ทำงานให้กับคอพโพล่าอีกครั้งใน Rumblefish และ Peggy Sue Got Married ผลงานเด่น ได้แก่ : ผู้ช่วยผู้กำกับให้หนังของจอห์น ฮิวห์ She's Having a Baby และ Planes, Trains & Automobiles, ของเจอรี่ ซุกเกอร์ เรื่อง Ghost, ของโดนัลด์ เพทรี เรื่อง Mystic Pizza และหนังของพอล แชรดเดอร์เรื่อง Light of Day ไมเคิล บาร์นาแทน (ผู้อำนวยการบริหาร) ดำรงตำแหน่ง President แห่ง1492 Pictures และเป็นหุ้นส่วนงานสร้างกับคริส โคลัมบัส และมาร์ก แรดคลิฟฟ์ เขายังเป็นผู้อำนวยการบริหาร ของเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ก่อนหน้าที่จะร่วมงานกับ 1492 Pictures, เขาเคยดำลงตำแหน่ง Senior Vice President of Production ที่ Largo Entertainment เป็นเวลา 4 ปี งานในความรับผิดชอบ ได้แก่การควบคุมทั้งด้านพัฒนาและผลิตให้กับภาพยนตร์ของ Largo เขาได้อำนวยการบริหารให้กับเรื่อง Used People และควบคุมงานสร้างให้กับ Point Break, Dr. Giggles, Judgment Night และ The Getaway ก่อนหน้าที่ Largo เขาได้ทำงานกับผู้อำนวยการสร้าง เอ็ดการ์ เจ เชริค ระหว่างนั้นได้ทำงานหนังเคเบิลหลายเรื่อง หนังประจำสัปดาห์ และมินิซีรี่ส์ รวมทั้ง The Kennedys of Massachusetts ซึ่งได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่ถึง 9 รางวัลสำหรับ 1492 Pictures เขาได้อำนวยการสร้างเรื่อง Nine Months, Jingle all the Way, Stepmom และ Bicentennial Man จบการศึกษาจาก Tisch School of the Arts แห่ง New York University เดวิด แบรอน (ผู้อำนวยการบริหาร) เริ่มอาชีพด้วยการทำหนังโฆษณาทางโทรทัศน์ ที่ซึ่งเขาจบการศึกษาด้านโปรเจ็คการสร้างภาพยนตร์และโทรทัศน์ เคยทำงานหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการด้านโลเคชั่น หรือผู้ช่วยผู้กำกับ ให้กับภาพยนตร์ อาทิเช่น The French Lieutenant's Woman และ The Killing Fields, Barron และได้ดูแลควบคุมการสร้างให้กับหนัง เช่น Revolution; Legend; The Princess Bride; The Lonely Passion of Judith Hearne; Hell Bound; Night Breed และ Franco Zeffirelli's Hamlet ในปี 1991 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารซึ่งดูแลด้านการผลิต ให้กับหนังโทรทัศน์ของจอร์จ ลูคัส เรื่อง The Young Indiana Jones Chronicles Series I. ต่อจากนั้นในเรื่อง The Muppet Christmas Carol และในปี 1993 ร่วมกับเคนเน็ธ บรานัค และทีมงาน ในตำแหน่งร่วมอำนวยการสร้าง และผู้จัดการฝ่ายผลิต ของเรื่อง Frankenstein หนังเรื่องนี้เริ่มต้นอย่างไม่เป็นทางการด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบรานัค ซึ่งได้ต่อเนื่องมาถึงเรื่อง In the Bleak Midwinter; หนังของโอลิเวอร์ ปาร์กเกอร์ เรื่อง Othello, งานร่วมสร้างกับลุค โรค ในนามบริษัท Dakota เรื่อง Hamlet และ Love Labour's Lost แม้ว่าจะยังคงร่วมงานต่อกับบรานัคและบริษัทของเขา Shakespeare Company ในฤดูใบไม้ผลิปี 1999 เดวิด แบร์รอนได้ก่อตั้งบริษัทของตนเอง Contagious Films ร่วมกับผุ้กำกับชาวอังกฤษ พอล เวลแลนด์ นับแต่นั้นมา เขาได้อำนวยการบริหารให้กับ Pathe Productions ในเรื่อง It Was an Accident, กำกับการแสดงโดย เมติน ฮูเซยิน และล่าสุดได้อำนวยการบริหารให้กับหนังของ นีล ลาบิวต์ เรื่อง Possession จากการสร้างของ Baltimore/Spring Creek Productions ร่วมกับ Contagious Films สตีฟ โคลฟส์ (บทภาพยนตร์) อีกครั้งกับการจรดปากกาให้กับบทภาพยนตร์ตอนที่สองของหนังชุดนี้ เขาเริ่มอาชีพด้วยการเขียนบทเมื่อปี 1984 ให้กับหนังของ Jaffe-Lansing เรื่อง Racing With The Moon เรื่องราวสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งกำกับการแสดงโดย ริชาร์ด เบนจามิน และแสดงโดยฌอน เพนน์, อลิซาเบ็ธ แมคโกเวิร์น และนิโคลัส เคจ ซึ่งเป็นหนึ่งในบทบาทเริ่มต้นที่สำคัญของเขา ในปี 1989 โคลฟส์ได้ทำงานกำกับการแสดงครั้งแรก ให้กับหนังคอมเมดี้ ดราม่า เรื่อง The Fabulous Baker Boys แสดงโดย เจฟ บริดเจ็ส โบ บริดเจ็ส และ มิเชล ไฟเฟอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาได้เขียนบทด้วย และได้รับเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองและมิเชล ไฟเฟอร์ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำ และ BAFTA Award จากผลงานในเรื่องนี้สี่ปีค่อมา เขาได้เขียนและกำกับหนังโรคจิตระทึกขวัญ เรื่อง Flesh and Bone, นำแสดงโดยเดนนิส เควด, เม็ก ไรอัน และ กวินเน็ธ พัทโธรล ล่าสุดได้เขียนบทภาพยนตร์ให้กับเรื่อง Wonderboys แสดงโดย ไมเคิล ดักกลาส, โทบี้ แมกไกวร์ และฟรานเซส แมคดอร์แมนด์ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับและอำนวยการสร้างโดยเคอร์ติส แฮนสัน ซึ่งกลายเป็นเรื่องฮิตของทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์ และทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อชิงเพื่อรางวัลตุ๊กตาทองตัวแรก ด้าน Best Adapted Screenplay ขณะนี้ เขากำลังเขียนบทภาพยนตร์ตอนที่สามให้กับหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของเจ เค โรว์ลิ่ง ในชื่อตอน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน ปีเตอร์ โฮเนส (ลำดับภาพ) เคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทอง และได้รับรางวัล BAFTA ด้านลำดับภาพ เข้าร่วมทีมใน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ เขาเป็นหนึ่งในเหล่าผู้ลำดับภาพฝีมือดีของวันนี้ และผลงานเด่น ได้แก่ หนังของเคอร์ติส แฮนสัน เรื่อง LA Confidential ซึ่งได้ถุกเสนอชื่อชิงรางวัลทั้งตุ๊กตาทองและ A.C.E รวมทั้ง BAFTA Award เขายังได้รับรางวัล CableACE Award จากงานของเฌอ เรื่อง If These Walls Could Talk ล่าสุดทำงานตัดต่อให้กับแฮโรลด์ เบกเกอร์ เรื่อง Domestic Disturbance และ Mercury Rising; ร็อบ โคเฮน ใน The Fast and the Furious และจอน เทอเทลแทบ เรื่อง The Kid ให้กับ Disney. เขาเป็นผู้ตัดต่อหนังสี่เรื่องให้กับจอห์น ชเลซิงเจอร์ : The Next Best Thing; Eye for an Eye; Madame Sousatzka และ The Believers เขายังได้ตัดต่อหนังสี่เรื่องของ เฟรด เชพิซี : Six Degrees of Separation; Mr. Baseball; The Russia House, นำแสดงโดยฌอน คอนเนอรี่; และ Plenty, นำแสดงโดยเมอริล สตรีพผลงานโดดเด่น ได้แก่ : งานของไมเคิล เคตัน โจนส์ เรื่อง Rob Roy; และหนังสี่เรื่องของ รัสเซล มัลเค : The Shadow, The Real McCoy, Ricochet and Highlander เขายังลำดับภาพให้กับ จอห์น เออวิน ในเรื่อง Next of Kin จอห์น วิลเลี่ยมส์ (ผู้ประพันธ์ดนตรี) หนึ่งในบรรดานักประพันธ์เพลงชื่อก้อง ที่ได้รับการยกย่องของโลก เขาเคยได้รับถึง 5 รางวัลตุ๊กตาทอง 18 รางวัลแกรมมี่ และสามรางวัลลูกโลกทองคำ รวมทั้ง 3 รางวัลตุ๊กตาทองของอังกฤษ และสี่รางวัลเอ็มมี่ และที่น่าทึ่งก็คือเขาได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองรวมทั้งสิ้นถึง 41 ครั้ง และแน่นอน จากเรื่องล่าสุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับห้องแห่งความลับ วิลเลียมส์ได้ประพันธ์เพลงประกอบและทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการเพลงให้กับภาพยนตร์กว่า 90 เรื่อง รวมทั้ง : A.I. Artificial Intelligence; The Patriot; Star Wars Episode 1: The Phantom Menace; Stepmom; Saving Private Ryan (แกรมมี่); Amistad; Seven Years in Tibet; The Lost World; Rosewood; Angela's Ashes (แกรมมี่) Sleepers; Nixon; Sabrina; Schindler's List (ตุ๊กตาทองและแกรมมี่); Jurassic Park; Home Alone; Home Alone 2; Far and Away; JFK; Hook; Presumed Innocent; Born on the Fourth of July; the Indiana Jones trilogy (แกรมมี่) The Accidental Tourist; Empire of the Sun (British Academy Award); The Witches of Eastwick; ET (ตุ๊กตาทอง, ลูกโลกทองคำและแกรมมี่); Superman (Grammy); Close Encounters of the Third Kind (แกรมมี่); the Star Wars trilogy (ตุ๊กตาทอง, ลูกโลกทองคำและแกรมมี่), Jaws (ตุ๊กตาทอง, ลูกโลกทองคำและแกรมมี่); Fiddler on the Roof (ตุ๊กตาทอง) and Goodbye Mr. Chips. โปรเจ็คล่าสุดที่ทำให้กับจอร์จ ลูคัส ในเรื่อง George Lucas' Star Wars Episode II: Attack of the Clones ในปี 1980 วิลเลียมส์ได้เป็น 19th Conductor of the Boston Pops Orchestra และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง Boston Pops Laureate Conductor ซึ่งเขาได้รับหลังจากเกษียนอายุเมื่อปี 1993 เขายังมีตำแหน่งเป็น Artist-in-Residence ที่ Tanglewood วิลเลียมส์ยังได้เขียนเพลงมากมายให้กับคอนเสิร์ต รวมทั้งงานซิมโฟนีสองครั้ง เชลโลคอนเซอร์โต โดย Yo-Yo Ma and the Boston Symphony Orchestra ที่ Tanglewood ในปี 1994 คอนเซอร์โตฟลุตแและไวโอลิน บันทึกเสียงโดย London Symphony Orchestra คอนเซอร์โตคลาริเน็ทและทูบ้า และคอนเซอร์โตทรัมเป็ต ซึ่งแสดงเป็นครั้งแรกโดย Cleveland Orchestra และนักดนตรีหลักทรัมเป็ตของวง ไมเคิล แซคส์ เมื่อปี 1996 และคอนเซอร์โตบาสซูน 'The Five Sacred Trees' ซึ่งเปิดปฐมทัศน์โดย New York Philharmonic และนักดนตรีบาสซูน จูดิธ เลอแคลร์ ในปี 1995 บันทึกเสียงโดยวิลเลียมส์ และเลอแคลร์ กับวง London Symphony Orchestra และเพิ่งได้ถูกจัดจำหน่ายโดย Sony Classical และได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนั้น วิลเลียมส์ยังได้แต่งเพลงธีมให้กับ NBC ใน 'The Mission', 'Liberty Fanfare' ซึ่งอุทิศให้กับอนุสาวรีย์เทพีแห่งสันติภาพ และ, 'We're Looking Good!' ซึ่งแต่งเป็นพอเศษให้กับ Special Olympics ในการฉลอง 1987 International Summer Games, และเพลงธีมของโอลิมปิคปี 1984, 1985 และ 1986 Summer Olympic games ผลงานคอนเสิร์ตเรื่องล่าของเขาใน 'Seven for Luck' เป็นงานเพลงเครื่องดนตรี 7 ชิ้น โดยใช้เนื้อร้องจากบทกวีของ U.S. Poet Laureate Rita Dove, เปิดปฐมทัศน์โดย Boston Symphony กับ Soprano Cynthia Haymoon ที่ Tanglewood ในปี 1998 และล่าสุด วิลเลียมส์ได้แต่งเพลง 'Celebration 2000' ซึ่งเป็นงานออเคสตร้า ใช้เพื่อเฉลิมฉลองสหัสวรรษใหม่ และเพื่อใช้ร่วมในหนังเรื่อง The Unfinished Journey กำกับการแสดงโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก ทั้งภาพยนตร์และเพลงเปิดปฐมทัศน์ที่คอนเสิร์ต 'America's Millennium' ในวอชิงตัน ดีซี ในคืนส่งท้ายปีเก่าปี 1999 (ยังมีต่อ)

ข่าววอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส+ภาพยนตร์เรื่องวันนี้

Gossip News: ชมเบื้องหลังภาพยนตร์สุดสยองขวัญ “It โผล่จากนรก”

ช่อง 28 จะพาแฟนๆไปชมเบื้องหลังภาพยนตร์แนวสยองขวัญ วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส และนิวไลน์ ซีเนม่า ภาคภูมิใจเสนอ "It โผล่จากนรก" จากนวนิยายสุดสยองของ สตีเฟ่น คิงส์ สู่ความกลัวเขย่าขวัญสั่นประสาท "มันจะเสพความกลัวของคุณพาคุณล่องลอย...ไปสู่ความตาย!" ติดตามชมเบื้องหลังของภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่จะมาเขย่าสั่นประสาท "It โผล่จากนรก" วันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2560 เวลา 16.30-17.00 น. ทางช่อง 28 และรับชมผ่านทาง Application 3

ภาพข่าว: เมเจอร์ โบว์ล ฮิต จัดแข่งขัน “ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ชาเลนจ์”

อาทร เตชะตันติวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์โบว์ล กรุ้ป จำกัด ร่วมกับ มร.เฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส จำกัด เปิดแคมเปญ “เมเจอร์ โบว์ล ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ชาเลนจ์” การแข่งขัน...

(ต่อ3): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

คลิฟฟอร์ด เวอร์เบอร์ (ผู้อำนวยการสร้าง) ได้ผ่านการทำงานบริหารภาพยนตร์ให้กับบริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ๊อกซ์ ฟิล์ม คอร์ปอร์เรชั่นและวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ตั้งแต่ปี 1986 มาจนถึงปี 1999 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขายังได้ทำงานอย่างใกล้ชิด...

(ต่อ2): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

ดราตรี สีขาว เกาะอกไม่มีสายปักลูกปัดและกระโปรงผ้าโปร่งเหมือนในเทพนิยาย นั้นมาจากคอลเลคชั่นของ โมนิค ฮูลิเย่ ดีไซน์เนอร์จากเบเวอรี่ ฮิลล์ ผู้ซึ่งมีความชำนาญทางด้านชุดราตรีและชุดแต่งงาน งานของเธอนั้นเรียบง่ายแต่ดูดี วินเกทยกความดี...

(ต่อ1): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

อย่างที่รอสแมนวางไว้ว่า “เขาเป็นเจ้าชายที่ไม่อยากจะเป็นเจ้าชาย” “พวกเราประทับใจในตัวแชด พวกเราเลื่อนวันเปิดกล้องออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับตารางซีรีส์ทางโทรทัศน์ของเขา” รอสแมนเล่าถึงการที่ได้ค้นพบตัวแสดงหลังจากผ่าน ขั้นตอนอัน “ยาวนาน...

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

ซินเดอเรลล่าเองยังไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย ในภาพยนตร์เรื่อง A Cinderella Story – เรื่องราวของเทพนิยายคลาสสิคที่กลับตาละปัดแต่แฝงด้วยความร่าเริงสนุกสนานที่ถูกนำกลับมาทำให้เข้าสมัย นักเรียนมัธยมปลาย แซม มอนโกเมอรี่ (ฮิลลารี่ ดัฟฟ์)...

(ต่อ 3) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส คริสโตเฟอร์ ดอยล์ (ผู้กำกับภาพ) เกิดที่ซิดนีย์ เขาได้บินหนีความจืดชืดของชนบท และใช้เวลาส่วนใหญ่บนถนนชีวิต ในหลายช่วงเวลา เขาเคยเป็นกระทั่งคนขุดบ่อน้ำในอินเดีย, กลาสีบน...

(ต่อ 2) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ผลงานภาพยนตร์ In the Mood for Love (2000) Sausalito (2000) Augustin, King of Kung Fu (1999) Those were the Days (1997) Chinese Box (1997) The Soong Sisters (1997) Comrades:...

(ต่อ 1) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ในการค้นหาความสมบูรณ์แบบ จางได้เดินทางหลายร้อยไมล์เพื่อเสาะหาสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับแต่ละฉาก ทีมงานที่ขันแข็งจำนวน 300 คน เดินทางจากดุนฮวง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกวางสู ...

วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส เวลา สองพันปีก่อน สถานที่ จุดเริ่มต้นความป่าเถื่อนแห่งราชวงศ์ฉิน เรื่องราว ของว่าที่จักรพรรดิแห่งแผ่นดินจีน ผู้กำลังจะมีชัยในการครอบครองแผ่นดินที่ถูกย่ำยีด้วยพิษสงคราม ...