(ต่อ 1) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "TWO WEEKS NOTICE"

กรุงเทพฯ--20 ธ.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส โลเคชั่น, ฉาก & เครื่องแต่งกาย : จดหมายรักถึงนิวยอร์ค ซิตี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2002, ลอว์เรนส์, บุลล็อค, แกรนท์และทีมงานได้เริ่มเดินกล้องเรื่อง Two Weeks Notice ในย่านธุรกิจการเงิน ของแมนฮัตตัน "เราคิดเสมอว่าหนังเรื่องนี้เป็นเหมือนจดหมายรักถึงนิวยอร์ค" บุลล็อคกล่าว "ฉันรักงานสถาปัตยกรรม และเราอยากให้สีสันของเรื่องเป็นนิวยอร์คและตึกรามของมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่เราอยากให้เห็นองค์ประกอบเหล่านั้นในรูปแบบใหม่ เราจึงเลือกถ่ายตัวเมืองให้เหมือนกับว่าเรากำลังแอบมองจากยอดตึกและเห็นรายละเอียดของหลังคาอย่างที่ไม่เคยเป็นในเวลาปกติ" ผู้ชมจะได้เห็นวิวที่สวยงามของสถาปัตยกรรมล้ำค่าของนิวยอร์ค ในฉากเฮลิคอปเตอร์ ในระหว่างที่จอร์ชกับลูซี่ถกเถียงกันถึงประวัติของอาคารไครสเลอร์ ขณะที่กำลังบินผ่านตึกอันเป็นเครื่องหมายยอดนิยม "ฉันรู้สึกซาบซึ้งเมื่อได้ดูฉากนั้น" บุลล็อคเปิดเผย "มันทำให้เราคิดว่า 'วาว หลังจากเมืองนี้ได้ผ่านทุกอย่างมา มันก็ยังคงแข็งแกร่งและสวยงามจับตาและให้แรงบันดาลใจ'" ภายใต้การให้คำแนะนำจากผู้ออกแบบฉาก ปีเตอร์ ลาร์กิน ฝ่ายศิลป์ของหนังเรื่อง Two Weeks Notice ก็ได้สร้างฉากหลังเพื่อให้สะท้อนพลังแห่งนิวยอร์คและทิวทัศน์ที่หลากหลาย ลาร์กินได้เลือกอาคารลูเซนต์ ซึ่งอยู่ในย่านธุรกิจการเงิน เพื่อใช้เป็นฉากภายนอกของเวด คอร์ปอเรชั่น และบนทางเดินเท้าด้านหน้าอาคารซึ่งได้รับการออกแบบอย่างน่าประทับใจนั้น พวกเขาได้สลักอักษร 'W' ซึ่งเป็นสัญญลักขณ์เดียวกับโลโก้ของเวด คอร์ปอเรชั่น "เวด คอร์ปอเรชั่นนั้นเป็นองค์กรที่มีความยิ่งใหญ่ระดับเดียวกับทรัมพ์ ซึ่งแสดงให้เห็นทั่วไปในเมือง" ลาร์กินกล่าว "จอร์ช และโฮเวิร์ด เวดเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์มากมายและพวกเขาติดโลโก้ตัว 'W' ไว้ทุกหนแห่ง ตั้งแต่หน้าตึกไปจนถึงลูกตุ้มเหล็กที่ใช้ในการทำลายอาคารเก่า เพื่อเปิดทางให้การพัฒนาอสังหารุ่นใหม่ของพวกเขา" ฉากภายในของเพนท์เฮาส์หรูที่เป็นบ้านของจอร์ชนั้นถ่ายทำที่สกาย สตูดิโอ ซึ่งเป็นห้องใต้หลังคาของตึกสามชั้นที่กรีนนิช วิลเลจ สมบูรณ์แบบด้วยสระว่ายน้ำและสวนลอยฟ้า "จอร์ช เวด ขี้เกียจ แต่เป็นคนสมาร์ทและมีรสนิยมที่ดี และบ้านของเขาควรสะท้อนถึงสิ่งเหล่านี้" ลาร์กินกล่าวถึงคอนเซ็ปท์ของเขาในงานออกแบบบ้านของเศรษฐีหนุ่มโสดแห่งนิวยอร์ค "ฮิวแนะนำให้เรามองหาวัตถุดิบจากกลุ่มอาร์ติสท์ชาวอังกฤษ ที่เรียกกันว่า Sensationals และเราได้รับอนุญาตจากบางคนให้แขวนรูปของเขาในอพาร์ทเม้นท์ของจอร์ชได้" สำหรับรูปแบบบ้านของลูซี่ เคลสัน ซึ่งดูเรียบกว่า ลาร์กินและทีมงานใช้อพาร์ทเม้นท์ที่ ไบรตัน บีช ซึ่งอยู่ในละแวกใกล้กับโคนี่ ไอส์แลนส์ ซึ่งเป็นที่อยู่ของลูซี่และพ่อแม่ "ตอนแรก เรานึกภาพให้บ้านของลูซี่รกรุงรัง และเราทำให้เต็มไปด้วยข้าวของราวกับว่าเธอยุ่งกับงานตลอดเวลา จนไม่มีเวลาจัดระเบียบชีวิตของตนเอง" ลาร์กินอธิบาย "แต่แซนดร้าคิดว่าลูซี่มีระเบียบมากกว่านั้น เราจึงทำให้มันดูเรียบร้อยขึ้นเยอะ" "ฉันอยากให้อพาร์ทเม้นท์ของลูซี่แสดงถึงคุณสมบัติที่ดีของเธอ; เธอเป็นคนประเภทที่จะทำรายการ 'สิ่งที่ต้องทำ' แม้ในเวลานอนก็ตาม" บุลล็อคกล่าว "ฉันขอให้ปีเตอร์ทำโต๊ะข้างเตียงเลื่อนได้ที่ใช้เป็นถาดสำหรับวางอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคทั้งหลายของลูซี่ และอุปกรณ์สื่อสาร เช่น แล็บท็อป แบล็กเบอรี่ ปาล์ม ไพล็อต และโทรศัพท์มือถือ ฉันต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรในบ้านที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ ห้องน้ำ ครัว และโต๊ะทำงานของเธอนั้นห่างจากของจอร์ชเพียงก้าวเดียว ทุกอย่างในอพาร์ทเม้นท์ของเธอเกี่ยวข้องกับเขามากกว่าของเธอเอง" บางทีฉากที่ซับซ้อนที่สุดของหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นที่ Brooklyn Heights ซึ่งรู้จักกันในนามของ Fulton's Landing ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานแบบกาล่าละครสัตว์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนของความสัมพันธ์ระหว่างลูซี่กับจอร์ช สร้างใต้สะพานบรุ๊คลินและดลใจให้เกิดภาพโรแมนติคของร้านอาหาร River Caf? ที่อยู่ถัดไป Fulton's Landing ถูกลาร์กินและทีมงานดัดแปลงให้เป็นเต๊นท์งานแสดงที่หรูหรา ประดับประดาด้วยไฟดวงจิ๋วนับพันดววงนอกจากนั้น ลาร์กินยังตกแต่งด้วยภาพวาดมือหลากสีสันของนักแสดงละครสัตว์ ซึ่งนำไปขยายและแขวนอย่างตระการตาทอดยาวไปตามทางระเบียงเดิน อันทำให้เกิดภาพสวยงามบนทางระหว่างท่าน้ำและ River Caf? "คืนนั้นเรากำลังถ่ายทำอยู่ที่ Fulton's Landing" บุลล็อคย้อนความทรงจำ "และจนกระทั้งเราถ่ายฉากโคลสอัพเสร็จแล้วนั่นละ ฉันถึงได้เงยหน้าขึ้นมองและพบว่า ผู้กำกับภาพของเรา - ลาสโล่ว์ โคแว็คส์ได้สร้างความสว่างไสวให้ทั้งสะพานบรุ๊คลิน และส่วนปลายทั้งหมดของเกาะ เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ" ในการสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายของลูซี่สำหรับฉากงานกาล่านั้น ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย แกรี่ โจนส์ ได้ออกแบบชุดราตรีดำขาวสุดหรู ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากงานแห่งปีของอีฟ แซงค์ โลแรงค์ และวาเลนติโน "เราต้องการให้ออกมาดูคลาสสิค ที่กลมกลืนไปกับสไตล์สาวทำงานของลูซี่ : ดูเป็นผู้หญิงแต่กระชับ" โจนส์กล่าว เขายังได้รับแรงบันดาลใจเพิ่มเติมจากหนังของยุค 1930 และ 40 รวมทั้งรูปแบบหนังของออเดรย์ เฮปเบิร์น และแคธรีน เฮปเบิร์น "จอร์ชมีมากกว่าความสามารถพิเศษ" โจนส์ตั้งจ้อสังเกตุ "สูทของจอห์น ทิวดอร์ที่เขาใส่ในหนังทุกตัวมีช่วงไหล่ที่แข็งซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความเป็นอังกฤษของเขา ฮิวแกรนท์สวมสูทที่ตัดเย็บโดยจอห์น ทิวดอร์ในฉากงานกาล่า เราให้เขาสวมทักซีโด้สีน้ำเงินเข้ม เพระว่าถ่ายออกมาแล้วได้ภาพที่โรแมนติคกว่าสีดำทั่วไป" สำหรับจูน คาร์เตอร์ ผู้มาทำงานแทนลูซี่กับเวด คอร์ปอเรชั่น งานเลี้ยงนี้นับเป็นโอกาสแห่งความก้าวหน้า ทั้งด้านอาชีพการงานและชีวิตส่วนตัว โจนส์จัดเครื่องแต่งกายให้กับอลิเซีย นักแสดงสำหรับบทนี้ ด้วยชุดดำของอาร์มานี่ ซึ่งโดดเด่นในท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนแรง "จูนเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองมาก; เธอไม่กลมกลืนกับเพื่อนร่วมงาน และเสื้อผ้าของเธอสะท้อนสิ่งนี้" โจนส์กล่าว เพื่อถ่ายทอดความร่ำรวยและหรูหราของครอบครัวเวด ทีมงานยกกองไปถ่ายทำใน Westchester County ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือขึ้นไป ที่ Seven Springs, ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ Trump Organization ซึ่งไม่เคยถูกใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายหนังมาก่อน โดยให้เป็นบ้านหรูหราของโฮเวิร์ด เวด ซึ่ง Seven Springs นั้นเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นบ้านในสมัยเด็กของ แคธรีน เมเยอร์ เกรแฮม อดีตผู้พิมพ์ของ Washington Post กองถ่ายทำยังได้จัดการกับ Shea Stadium เพื่อถ่ายทำฉากเบสบอลเกมของ Mets-Giants ซึ่งลูซี่และจอร์ชไปร่วมชม หลังจากเกมนั้นแฟนพันธุ์แท้ของ Mets อย่างมาร์ ลอว์เรนส์ ยังได้ถ่ายภาพร่วมด้วยความปลาบปลื้มกับมือรับออลสตาร์ ไมค์ เพียซซ่า ซึ่งได้ร่วมเข้าฉากในหนัง บุลล็อคเองยังได้ลองเหวี่ยงไม้และตีลูกไปได้ไกลถึงเส้นสุดขอบสนาม นอกเหนือจากสถานที่ถ่ายทำเหล่านี้ กองถ่ายยังได้ไปยังอีกหลายโลเคชั่นทั่วเมือง รวมทั้ง Tribeca Grand Hotel; South Street Seaport, ท่าจอดเรือยอชท์ของจอร์ช; Coney Island Boardwalk สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม; และศูนย์บริการชุมชนของ Coney Island, ซึ่งเป็นพื้นที่พัฒนาของเวด คอร์ปอเรชั่น บุลล็อคกล่าวว่า "องค์ประกอบอีกอย่างของหนังเรื่องนี้ที่ฉันรักก็คือเราไม่ได้เพียงแต่เจาะจง Coney Island, ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งตำนานของนิวยอร์ค ซึ่งไม่ได้ถูกถ่ายทำในหนังมานานพอควร แต่รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งมีส่วนร่วมเป็นอันมากในหนังของเรา" จิม มาโซลา ยอดฝีมืออุปกรณ์ประกอบ ได้ทำงานร่วมกับแผนกศิลป์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ในการศึกษาถึงตัวละครแต่ละตัวเพื่อหาแนวทางปรับแต่งของใช้ส่วนตัวของแต่ละคน รวมทั้งพาหนะ "ลูซี่ เคลสันเป็นทนายความรายได้สูง แต่บุคลิกของเธอเป็นแบบติดดิน และเธอไม่ชอบความหรูหรา" มาโซลาบอกว่า "มันคงไม่สมเหตุผลที่จะให้เธอขับรถราคาแพงอย่างเมอร์ซีเดซ ดังนั้นเราจึงเลือกรถที่เหมาะกับเธออย่างวอลโว่ ในทางกลับกัน ทุกอย่างที่จอร์ชเป็นเจ้าของต้องเป็นของดีที่สุด เขาสวมนาฬิกาปาเตก์ ฟิลิป และเขานั่งโฉบเฉี่ยวไปมาในรถลีมูซีนเมอร์ซีเดซพุลแมน ราคา 250,000 เหรียญ ซึ่งเรานำเข้าจากเยอรมนี" ส่วนการเสาะหาเรือที่เหมาะสำหรับจอร์ชนั้น "ยากนิดหน่อย" มาโซลายอมรับ "เราต้องหาเรือยอชท์ที่อยู่นอกฤดูซึ่งกำลังจะเข้าหนาว หลังจากต้องโทร.หาไม่รู้ว่ากี่ที่ ผมก็ได้เจอกับนักธุรกิจคนหนึ่งในแมนฮัตตันที่มีเรือยอชท์ที่เหมาะเหม็งสำหรับจอร์ช มันเป็นเรือเบเนตตียาว 120 ฟุตที่สวยมากจริงๆ" นักแสดง แซนดร้า บุลล็อค (ลูซี่ เคลสัน / ผู้อำนวยการสร้าง) รับบททนายความสาวผู้ปราดเปรื่อง ซึ่งทำงานให้กับเจ้านายที่ทำให้เธอแทบเป็นบ้า เธอเป็นหนึ่งในบรรดาดาราหญิงที่ได้รับการเรียกหามากที่สุดของฮอลลีวู้ด One of ผลงานเรื่องล่าสุดของเธอคือภาพยนตร์เรื่องฮิต Divine Secrets of the Ya-Ya Sisterhood จากผลงานของผู้กำกับการแสดงแคลลี่ คูรี่ ; Murder by Numbers,หนังระทึกขวัญทางจิตซึ่งเธอร่วมอำนวยการบริหาร และหนังเรื่องฮิตติดอันดับ Miss Congeniality ซึ่งทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ จุดเริ่มต้นของความมีชื่อเสียงในอาชีพของเธอเริ่มจากงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลจากเรื่อง Speed, ตามมาด้วย While You Were Sleeping, ซึ่งเธอได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ และ The Net ผลงานต่อมาที่เธอได้แสดง รวมถึงภาพยนตร์ดังเรื่อง 28 Days; งานบ็อกซ์ออฟฟิซเรื่อง Forces of Nature; Hope Floats, เป็นผลงานอำนวยการสร้างเรื่องแรกของเธอ; Practical Magic, ร่วมอำนวยการสร้างกับริษัทโปรดักชั่นของเธอ Fortis Films; Speed 2: Cruise Control; A Time to Kill; In Love and War; Two If By Sea; The Vanishing; Demolition Man; Wrestling Ernest Hemingway และ The Thing Called Love เธอยังเป็นผู้ให้เสียงกับมิเรียมในเรื่อง The Prince of Egypt บุลล็อคยังอำนวยการบริหารให้กับซิทคอมทางโทรทัศน์ของอเมริกาเรื่อง The George Lopez Show ฮิว แกรนท์ (จอร์ช เวด) รับบทมหาเศรษฐีหัวดื้อแห่งวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ไม่ยินยอมให้หัวหน้าฝ่ายกฎหมายลาออกเขาเป็นนักแสดงหลากหบายความสามารถ ซึ่งผ่านงานมาทั้งทางเวทีละคร โทรทัศน์ และภาพยนตร์ แกรนท์มีชื่อเสียงไปทั่วโลกจากบทบาทของเขาในเรื่อง Four Weddings and a Funeral, ซึ่งทำให้รับทั้งรางวัลตุ๊กตาทองของ British Academy Award และรางวัลลูกโลกทองคำล่าสุด แกรนท์ยังได้ทำงานให้กับหนังดังเรื่อง About A Boy สร้างจากนวนิยายขายดีของ นิค ฮอร์นบี้ ผลงานอื่น ได้แก่ Extreme Measures, Mickey Blue Eyes และ Notting Hill, หนังฮิตติดบ็อกซ์ออฟฟิซซึ่งร่วมแสดงกับจูเลีย โรเบิร์ตส ในปี 2001 แกรนท์ยังได้ร่วมแสดงกับ เรเน่ เซลเวจเจอร์ และคอลลิน เฟิร์ธ ใน Bridget Jones's Diary, หนังที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ของอังกฤษในตอนที่ออกฉาย แกรนท์สำเร็จการศึกษาจาก Oxford University และได้รับความสนใจจากบรรดานักวิจารณ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1987 จากเรื่อง Maurice. ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องในด้านความสำเร็จให้กับเรื่อง Impromptu, The Remains of the Day, Sense and Sensibility, Nine Months, The Englishman Who Went Up a Hill But Came Down a Mountain และ An Awfully Big Adventure ล่าสุดเพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำเรื่อง Love, Actually, ซึ่งเป็นผลงานกำกับการแสดงครั้งแรกของริชาร์ด เคอร์ติส อลิเซีย วิตต์ (จูน คาร์เตอร์) รับบททนายสาวหัวดีเพิ่งจบหมาดๆ จาก Harvard Law ซึ่งไม่ยอมเสียเวลาในการที่จะทำความรู้จักกับนายใหม่ของเธอ ล่าสุดมีผลงานในหนังของคาเมรอน โครว์ ใน Vanilla Sky และหนังของจอห์น วอเตอร์ส เรื่อง Cecil B. DeMented วิตต์ยังได้รับรางวัล Best Actress Award จาก U.S. Comedy Arts Festival จากผลงานใน Playing Mona Lisa เธอได้รับ "Special Jury Recognition" Award จาก Sundance Film Festival ด้วยการแสดงในหนังดังเรื่อง Fun ผลงานเรื่องแรกของเธอได้แก่หนังของเดวิด ลินช์ ใน Dune และได้รับเลือกโดยผู้กำกับคนเดิมในงานซีรี่ส์โทรทัศน์ได้รับรางวัล Emmy เรื่อง Twin Peaks วิตต์ยังได้ทำงานใน Mr. Holland's Opus, Four Rooms, Liebestraum, Bodies, Rest & Motion และ Bongwater วิตต์รับบทลูกสาวของไซบิล เชฟเฟิร์ด ในงานซิทคอมยอดฮิตเป็นเวลา 4 ปี เรื่อง Cybill และในภายหลังได้ทำงานพีเรียดดราม่าทางโทรทัศน์ เรื่อง Passion's Way เธอยังได้ทำงานแห่งความทรงจำใน The Sopranos รวมทั้ง Ally McBeal ดานา ไอเวย์ (รุธ เคลสัน) เป็นแม่ของลูซี่ เคลสัน ซึ่งเป็นปรมาจารย์ทางกฎหมายผู้ผิดหวังในการที่ลูกสาวของเธอไปทำงานให้กับบริษัททุนนิยม เธอเป็นนักแสดงเวทีแห่งนิวยอร์ค และได้รับเสนอชื่อชิงรางวัล Tony จากบทบามในเรื่อง Heartbreak House, Sunday in the Park with George และ The Last Night of Ballyhoo เธอยังได้รับรางวัล Obie Award จาก Quartermaine's Terms และจากการรับบทนำในละครของอัลเฟรด อูชรี ซึ่งได้รับรางวัลพูลลิทเซอร์เรื่อง Driving Miss Daisy ผลงานหนังสร้างชื่อมากมายของเธอได้แก่ Orange County, The Kid, Simon Birch, Sabrina, The Scarlet Letter, Sleepless in Seattle, The Color Purple and Postcards from the Edge, และอื่นๆ อีกมาก เธอยังได้ร่วมแสดงทางรายการโชว์หลายตอนทางโทรทัศน์ อย่างเช่น Frasier, Law and Order, Homicide and Oz โรเบิร์ต ไคลน์ (แลรี่ เคลสัน) รับบทนักกฎหมายอิสระซึ่งต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูซี่ ลูกสาวทนายความของเขาเขาเป็นนักแสดงและดาราตลกซึ่งมีหลายความสามารถ นับแต่ทางภาพยนตร์ โทรทัศน์และเวทีละคร ไคลน์ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Tony และรางวัล The Los Angeles Drama Critics' Circle Award ในปี 1978 จากผลงานแสดงให้กับบรอดเวย์ เรื่อง They're Playing Our Song เขายังได้รับรางวัล Outer Critics Circle Award จากผลงานแสดงให้กับเวนดี้ วาสเซอสไตน์ในเรื่อง The Sisters Rosensweig. ผลงานอัลบั้มแรกของไคลน์ คือ Child of the Fifties เมื่อปี 1973 ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Grammy - Best Comedy of the Year 3 อัลบั้มที่ตามมา คือ: New Teeth, Let's Not Make Love และที่ได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ Mind Over Matter ส่วนหนึ่งของผลงานในภาพยนตร์ ได้แก่ Hooper, The Owl and the Pussycat, One Fine Day, Next Stop Wonderland และ People I Know กับอัล ปาชิโน เป็นที่รู้จักดีในนามของนักเดี่ยวไมโครโฟน และได้เป็นนักแสดงตลกคนแรกที่ได้ปรากฎกายในคอนเสิร์ตกับ HBO ในซีรี่ส์ On Location และได้ทำงานเช่นเดียวกันอีกถึงหกครั้งให้กับ HBO ส่วนล่าสุดใน Child in His 50's และได้เข้าชิงรางวัล Emmy เฮเธอร์ เบิร์นส (เมอริล)เป็นเพื่อนรักของลูซี่ ผู้เชื่อมั่นว่าเพื่อนของเธอกำลังมีความรักกับจอร์ช เวด เรื่อง Two Weeks Notice นับเป็นงานชิ้นที่สองของเธอกับบุลล็อค และลอว์เรนส์ เธอเคยร่วมแสดงเป็นผู้เข้าประกวดนางงาม ในเรื่อง Miss Congeniality เธอยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โรแมนติคคอมเมดี้เรื่อง You've Got Mail เธอเป็นศิษย์เก่าของสถาบันนักแสดงที่โด่งดังแห่งชิคาโก Second City เธอได้รับ BFA จาก New York University และใช้เวลาช่วงซัมเมอร์ที่ Yale Drama School หลังจากทำงานสามปีกับ Atlantic Theater Company และภาพยนตร์ไร้สังกัด เบิร์นสก็ได้มีผลงานไพล็อตทางโทรทัศน์ 3 เรื่อง ใน Nearly Yours ของ DreamWorks/NBC, Chicks ของ Fox Television และล่าสุดของ ABC เรื่อง With You in Spirit ผลงานทางโทรทัศน์อื่น ได้แก่ Law and Order และทางซีรี่ส์ประจำของทอม ฟอนทาน่า ใน The Beat เธอยังได้ทำงานให้กับเคนเน็ธ ลอเนอแกน ใน Lobby Hero ที่ Playwright Horizons Theater นักแสดงชาวอังกฤษ เดวิด เฮค (โฮเวิร์ด เวด) เป็นพี่ชายของจอร์ช และหุ้นส่วนดำเนินธุรกิจ ก่อนหน้านี่เขาเคยร่วมงานกับแกรนท์ ในงานภาพยนตร์ เรื่อง Four Weddings and a Funeral ผลงานเวทีมากมายของเขา ได้แก่ Life X 3, Gasping, Garden, House, Art, My Boy Jack, Fair Ladies at a Game of Poem Cards, Dead Funny, The Prisoner of Zenda, Measure for Measure, Berenice, Our Country's Good, The Recruiting Officer, Greenland, Midsummer Night's Dream, World's Apart, Every Man in His Humour, Tom and Viv, Time of Your Life และ Volpone. และผลงานทางโทรทัศน์ที่หลากหลาย ได้แก่ Crime & Punishment, Station Jim, Adventures of Young Indiana Jones, Talking Heads 2, Keeping Mum, Soldier, Soldier, Thin Blue Line และ Portrait of a Marriage เคยเขียนบทละครสองเรื่องให้ Hampstead Theatre: My Boy Jack และ The Good Samaritan, ซึ่งได้รับความนิยมมากทั้งคู่ และ Carnival Films ได้ทำงานหนังสามเรื่องให้กับเดวิด ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างทำงานให้ Hartswood Films จากงานดัดแปลงเรื่อง The Good Samaritan ทางโทรทัศน์ โดเรียน มิซซิค (โทนี่) เป็นคนขับรถให้จอร์ช และเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งการเล่นหมากรุก และผู้หญิง ผลงานอีกเรื่องของเขาที่จะออกฉาย คือ Crime Partners ร่วมกับ Ice T และ Snoop Dogg ผลงานหนังอื่นๆ ได้แก่ Shaft และงานแสดงกับเคอรี่ วอชิงตันใน 3D ด้วยอายุ 26 ปี เขาได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถหลายด้านของเขา ทั้งทางคอมเมดี้และดราม่า ไม่ว่าจะเป็นทางภาพยนตร์ โทรทัศน์ และละครเวที เขาได้เป็นแขกรับเชิญในดราม่าติดอันดับโทรทัศน์ของอเมริกันมากมาย รวมทั้ง Law & Order, Philly, NYPD Blue และ Now & Again เขายังได้ร่วมแสดงใน The Chris Rock Show ด้วย เขาเริ่มงานด้านโฆษณาเมื่ออายุ 12 ซึ่งได้รับคัดเลือกโดย Coca Cola ระหว่างแคมเปญ Max Headroom และได้ศึกษาต่อด้านดราม่าที่ Clark University ซึ่งได้รับฉายา "Most Outstanding Drama Student." และได้เรียนที่ Alliance Theatre School in Atlanta และ Michael Howard Studios แห่งนิวยอร์ค ผลงานบนเวทีละครเรื่องแรก ใน Where The Wild Things Are เขาได้แสดงนอกบรอดเวย์ใน Paul Robeson, All American โดยโอสซี่ เดวิส และแสดงร่วมกับ LL Cool J ใน Ball, บทโดยแซฟเวียน โกลเวอร์ มีความสามารถและพรสวรรค์หลายหลาก ล่าสุดเพิ่งเสร็จงานที่ทำให้ พีท แชทมอน นักเขียนและผู้กำกับของ 3D และยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มฮิปฮอปที่เรียกว่า THLO ทีมงาน มาร์ค ลอว์เรนส์ (บทภาพยนตร์ / ผู้กำกับการแสดง) ผลงานกำกับการแสดงเรื่องแรกในเรื่อง Two Weeks Notice และเป็นการร่วมงานครั้งที่สามกับแซนดร้า บุลล็อค เขาร่วมเขียนบทให้กับหนังติดอันดับบ็อกซ์ออฟฟิซ เรื่อง Miss Congeniality แลเะเขียน Forces of Nature, ซึ่งเบน อัฟเฟล็ค ร่วมแสดง เป็นชาวบรุ๊คลินโดยกำเนิด และดร็อปการเรียนจาก NYU Law School เขาเริ่มอาชีพนักเขียนจากงานโทรทัศน์ และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล Emmy and Humanitas จากงานเขียนและอำนวยการสร้างของซีรี่ส์เรื่อง Family Ties เขายังร่วมเขียนและร่วมอำนวยการสร้างให้กับซีรี่ส์ทาง NBC ใน Pride and Joy นอกจากนี้ยังเป็นผู้เขียนบทหนังเรื่อง Life With Mikey ซึ่งนำแสดงโดยไมเคิล เจ ฟอกซ์ และ The Out-of-Towners ซึ่งนำแสดงโดยโกลดี้ ฮอว์น และสตีฟ มาร์ติน แมรี่ แม็กลาเกล็น (ผู้อำนวยการบริหาร) ร่วมงานกับแซนดร้า บุลล็อค เป็นครั้งที่สี่ และได้เคยอำนวยการบริหารเรื่อง Divine Secrets of the Ya-Ya Sisterhood, Practical Magic และ Hope Floats ก่อนหน้านี้เคยอำนวยการบริหารเรื่อง Pay it Forward ผลงานสร้างชื่อได้แก่ One Fine Day, Sgt. Bilko, Moonlight and Valentino, The Client และ Sommersby เธอเกิดมาในวงการภาพยนตร์ เป็นหลานปู่ของวิคเตอร์ แม็กลาเกล็น และลูกสาวของ แอนดรู วี แม็กลาเกล็น เริ่มทำธุรกิจครั้งแรกด้วยการเป็นผู้ช่วยด้านโปรดักชั่น ให้กับงานหนังของบิดา ในปี 1988 เธออำนวยการสร้างหนังเรื่องแรก Cold Feet บรูซ เบอร์แมน (ผู้อำนวยการบริหาร) ร่วมงานกับฝ่ายโปรดักชั่นของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส และไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหาร จนกลายเป็น President of Worldwide Theatrical Production ในระหว่างการบริหารงานของเขา ทางสตูดิโอได้สร้างและจัดจำหน่าย ภาพยนตร์เรื่องดังมากมาย อาทิเช่น Driving Miss Daisy, รวมทั้ง Goodfellas, Presumed Innocent, Robin Hood: Prince of Thieves, Batman Forever, Malcolm X, The Bodyguard, JFK, The Fugitive, Dave, A Time to Kill และ Twister ในปี 1996 เบอร์แมนก่อตั้ง Plan B Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชั่นอิสระของวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ซึ่งต่อมาถูกรวมกิจการเข้ากับ วิลเลจ โรดโชว์ พิคเจอร์ส ซึ่งในขณะนี้ เบอร์แมนรั้งตำแหน่ง Chairman and Chief Executive Officer ในวิลเลจ โรดโชว์ และกำลังอยู่ระหว่างการทำงานหนังกว่า 20 เรื่องในระยะต่างๆ กันให้กับวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ล่าสุด เบอร์แมนได้อำนวยการบริหารให้กับหนังดังเรื่อง Training Day, Cats & Dogs, Three Kings, The Matrix, Analyze This, Deep Blue Sea, Practical Magic, Space Cowboys และหนังของสตีเฟน โซเดอเบิร์ก เรื่อง Ocean's Eleven, ด้วยการร่วมทุนระหว่าง วิลเลจ โรดโชว์ พิคเจอร์ส และ วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส รวมทั้งงานฮิตอย่าง Miss Congeniality, อำนวยการสร้างร่วมกันระหว่าง วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส และ คาสเซิลร็อค เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เบอร์แมนจะอำนวยการบริหารให้กับงานสองเรื่องในภาคต่อของไตรภาคเรื่อง The Matrix ซึ่งกำหนดออกฉายในปี 2003 และ Dreamcatcher จากนวนิยายขายดีของสตีเฟน คิง ซึ่งร่วมสร้างโดย วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส และ คาสเซิลร็อค เอ็นเตอร์เทนเมนท์ เจ้าของรางวัลอย่าง แลซโลว์ โคแวกส์, A. S. C. (ผู้กำกับภาพ) เรียนรู้วิชาชีพจาก Academy of Theater and Film Art ในบูดาเปสต์ มีผลงานภาพยนตร์กว่า 60 เรื่องจากงานทำงานภายใต้ชื่อของเขา และเป็นผู้ได้รับรางวัล American Society of Cinematographers 2001 Lifetime Achievement Award ในบรรดาผลงานสร้างชื่อของเขา รวมถึง Miss Congeniality, Return to Me, Jack Frost และ My Best Friend's Wedding ผลงานอเมริกันของเขาเริ่มต้นกับผลงานขั้นต้น และภาพยนตร์อย่าง Easy Rider, Five Easy Pieces, That Cold Day in the Park และ The King of Marvin Garden เป็นผู้ถ่ายทำให้กับเรื่อง What's Up Doc?, Paper Moon, For Pete's Sake, Shampoo, Nickelodeon, New York, New York, Butch and Sundance: The Early Days, Frances, The Toy, Ghostbusters, Mask, Say Anything, Legal Eagles และ Radio Flyer, และอื่นๆ อีกมาก ปีเตอร์ ลาร์กิน (ผู้ออกแบบฉาก)ล่าสุดได้ออกแบบฉากให้กับ Dinner with Friends ทาง HBO และ Miss Congeniality ผลงานภาพยนตร์มากมาย ได้แก่ The First Wives Club, Get Shorty, Major Payne, Guarding Tess, House of Cards, Three Men and a Baby และ Tootsie เขาเป็นลูกชายของศาสตราจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ เขาเริ่มต้นจากการพยายามเขียนการ์ตูนด้วยมือในนิวยอร์ค แต่ไม่พอใจกับผลงานตัวเอง จึงกลับไปเรียนต่อทางด้านศิลปะที่ Yale เขาได้ออกแบบงานที่บรอดเวย์เป็นครั้งแรก ในเรื่อง The Wild Duck, เมื่อปี 1951. และได้ร่วมงานกับบ็อบ ฟอร์ส ในงานแสดงสองเรื่องหลังของผู้กำกับและนักเต้น เรื่อง Dancin' และ Big Deal เขาได้รับรางวัล Tony Awards ถึงสามครั้งจนถึงปัจจุบัน จาก No Time For Sergeants, Teahouse of the August Moon และ Ondine ในปี 1979 เขาได้รับชื่อเสียงเป็นครั้งแรกจากงานภาพยนตร์จากการออกแบบให้ Nighthawks เขายังได้เป็นผู้ออกแบบให้กับงานภาพยนตร์ที่สร้างเพื่อโทรทัศน์สองเรื่อง The Lost Honor of Katherine Beck และ Murder, Inc ซูซาน อี มอร์ส, A. C. E. (ผู้ลำดับภาพ) เป็นผู้ที่ร่วมงานมายาวนานกับ นักแสดง-นักเขียน-ผู้กำกับ วูดดี้ อัลเลน นับแต่เมื่อเริ่มจากเรื่อง Annie Hall เมื่อปี 1979 ในบรรดาหนังกว่า 20 เรื่องที่เธอได้ลำกับภาพให้กับอัลเลน ได้แก่ Manhattan, Zelig, Broadway Danny Rose, The Purple Rose of Cairo, Hannah and Her Sisters และ Bullets Over Broadway เธอยังได้ลำดับภาพให้กับหนังบ็อกซ์ออฟฟิซเรื่องฮิต Arthur และยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง Hannah and Her Sisters และ ได้เข้าชิงรางวัล BAFTA ถึงห้าครั้งจาก Manhattan, Zelig, Hannah and Her Sisters, Radio Days และ Crimes and Misdemeanors จอห์น พาเวลล์ (ดนตรีประกอบ) รู้ลึกซึ้งทางด้านเพลงคลาสสิค และดัดแปลงออกไปได้อย่างหลากหลาย เขาได้แต่งเพลงซาวน์ดแทร็คให้กับภาพยนตร์มากมาย นับแต่เข้ามายังอเมริกาเมื่อหกปีก่อน เขาได้นำเสนอให้กับหนังนัวร์ จากการกำกับของจอห์น วู ใน Face/Off และร่วมเขียนสี่เพลงประกอบ ซึ่งเป็นดนตรีแห่งจินตนาการให้กับหนังแอนนิเมชั่นเรื่อง Antz, The Road to El Dorado, Chicken Run และ Shrek เขายังเป็นพลังสร้างสรรค์เบื้องหลังเพลงเอ็กซ์เพอริเมนทัลประกอบหนังของ Forces of Nature และ Endurance ผลงานในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา ได้แก่ Rat Race, I Am Sam, The Bourne Identity และ Drumline เขาได้ศึกษาที่ London's Trinity College of Music ซึ่งได้เรียนการแต่งเพลง และได้รับรางวัล John Halford and the Boosey and Hawkes Music College Awards. ในระหว่างเรียนที่ Trinity เขาได้ร่วมแสดงกับกลุ่มศิลปิน Media Arts กับผู้ร่วมงานกันมายาวนานอย่าง เกวิน กรีนอเวย์ เขาได้แต่งและให้เสียงกับงานแสดงร่วมกัน แม้ว่าวงดูโอจะลาจากกันไปเมื่อสำเร็จการศึกษาในปี 1986 แต่ทั้งคู่ก็ยังร่วมสร้างสรรค์งานหลายชิ้นที่เป็นมิกซ์มีเดีย กับอาร์ติสท์ ไมเคิล เพทรี ล่าสุดยังมีผลงานเบร์บัตท่อมและเยอรมันบราส อองซอมบ์ การก้าวเข้าสู่การทำงานให้กับภาพยนตร์เป็นครั้งแรกของเขานั้นเกิดขึ้นที่ งาน Air-Edel Music ในลอนดอนเมื่อปี 1989 ซึ่งเขาได้ทำงานเคียงข้างกับนักแต่งเพลง ฮันส์ ซิมเมอร์ และแพทริค ดอยล์ และร่วมกับดอยล์ในการแต่งเพลงประกอบเรื่อง Into the West และเขียนคิวและทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์เพลงอีเล็คโทรนิคให้กับซิมเมอร์ในเรื่อง White Fang ในปี 1994เขาลาจาก Air-Edel เพื่อร่วมก่อตั้ง (กับกรีนอเวย์) มิวสิคเฮาส์แห่งลอนดอน ในชื่อ Independently Thinking Music (ITM) พวกเขาร่วมกันแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์และมากกว่าร้อยแคมเปญแอดส์โฆษณา เข้ามายังอเมริกาเมื่อปี 1997 และโดยทันทีเขาได้ทำงานเพลงประกอบให้กับงานโทรทัศน์สองเรื่องให้กับ DreamWorks TV : ฤดูที่สองของงานสตีเวน สปีลเบิร์กเรื่อง High Incident และงานไพล็อต เรื่อง For the People เขายังได้เรียบเรียงเพลงซึ่งประพันธ์โดยสตีเฟน ชวาทซ์ ให้กับงานแอนนิเมชั่นของ DreamWorks ใน The Prince of Egypt ผลงานภาพยนตร์อื่นๆ ได้แก่ Evolution และเรื่องต่อไป คือ Agent Cody Banks แกรี่ โจนส์ (ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย) ล่าสุดร่วมงานกับแซนดร้า บุลล็อค เป็นผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับ Divine Secrets of the Ya-Ya Sisterhood ผลงานออกแบบเครื่องแต่งกายที่มีชื่อของเขายังได้แก่ภาพยนตร์หลายเรื่องที่ทำให้กับผู้สร้างหลายคน รวมทั้ง The Princess Diaries, Heartbreakers, Desperate Measures, Vanya on 42nd Street, Guilty as Sin, The Mosquito Coast และ Trip to Bountiful เขายังได้ทำงานร่วมกับแอน รอธมาเป็นเวลานาน และทั้งคู่ได้สร้างผลงานด้วยกันมากมาย อาทิเช่น Primary Colors, The English Patient, Sabrina, Consenting Adults, The Mambo Kings, Just Cause and Dressed to Kill. ในปี 1999, โจนส์และรอธ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองร่วมกันจากเรื่อง The Talented Mr. Ripley-- จบ-- -ตม-

ข่าววอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส+ภาพยนตร์เรื่องวันนี้

Gossip News: ชมเบื้องหลังภาพยนตร์สุดสยองขวัญ “It โผล่จากนรก”

ช่อง 28 จะพาแฟนๆไปชมเบื้องหลังภาพยนตร์แนวสยองขวัญ วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส และนิวไลน์ ซีเนม่า ภาคภูมิใจเสนอ "It โผล่จากนรก" จากนวนิยายสุดสยองของ สตีเฟ่น คิงส์ สู่ความกลัวเขย่าขวัญสั่นประสาท "มันจะเสพความกลัวของคุณพาคุณล่องลอย...ไปสู่ความตาย!" ติดตามชมเบื้องหลังของภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่จะมาเขย่าสั่นประสาท "It โผล่จากนรก" วันเสาร์ที่ 2 กันยายน 2560 เวลา 16.30-17.00 น. ทางช่อง 28 และรับชมผ่านทาง Application 3

ภาพข่าว: เมเจอร์ โบว์ล ฮิต จัดแข่งขัน “ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ชาเลนจ์”

อาทร เตชะตันติวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เมเจอร์โบว์ล กรุ้ป จำกัด ร่วมกับ มร.เฮนรี่ ทราน ผู้จัดการทั่วไป บริษัทวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส จำกัด เปิดแคมเปญ “เมเจอร์ โบว์ล ซูเปอร์แมน รีเทิร์นส ชาเลนจ์” การแข่งขัน...

(ต่อ3): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

คลิฟฟอร์ด เวอร์เบอร์ (ผู้อำนวยการสร้าง) ได้ผ่านการทำงานบริหารภาพยนตร์ให้กับบริษัท ทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ๊อกซ์ ฟิล์ม คอร์ปอร์เรชั่นและวอร์เนอร์ บราเดอร์ส ตั้งแต่ปี 1986 มาจนถึงปี 1999 ซึ่งในช่วงเวลานั้นเขายังได้ทำงานอย่างใกล้ชิด...

(ต่อ2): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

ดราตรี สีขาว เกาะอกไม่มีสายปักลูกปัดและกระโปรงผ้าโปร่งเหมือนในเทพนิยาย นั้นมาจากคอลเลคชั่นของ โมนิค ฮูลิเย่ ดีไซน์เนอร์จากเบเวอรี่ ฮิลล์ ผู้ซึ่งมีความชำนาญทางด้านชุดราตรีและชุดแต่งงาน งานของเธอนั้นเรียบง่ายแต่ดูดี วินเกทยกความดี...

(ต่อ1): วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

อย่างที่รอสแมนวางไว้ว่า “เขาเป็นเจ้าชายที่ไม่อยากจะเป็นเจ้าชาย” “พวกเราประทับใจในตัวแชด พวกเราเลื่อนวันเปิดกล้องออกไปเพื่อให้สอดคล้องกับตารางซีรีส์ทางโทรทัศน์ของเขา” รอสแมนเล่าถึงการที่ได้ค้นพบตัวแสดงหลังจากผ่าน ขั้นตอนอัน “ยาวนาน...

วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ A Cinderella Story

ซินเดอเรลล่าเองยังไม่เคยรู้สึกแย่ขนาดนี้มาก่อนเลย ในภาพยนตร์เรื่อง A Cinderella Story – เรื่องราวของเทพนิยายคลาสสิคที่กลับตาละปัดแต่แฝงด้วยความร่าเริงสนุกสนานที่ถูกนำกลับมาทำให้เข้าสมัย นักเรียนมัธยมปลาย แซม มอนโกเมอรี่ (ฮิลลารี่ ดัฟฟ์)...

(ต่อ 3) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส คริสโตเฟอร์ ดอยล์ (ผู้กำกับภาพ) เกิดที่ซิดนีย์ เขาได้บินหนีความจืดชืดของชนบท และใช้เวลาส่วนใหญ่บนถนนชีวิต ในหลายช่วงเวลา เขาเคยเป็นกระทั่งคนขุดบ่อน้ำในอินเดีย, กลาสีบน...

(ต่อ 2) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ผลงานภาพยนตร์ In the Mood for Love (2000) Sausalito (2000) Augustin, King of Kung Fu (1999) Those were the Days (1997) Chinese Box (1997) The Soong Sisters (1997) Comrades:...

(ต่อ 1) วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส ในการค้นหาความสมบูรณ์แบบ จางได้เดินทางหลายร้อยไมล์เพื่อเสาะหาสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับแต่ละฉาก ทีมงานที่ขันแข็งจำนวน 300 คน เดินทางจากดุนฮวง ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกวางสู ...

วอร์เนอร์ บราเดอร์สฯ ภูมิใจเสนอบทประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง "Hero"

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส เวลา สองพันปีก่อน สถานที่ จุดเริ่มต้นความป่าเถื่อนแห่งราชวงศ์ฉิน เรื่องราว ของว่าที่จักรพรรดิแห่งแผ่นดินจีน ผู้กำลังจะมีชัยในการครอบครองแผ่นดินที่ถูกย่ำยีด้วยพิษสงคราม ...