กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--วอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิคเจอร์ส
นักแสดง
โรเบิร์ต เดอ นีโร (พอล วิตตี) เริ่มก้าวเข้าสู่งานภาพยนตร์กับหนังของไบรอัน เดอ พาลมา เรื่อง The Wedding Party ใน ปี1969 เมื่อถึงปี 1973 เขาได้รับรางวัล New York Film Critics' Award - Best Supporting Actor ถึงสองครั้ง ในการสร้างผลงานโด่งดังในเรื่อง Bang the Drum Slowly และหนังของมาร์ติน สกอร์เซสซี เรื่อง Mean Streets
ในปี 1974 เดอนีโร ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง ดาราสนับสนุนชายยอดเยี่ยม จากผลงานแสดงเป็นหนุ่มน้อยวีโต คอร์ลีออน ในเรื่อง The Godfather, Part II, และในปี 1980 ได้รับรางวัลออสการ์ตัวที่สอง ดารานำชายยอดเยี่ยม จากการถ่ายทอดบทบาทที่ไม่ธรรมดา ของ เจค ลาม็อตต้า ในหนังของสกอร์เซสซี เรื่อง Raging Bull เดอ นีโรยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองอีกสี่ครั้ง : จากบทเทรวิส บิกเกิล ในหนังของสกอร์เซสซี เรื่องดัง Taxi Driver และทหารผ่านศึกจากสงครามเวียดนามในหนังของไมเคิล ซิมิโน เรื่อง The Deer Hunter, และบทคนไข้ที่ได้รับการทำให้ฟื้นจากอาการไร้สติในหนังของเพ็นนี มาร์แชล เรื่อง Awakenings และในบทผู้รอคอยการแก้แค้นในหนังคลาสสิตรีเมคแห่งปี 1992 ของสกอร์เซสซี Cape Fear
ผลงานที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเดอ นีโร ได้แก่ ภาพยนตร์ของอีเลีย คาซาน เรื่อง The Last Tycoon, งานของเบอร์นานโด เบอร์โตลุคซี เรื่อง 1900, หนังของอูลู กรอสบาร์ด เรื่อง True Confessions and Falling in Love, เรื่องเซอร์จิโก ลีออน เรื่อง Once Upon a Time in America, ของสกอร์เซสซี เรื่อง King of Comedy, New York, New York, GoodFellas, และ Casino, ของเทอรี่ กิลเลียม เรื่อง Brazil, ของโรแลนด์ โจฟี The Mission, ของไบรอัน เดอ พาลมา เรื่อง The Untouchables, ของอลัน ปาร์กเกอร์ เรื่อง Angel Heart, ของมาร์ติน เบรสต์ เรื่อง Midnight Run, ของเดวิด โจนส์ เรื่อง Jacknife, ของมาร์ติน ริทซ์ เรื่อง Stanley and Iris, ของนีล จอร์แดน เรื่อง We're No Angels, ของเออวิน วิงก์เลอร์ เรื่อง Guilty By Suspicion และ Night and the City, ของรอน โฮเวิร์ด เรื่อง Backdraft, ของแบรี่ พริมัส เรื่อง Mistress, ของไมเคิล เคตัน โจนส์ เรื่อง This Boy's Life, ของจอห์น แมคนอตัน เรื่อง Mad Dog and Glory, A Bronx Tale, ของเคนเน็ธ บรานัค เรื่อง Mary Shelley's Frankenstein, ของไมเคิล แมนน์ เรื่อง Heat, ของแบรี่ เลวินสัน เรื่อง Sleepers และ Wag the Dog, ของเจอรี่ แซคส์ เรื่อง Marvin's Room, ของโทนี่ สก็อต เรื่อง The Fan, ของเตมส์ แมนโกลด์ เรื่อง Copland, ของอัลฟองโซ คูอารอน เรื่อง Great Expectations, ของเควนติน ทารันติโน เรื่อง Jackie Brown, ของจอห์น แฟรงเกนไฮม์เมอร์ เรื่อง Ronin, ของแฮโรลด์ เรมิส เรื่อง Analyze This, ของโจเอล ชูมัคเกอร์เรื่อง Flawless, ของเดส แม็คนัฟ เรื่อง Rocky and Bullwinkle, ของเจ โรช เรื่อง Meet The Parents, ของจอร์จ ทิลแมน เรื่อง Men of Honor, ของจอห์น เฮิร์ซเฟลด์ เรื่อง Fifteen Minutes และหนังฆาตกรรมดราม่าของแฟรงค์ ออซ เรื่อง The Score ล่าสุดเขาได้แสดงในหนังดราม่าของไมเคิล เคตัน โจนส์ เรื่อง City By The Sea และร่วมงานกับเอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์ ในหนังคอมเมดี้เรื่อง Showtime
เดอนีโรยังภาคภูมิใจในการดูแลบริษัทโปรดักชั่นของเขา Tribeca Productions, และ Tribeca Film Center ซึ่งเขาได้ก่อตั้งเมื่อปี 1988 ร่วมกับผู้อำนวยการสร้างของ Analyze That เจน โรเซนธัล ภายใต้ชื่อ Tribeca เขาได้ทำงานหลายเรื่องซึ่งเขาได้ทำงานร่วมในหลายตำแหน่ง รวมทั้ง อำนวยการสร้าง กำกับการแสดง และแสดง
หนังของ Tribeca เรื่อง A Bronx Tale เป็นงานกำกับเรื่องแรกของเขา ในปี 1992 Tribeca TV นำเสนอผลงานซีรี่ส์โทรทัศน์เรื่อง Tribeca, ซึ่งเดอ นีโรรับตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้อำนวยการบริหาร ในปี 1998, Tribeca สร้างมินิซีรี่ส์ให้กับ NBC อิงจากเรื่องราวชีวิตจริงของแซมมี่ 'เดอะ บุล' กราวาโน เดือนพฤษภาคมปี 2002 เดอ นีโรและโรเซนธัล เสนองานประจำปีครั้งแรกของ Tribeca Film Festival ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะช่วยในการคืนชีวิตให้กับแมนฮัตตัน นับแต่มีการก่อวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน
บิลลี่ คริสทัล (เบน โซเบล /ผู้อำนวยการบริหาร) ได้สร้างสรรผลงานที่หลากหลายในอาชีพของวงการบันเทิง ประสบความสำเร็จทั้งเบื้องหน้ากล้อง ในการเป็นนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ และหลังกล้องในการเป็นผู้เขียนบท ผู้กำกับการแสดง และผู้อำนวยการสร้าง
ครอบครัวของคริสทัลเป็นเจ้าของและบริหารงานกิจการ Commodore ที่เลื่องชื่อ รวมทั้งร้านแผ่นเสียง ดังนั้นคริสทัลจึงโตขึ้นมาท่ามกลางนักดนตรี บิดาของเขา แจ๊ค ได้อำนวยการแสดงคอนเสิร์ตให้กับนักดนตรีแจ๊ซชื่อดังแห่งยุค รวมทั้ง บิลลี่ ฮอลลิเดย์ที่โด่งดัง
คริสทัลสั่งสมพรสวรรค์ของเขาด้วยการเดี่ยวไมโครโฟนตามเวทีหลายแห่ง และใช้พรสวรรค์ทางการล้อเลียนและเสียดสีของเขา ถ่ายทอดตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัว และผู้คนที่เป็นเพื่อนฝูงผ่านการทำธุรกิจของครอบครัว หลังจากออกทัวร์กับ บิลลี่ โจเอล, แบรี่ มานิโล, นีล ซิดาก้า และชานานา บิลลี่ได้กลายมาเป็น ขวัญใจทางซีรี่ส์อเมริกันเรื่อง Soap การแสดงเป็นตัวละครเกย์คนแรกที่เปิดเผยตัวเองทางซีรี่ส์ ในช่วงระหว่างฤดู 1984-85 เขาได้พบกับรายการที่ประสบความสำเร็จทั่วประเทศอย่างมหัศจรรย์ ของ NBC - Saturday Night Live ซึ่งได้สร้างตัวละครที่น่าประทับใจอย่างเฟอนันโด และวิลลี่ เดอะ มาโซคิสต์
ในบรรดาภาพยนตร์ที่คริสทัลได้ร่วมแสดง ได้แก่ Running Scared, This is Spinal Tap, The Princess Bride, Throw Momma from the Train, Memories of Me, When Harry Met Sally, City Slickers I and II, Mr. Saturday Night (ซึ่งเขากำกับการแสดง), Fathers' Day, Forget Paris (กำกับ), หนังของเคนเน็ธ บรานัค เรื่อง Hamlet, หนังของวู้ดดี้ อัลเลน เรื่อง Deconstructing Harry, Analyze This, My Giant (อำนวยการสร้าง) และ America's Sweethearts เขายังเป็นผู้ให้เสียง ไมค์ วาซอกซี ในหนังของดิสนีย์ เรื่อง Monsters, Inc หนังของคริสทัล เรื่อง "61*" ทาง HBO เคเบิลทีวี ซึ่งเขาทั้งกำกับการแสดงและอำนวยการบริหาร หนังเรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมี่ 12 ตัว รวมทั้ง Best Director และ Best Made for Television Movie นอกจากนี้ คริสทัลยังได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล DGA Award - Best Director
เขาได้สร้าง เขียนบท และอำนวยการผลิต ซี่รี่ส์เรื่องดังทาง HBO เรื่อง Sessions, และกลายเป็นดาราตลกคนแรกที่ได้แสดง (ในตอนนั้น) ที่สหภาพโซเวียต กับโชว์พิเศษของเขา Midnight Train to Moscow หนึ่งในรายการสเปเชียลสี่ต่อหนึ่งคนที่เขาได้ทำให้กับ HBO งานชิ้นนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลเอ็มมี่ 6 ตัว, และ 6 รางวัล American Comedy Awards และ 7 รางวัล CableAce Awards
คริสทัลได้เป็นพิธีกรรางวัลแกรมมี่ถึงสามครั้ง และอีกเจ็ดครั้งในงานออสการ์ เขาเป็นผู้อุทิศตนให้กับสิทธิมนุษยชน เขาได้ร่วมเป็นพิธีกรกับโรบิน วิลเลี่ยมส์ และวูปี้ โกลด์เบิร์ก ในทั้งแปดตอนของ Comic Relief ทาง HBO
(ยังมีต่อ)