"ธนาคารจิตอาสา" และ "ความสุขประเทศไทย ร่วมกับ สสส. จัดกิจกรรม "ห้องสมุดมนุษย์" เปิดพื้นที่ให้รับฟังกันอย่างไม่ตัดสิน มองเห็นความต่างคือความงดงาม กับสโลแกน "อย่าตัดสินหนังสือแค่เพียงปก"
"ในโลกใบใหญ่นี้ยังมีผู้คนที่เรายังไม่ได้สัมผัส หรือรู้จักเขาดีพอ เรื่องราวที่เราเคยคิดไปเองว่า ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แท้จริงแล้วมันใช่แบบนั้นจริงหรือไม่" จากแนวคิดนี้กลุ่มคนทำงาน "ธนาคารจิตอาสา" และ "ความสุขประเทศไทย" จึงได้จัด "กิจกรรมห้องสมุดมนุษย์" ขึ้นเพื่อให้เกิดการสื่อสารในความแตกต่างหลากหลายของผู้คนในสังคม นำไปสู่การเกิดความเข้าใจ และยอมรับในความแตกต่างหลากหลาย ข้ามพ้นจากอคติที่เคยมีและเข้าถึงความเป็นมนุษย์ของกันและกัน โดยกิจกรรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
รูปแบบของกิจกรรมหนังสือมนุษย์คือการเปิดพื้นที่ ที่เรียกว่า "ห้องสมุดมนุษย์" (Human Library) เพื่อให้ผู้คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ได้มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไม่เก้อเขิน และเปิดใจรับฟังกันอย่างไม่ตัดสิน ในสโลแกน "อย่าตัดสินหนังสือแค่เพียงปก" เพราะมนุษย์ก็ไม่ต่างจากหนังสือ ที่อาจจะมีรูปลักษณ์ภายนอกแตกต่างกันออกไป ซึ่งด้านหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับอคติของผู้ที่เข้าไปรับรู้และตัดสิน แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าหนังสือเล่มนั้นหรือคนคนนั้น เป็นอย่างไรจริงๆ จนกว่าจะได้สัมผัสคุณสมบัติที่อยู่ภายใน โดยกิจกรรมดังกล่าวเปิดรับสมัครบุคคลทั่วไปให้มาเป็นทั้งหนังสือ และผู้อ่าน ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ที่มีผู้สนใจมาเป็นหนังสือกว่า 300 ท่าน แต่ได้คัดให้เหลือเพียง 10 ท่าน โดยคัดจากคนที่ถูกตัดสินหรือเป็นเหยื่อของสังคม หรือมีลักษณะภายนอกที่มักถูกมองไม่ดี หรือผู้ที่มีปมภายในใจบางอย่าง เพื่อมาสะท้อน 10 ประสบการณ์ชีวิต เช่น ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่ผ่านการทำร้ายตัวเอง , นักแสดงละครใบ้ , สาวที่มีลายสักทั่วตัว , คุณแม่วัยใสสู้ชีวิต , หนุ่มโรบินฮู้ดผจญโชค , สาวซุปเปอร์ไซส์ เป็นต้น ส่วนผู้อ่านนั้น คัดเลือกจากผู้สมัครกว่า 100 ท่าน ให้มาร่วมกิจกรรมจำนวน 20 ท่าน และได้จัดกิจกรรมแบ่งคนอ่านออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ท่าน คนอ่านเป็นผู้เลือกหนังสือมนุษย์ที่ตนเองสนใจ โดยใช้เวลาอ่านหนังสือรอบละ 30 นาที ทั้งนี้ผู้ที่มาเป็นหนังสือมนุษย์และคนอ่าน ได้เข้าปฐมนิเทศโดยการจัดแยกกลุ่มเพื่อเตรียมตัวและทำความเข้าใจก่อน
โดยในรายละเอียดของงาน ดร.สรยุทธ รัตนพจนารถ ผู้ริเริ่มและผู้อำนวยการร่วมธนาคารจิตอาสา เล่าว่า "ห้องสมุดมนุษย์เป็นโอกาสเป็นพื้นที่ให้มนุษย์ได้มีประสบการณ์ตรง ที่จะเท่าทันกับโลกทัศน์ มุมมอง หรืออคติ ที่มีต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ที่มีความแปลกแยก ที่เราคิดว่าต่างจากเรา หรือคนที่มักถูกสังคมตีตราต่างๆ การที่ได้มีประสบการณ์ตรงที่ได้มาอ่านหนังสือจากมนุษย์จริงๆ ทำให้ได้รู้สึกเชื่อมโยง เห็นความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน มันไม่ใช่แค่การยอมรับ แต่ไปถึงขั้นของการชื่นชมการเฉลิมฉลองในความหลากหลาย มองเห็นความต่างคือความงดงาม ซึ่งงานในวันนี้ความคิดผมคือมีความเซ็กส์ซี่มากๆ เลย เพราะโลกปัจจุบันเรามักจะมีการแบ่งแยกบางสิ่ง เรามักจะคิดว่าเราแตกต่างจากคนอื่น และคนอื่นเขาไม่ดี เขาน่ากลัว แต่งานวันนี้ทำให้เราได้เลือก ที่จะทำลายกำแพงอคติ การตัดสิน ให้เราได้เปิดใจ เข้าใจ และเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน คือการทำให้คนได้เข้าถึงหัวใจของคำว่า สุขภาวะทางปัญญา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 4 มิติ ของงานส่งเสริมสุขภาพของ สสส. การที่คนมีสุขภาวะทางปัญญา คือคนที่มีความสุขจากด้านใน จากการที่รู้จักเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงๆ และเชื่อมโยงไปถึงการรู้จัก การเข้าใจ และยอมรับผู้อื่นอย่างแท้จริง ผมฝันเห็นเมืองไทยที่ไม่ได้แบ่งแยกกัน ไม่มีฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ เราต้องมีการให้เกียรติ เคารพ และ สร้างสังคมที่น่าอยู่ ในการอยู่ร่วมกันในผืนแผ่นนี้ร่วมกัน เราจึงต้องมีฝันที่ใหญ่พอ และทำให้ไปถึงตรงนั้นให้ได้ และกิจกรรมนี้ผมว่ามันเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากๆ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีกิจกรรมนี้ในครั้งต่อๆ ไป แบบต่อเนื่อง โดยรูปแบบอาจจะมีความหลากหลายให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น"
ทางด้านของผู้ที่สมัครมาเป็นผู้อ่าน "นายภวัต ธีราบวรกุล พนักงานบริษัท" ได้เล่าความรู้สึกให้ฟังว่า "เป็นคนที่ติดตามงานของ สสส. อยู่แล้ว คำว่า สสส. สำหรับเราก็คือเป็นงานที่ดีที่สร้างสรรค์อยู่แล้ว ทีนี้พอได้อ่านเจอคำว่า หนังสือมนุษย์ มันโดนเลย เพราะมนุษย์มีความหลากหลาย แม้แต่ตัวเราเองก็คือมนุษย์ที่ร้ายที่สุด เราจะชอบคิดว่าเราน่ะดีที่สุด แต่สุดท้ายตัวเรานี่แหละที่ทำร้ายคนอื่นได้ดีที่สุดเช่นกัน และวันนี้ก็ได้มาอ่านหนังสือที่เค้าเป็นคนที่เป็นโรบินฮู้ด สิ่งที่เราได้จากการอ่านวันนี้คือ หนังสือเล่มนี้ได้บอกเราว่า เราอย่าไปเลือกมองแต่สิ่งแย่ๆ บอกตัวเองว่าเรื่องแย่ผ่านมาเดี๋ยวก็ผ่านไป อย่าไปยึดติด เพราะหนังสือเค้าผ่านการล้มลุกคลุกคลานมามากมาย กว่าที่เค้าจะสามารถมาถ่ายทอดเรื่องราวของเขาให้กับเราในวันนี้ได้ แต่วันนี้เขาได้ถ่ายทอดมันออกมาแบบในเชิงบวก ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ให้พลังใจแก่เราในวันนี้มากๆ เลย จริงๆ พูดแบบนี้มันก็มีให้เห็นให้อ่านเยอะนะ พวกคำคมต่างๆ แต่พอเรามาคุยกับคน คนคือหนังสือเล่มหนึ่งให้เราได้เรียนรู้ เราได้เห็นสายตา ได้เห็นสีหน้า น้ำเสียง อารมณ์ที่เขาถ่ายทอดออกมา มันมากกว่าการที่เราอ่านอะไรมาแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนการส่งแรงใจให้กัน มีความจริงใจ เรารับรุ้ได้ถึงพลังตรงนั้นจริงๆ ซึ่งประทับใจมากๆ กับงานในวันนี้ ในฟูกลับบ้านเลยล่ะ"
ส่วนคนที่อาสามาเป็นหนังสือ เล่าว่า "ความรู้สึกของการเป็นผู้ถ่ายทอดให้กับผู้อ่าน 2 คน ให้ความรู้สึกต่างกัน เพราะคิดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการมีพื้นฐานที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุ , เพศ , อาชีพ คือตัวผู้อ่านจะมีผลต่อความรู้สึกเราในตอนเล่าอย่างมาก จากเริ่มต้นคือการให้เราเล่า แล้วรอฟังเราอย่างเดียว แต่ว่าพอเวลาผ่านไปสักระยะ จะมีเสียงสะท้อนบางอย่างกลับมาจากผู้อ่าน อย่างที่วันนี้คือคนแรกก็แนวเป็นผู้ฟังอย่างเดียวให้เราเล่าๆ ไป ส่วนคนที่ 2 ก็จะแบบจะมีการช่วยเราวิเคราะห์ แยกแยะ จนเราคิดว่า เวลา30 นาที มันน้อยไปอยากจะต่ออีกนิดนะ แต่เชื่อมั้ยว่าแม้ผู้ฟังสองคนจะให้ความรู้สึกในขณะที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเราออกไป แต่บทสรุปที่เราได้จากการเป็นหนังสือคือ เสียงดูถูกจากคนอื่น คำด่า ต่างๆ นั้น เราบอกตัวเองได้ว่า "ถ้าฉันไม่อนุญาต ก็ไม่มีใครเข้ามาทำร้ายเราได้"
โดยผลการจัดกิจกรรมหนังสือมนุษย์ สรุปได้จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์หลังกิจกรรมเป็นรายบุคคลและตอบแบบสอบถามแบบออนไลน์ที่ส่งไปให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม พบว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถเข้าใจถึงความแตกต่างของแต่ละคนได้ เกิดความเห็นอกเห็นใจ บางคนสามารถรับรู้ถึงอคติที่เกิดขึ้นของตนเอง บางคนก็สามารถรับรู้ถึงอคติที่เกิดขึ้นของผู้อื่น และบางคนสามารถรับรู้ถึงอคติที่เกิดขึ้นทั้งของตนเองและผู้อื่น อีกทั้งผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคนต้องการสานต่อความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมท่านอื่น การจัดกิจกรรมห้องสมุดมนุษย์เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแท้จริง
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit