สู่ทศวรรษใหม่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เสนอ ๔ ประเด็นหลัก “เสริมพื้นที่เล่น เน้นกิจกรรมทางกาย ร่วมจัดการขยะ เลิก ละยาเสพติด”

          สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๖๐ "๑๐ ปี พ.ร.บ. สุขภาพแห่งชาติ สู่สังคมสุขภาวะ" เสนอ ๔ ระเบียบวาระสำคัญ มุ่งแก้ปัญหาสุขภาวะใกล้ตัว "เสริมพื้นที่เล่น เน้นกิจกรรมทางกาย ร่วมจัดการขยะ เลิกละยาเสพติด" พร้อมนำเสนอรูปธรรมความสำเร็จการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ และเรื่องราวดีดีจากการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม ตลอด ๑๐ ปีหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐
          วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้จัดงานแถลงข่าว การจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๐ พ.ศ.๒๕๖๐ ณ บริเวณลานหน้าห้องประชุมวายุภักษ์ ชั้น ๕ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธาน คจ.สช. กล่าวว่า สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เป็นเครื่องมือที่ถูกกำหนดไว้ในหมวด ๔ ของพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ เป็นกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วมที่สร้างพื้นที่สาธารณะให้ภาคส่วนต่างๆ ในสังคมไทย เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาและผลักดันนโยบายสาธารณะ ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแสวงหาทางออกร่วมกันบนฐานข้อมูล ความรู้ และปัญญา ด้วยความเท่าเทียมกันของทุกฝ่าย และนำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบายต่อฝ่ายต่างๆ ในสังคม
          นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า การประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๖๐ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐–๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี โดยมี ๔ ระเบียบวาระที่เสนอเข้าสู่การพิจารณาเพื่อพัฒนาข้อเสนอนโยบาย หรือเป็น "ขาขึ้นนโยบาย" ในที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ประกอบด้วย (๑) การส่งเสริมให้คนไทยทุกช่วงวัยมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น (๒) ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด (๓) การพัฒนาพื้นที่เล่นสร้างเสริมสุขภาวะของเด็กปฐมวัยและวัยประถมศึกษา และ (๔) การจัดการขยะมูลฝอยในชุมชนแบบมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้ง ๔ ประเด็นล้วนใกล้ชิดกับสังคมไทย เริ่มจากการจัดการพฤติกรรมเนือยนิ่ง เคลื่อนไหวร่างกายน้อยของคนไทย ที่ส่งผลต่อภาวะอ้วนลงพุงและการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อ ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง มะเร็ง ฯลฯ ในส่วนของเด็กปฐมวัยและเด็กประถมศึกษา ก็พบการขาดแคลนพื้นที่เล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ รวมถึงขาดความปลอดภัยและการจัดการดูแลที่ดีพอ ขณะเดียวกันปัญหายาเสพติดที่แพร่ระบาดก็ต้องการการสานพลังเชิงรุกร่วมกันของทั้งชุมชน สังคมเพื่อสร้างเกราะคุ้มกัน ปราบยาเสพติดในชุมชนด้วยการสร้างความเข้าใจและให้โอกาส และท้ายที่สุดคือประเด็นการจัดการขยะที่เกิดขึ้นถึงปีละกว่า ๒๗ ล้านตัน แต่กำจัดได้เพียง ๒๐ ล้านตัน จึงต้องให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานทุกระดับที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกัน โดยให้ความสำคัญกับแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างวินัยของคนในชาติ มุ่งสู่การจัดการอย่างยั่งยืน
          ด้าน นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการ คจ.สช. กล่าวว่า เนื่องจากปี ๒๕๖๐ ตรงกับวาระครบรอบ ๑๐ ปี การประกาศใช้พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ คจ.สช.จึงกำหนดประเด็นหลักของสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๑๐ นี้ว่า "๑๐ ปี พ.ร.บ. สุขภาพแห่งชาติ สู่สังคมสุขภาวะ" ซึ่งสาระสำคัญของกฎหมายนี้มุ่งให้เกิดกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม ผ่านเครื่องมือและกลไกต่างๆ ที่กำหนดใน พ.ร.บ. โดยยึดหลักการมีส่วนร่วมตามยุทธศาสตร์สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา กล่าวคือ คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของ ๓ ภาคส่วน ได้แก่ ภาควิชาการ เพื่อสร้างความรู้เป็นฐานพัฒนาข้อเสนอนโยบาย ภาคประชาชน ซึ่งรวมทั้งประชาสังคม เอกชน สื่อมวลชนฯ เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวทางสังคม และภาคนโยบาย เพื่อเชื่อมโยง ขับเคลื่อนร่วมกับรัฐและการเมือง ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวทางประชารัฐเพื่อพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนรวมทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ตลอดการทำงานที่ผ่านมาได้มีการสอดแทรกแนวคิด "ทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ" (Health in All Policies) เพื่อให้หน่วยงาน องค์กรต่างๆ สร้างนโยบายโดยคำนึงถึงมิติด้านสุขภาพควบคู่ไปด้วยเสมอ ทั้งนี้เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายสากล คือ การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ซึ่งในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๑๐ จะมีการนำรูปธรรมของการดำเนินงานพัฒนานโยบายสาธารณะผ่านเครื่องมือทุกชนิดตาม พ.ร.บ.สุขภาพฯ มาเผยแพร่และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในลานสมัชชาและนิทรรศการ โดยประชาชนที่สนใจสามารถสมัครร่วมกิจกรรม "สมัชชาพาทัวร์" ภายในงานได้ด้วย
          นพ.พลเดช กล่าวอีกว่า ในทศวรรษต่อไป สช. ซึ่งรับผิดชอบการทำงานตาม พ.ร.บ.สุขภาพมีภารกิจสำคัญ คือ การทำให้ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ได้ทำงานร่วมกัน ซึ่งนับวันจะทวีจำนวนขึ้น ได้เรียนรู้ซึมซับแนวคิดการทำงานแบบ "สานพลัง" (Synergy) คือ การทำงานแบบข้ามภาคส่วน ซึ่งจะทำให้เกิดพลังในการผลักดันนโยบายสาธารณะบนฐานปัญญา นำไปสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงของสังคมในทุกด้าน
          นางทิพย์รัตน์ นพลดารมย์ รองประธานกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน กล่าวถึงความสำเร็จในการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ จากการจัดมาแล้ว ๙ ครั้ง มีมติรวม ๗๓ มติว่า จากการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติของหน่วยงาน ภาคี เครือข่าย ทำให้เกิดรูปธรรมที่สำคัญในหลายลักษณะ ทั้งผลสำเร็จในการประกาศเป็นนโยบายระดับชาติ การมีแผนยุทธศาสตร์ การมีแผนปฏิบัติงานของหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้อง การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน องค์กรต่างๆ รวมไปถึงการเกิดผลเปลี่ยนแปลงถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมาย
          ทั้งนี้ ในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๐ นี้ จะได้นำเสนอและแลกเปลี่ยนความก้าวหน้าและรูปธรรมจากการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่ผ่านมา รวม ๑๕ มติ เช่น มติพระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะ ซึ่งมีมติมหาเถรสมาคมนำไปเข้าสู่แผนงานสาธารณะสงเคราะห์ และกำลังจัดทำเป็น "ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ" มติการควบคุมกลยุทธ์การตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก ที่เป็นพลังร่วมผลักดันให้เกิดพ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.๒๕๖๐ เป็นต้น ทั้งนี้ การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ จะเน้นการเปิดพื้นที่การหารือและการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน องค์กรทุกภาคส่วน โดยใช้ความรู้เป็นฐาน เพื่อขับเคลื่อน "บูรณาการการทำงาน" เรื่องที่ยากและซับซ้อน มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน ซึ่งแตกต่างจากการทำงานของหน่วยราชการตามปกติ และยังเป็นการเสริมพลังการทำงานของทุกฝ่ายด้วย และประชาชนสามารถเข้าร่วมเรียนรู้การขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติได้อีกด้วย

สู่ทศวรรษใหม่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เสนอ ๔ ประเด็นหลัก “เสริมพื้นที่เล่น เน้นกิจกรรมทางกาย ร่วมจัดการขยะ เลิก ละยาเสพติด”

ข่าวสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ+ขับเคลื่อนวันนี้

"อนุทิน" ปลื้ม ! WHO ยกย่องเวที 'สมัชชาสุขภาพไทย' บันทึกเป็น 'ผลงานเด่น' เผยแพร่ทั่วโลก

"อนุทิน" เปิดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ย้ำบทเรียนความสำเร็จคุมโควิด-19 ของไทย เกิดจากบูรณาการทุกภาคส่วน ชี้สงครามโรคครั้งนี้ยังไม่ยุติ จำเป็นต้องเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป ด้านผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ชี้ กระบวนการสมัชชาสุขภาพไทย เป็นกลไกที่ทรงพลัง พร้อมบันทึกเป็น "ผลงานเด่น" ในคู่มือ WHO เผยแพร่ทั่วโลก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และภาคีเครือข่าย ได้จัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 ประจำปี 2563

เวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๑๐ ปิดฉา... สู่ทศวรรษที่สอง 'สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ’ นโยบายสาธารณะเพื่อปฏิรูปสังคมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน — เวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๑๐ ปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ ประกาศ...

พระสงฆ์ทั่วประเทศพร้อมขับเคลื่อนธรรมนูญสุ... รวมพลังเคลื่อน 'ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ’ วางเป้า ๑๐ ปี พระแข็งแรง วัดมั่นคง ชุมชนเป็นสุข — พระสงฆ์ทั่วประเทศพร้อมขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งช...

เปิดฉาก 'สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ' ครั้งที่ ๑... เปิดฉาก 'สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ’ ครั้งที่ ๑๐ หาฉันทมติ ๔ ระเบียบวาระ — เปิดฉาก 'สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ' ครั้งที่ ๑๐ หาฉันทมติ ๔ ระเบียบวาระ 'เพิ่มกิจกรรมทางกา...

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ (ที่2จากซ้าย) หัวหน้... ภาพข่าว: สู่ทศวรรษใหม่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10 — นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ (ที่2จากซ้าย) หัวหน้าผู้ตรวจราชการ กระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการจัดสมัชชาสุ...

เครือข่ายลดบริโภคเค็มและองค์การอนามัยโลก จัดงาน “การประชุมพิจารณามาตรการการควบคุมโซเดียมในอาหาร”

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับ เครือข่ายลดบริโภคเค็มและองค์การอนามัยโลก ได้ร่วมมือกันในการผลักดันการลดการบริโภคโซเดียมตามความมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ในเรื่องการลดบริโภค...