ลอนดอนและนิวยอร์ก--21 ก.ย.--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์
- 75% ของผู้ป่วยเป็นโรคจิตเสื่อมและ 64% ของครอบครัวที่ดูแลผู้ป่วยเชื่อว่ายังมีความสัมพันธ์ในเชิงลบต่อผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคจิตเสื่อมในประเทศของตนเอง
- 40% ของผู้ป่วยเป็นโรคจิตเสื่อมรายงานว่าถูกหลีกเลี่ยงหรือได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไป
- รายงานได้แนะนำ 10 ประเด็นที่สำคัญสำหรับรัฐบาลและสังคมในการยอมรับผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมเข้าร่วมกิจกรรมประจำวัน
รายงาน World Alzheimer Report ฉบับล่าสุดในหัวข้อ: เอาชนะตราบาปจากอัลไซเมอร์ (Overcoming the stigma of dementia) ซึ่งเผยแพร่ในวันนี้โดยสมาพันธ์อัลไซเมอร์สากล (Alzheimer's Disease International—ADI) เปิดเผยว่า เกือบหนึ่งในสี่ของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อม (24%) ซ่อนหรือปกปิดผลการวินิจฉัยโรคของตน โดยอ้างการถูกตราหน้าว่าคือเหตุผลหลักของการปกปิด นอกจากนี้ 40% ของผู้ที่ป่วยโรคจิตเสื่อมรายงานว่าถูกไม่ให้เข้าร่วมในกิจกรรมประจำวัน เรื่องที่น่าตกใจก็คือ เกือบสองในสามของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและที่ผู้ดูแลเชื่อว่ามีการขาดความเข้าใจเกี่ยวกับโรคจิตเสื่อมในประเทศของตน
World Alzheimer Report 2012 นำเสนอคำแนะนำ 10 ประเด็นเพื่อให้รัฐบาลและสังคมเอาชนะการถูกตราหน้า ซึ่งรวมไปถึงการให้การศึกษาแก่สังคมในวงกว้างมากยิ่งขึ้น เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ที่ตอบแบบสอบถามชี้ว่าการศึกษาและการรับรู้ควรได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญก็คือการกระตุ้นให้ผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมแบ่งปันประสบการณ์และเพื่อรับประกันว่าพวกเขาได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมกิจกรรมประจำวัน
นิโคล แบทช์ ผู้จัดทำรายงาน World Alzheimer Report 2012 แสดงความเห็นว่า “การถูกตราหน้ายังคงเป็นอุปสรรคต่อความคืบหน้าในโครงการริเริ่มเกี่ยวกับโรคจิตเสื่อมอีกหลายประการ เช่น การปรับปรุงการดูแลรักษาและส่งเสริมผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและครอบครัวที่ดูแล ตลอดทั้งการให้ทุนวิจัย รายงาน Alzheimer 2012 เปิดเผยว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์และผู้ดูแลรู้สึกว่าถูกสังคมกีดกัน โดยบางครั้งเป็นการกีดกันจากเพื่อนๆ และสมาชิกในครอบครัว สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือ การได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นเดียวกับคนปกติ ด้วยการให้ความสำคัญกับความสามารถของพวกเขาและมองข้ามความผิดปกติ การแก้ปัญหาในประเด็นเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและผู้ดูแล”
มาร์ค วอร์ทมานน์ กรรมการบริหารของ ADI กล่าวว่า “โรคจิตเสื่อมและอัลไซเมอร์ขยายตัวขึ้นในอัตราที่รวดเร็วเนื่องจากประชากรโลกมีอายุสูงขึ้น และโรคนี้มีผลกระทบอย่างมหาศาลต่อครอบครัวของผู้ป่วย ตลอดทั้งผลกระทบต่อระบบสวัสดิการสังคมเนื่องจากก่อให้เกิดต้นทุนทางเศรษฐกิจ หลายประเทศไม่ได้เตรียมความพร้อมและจะยังไม่เตรียมการต่อไปจนกว่าเราจะสามารถเอาชนะการถูกตราหน้าและเพิ่มความพยายามในการค้นหาวิธีรักษาที่ดีขึ้นสำหรับผู้ป่วยโรคจิตเสื่อม ตลอดทั้งวิธีการรักษาในอนาคต”
รายงาน World Alzheimer Report ฉบับล่าสุดเปิดเผยประเด็นต่อไปนี้:
- 24% ของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและกว่าหนึ่งในสิบของผู้ดูแล (11%) ยอมรับว่าได้หลบซ่อนหรือปกปิดผลการวินิจฉัยโรคจิตเสื่อม โดยผู้ตอบแบบสอบถามอายุต่ำกว่า 65 เชื่อว่าพวกเขาอาจเผชิญกับประเด็นพิเศษในที่ทำงานหรือโรงเรียนของลูกๆ
- 40% ของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมรายงานว่าไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมประจำวัน
เกือบ 60% ของตัวเลขดังกล่าวชี้ว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงพวกเขาหรือขาดการติดต่อภายหลังผลการวินิจฉัยโรค ตามมาด้วยสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาเอง
- หนึ่งในสี่ของผู้ดูแล (24%) รู้สึกว่ายังมีความสัมพันธ์ในเชิงลบในประเทศของพวกเขาเกี่ยวกับผู้ดูแลผู้ป่วยโรคจิตเสื่อม ในขณะที่จำนวนที่ใกล้เคียงกัน (28%) รู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างออกไปหรือถูกหลีกเลี่ยง
- ทั้งผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและผู้ดูแลยอมรับว่าพวกเขาได้หยุดสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
- การศึกษา ข้อมูล และ การรับรู้ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเด็นที่มีความสำคัญสูงสุดเพื่อช่วยลดตราบาปของโรคจิตเสื่อม
รายงาน Alzheimer 2012 รวบรวมจากการสำรวจความเห็นจากประชาชน 2,500 คน (ผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและครอบครัว) ในกว่า 50 ประเทศ จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นโรคจิตเสื่อมมากกว่า 50% เพียงเล็กน้อยป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ด้วยและต่ำกว่าครึ่งหนึ่งเพียงเล็กน้อยมีอายุต่ำกว่า 65 ปี วัตถุประสงค์หลักของการสำรวจมีขึ้นเพื่อบันทึกประสบการณ์การถูกตราหน้าส่วนตัวของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและครอบครัวที่ดูแล เพื่อวิเคราะห์ว่า แผนโรคจิตเสื่อมของประเทศมีผลต่อการลดการถูกตราหน้าหรือไม่
โรคจิตเสื่อมได้ทำลายทั้งผู้ป่วย ครอบครัว และ ผู้ดูแล องค์การอนามัยโลก (World Health Organization—WHO) ประเมินว่า มีผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมเกิดขึ้นในทุกๆ 4 วินาที หากพิจารณาถึงจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจมีประชาชนป่วยเป็นโรคจิตเสื่อมทั่วโลกถึง 115 ล้านคนในอีก 40 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเพิ่มภาระในเรื่องสุขภาพและระบบสวัสดิการสังคม ขณะที่มีเพียง 8 ประเทศในบรรดาสมาชิก WHO จากทั้งหมด 193 ประเทศที่มีแผนด้านโรคจิตเสื่อมในระดับประเทศ ซึ่งบ่งชี้ว่ารัฐบาลต้องทำงานมากขึ้น เพื่อช่วยลดต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคม
สามารถชมภาพยนตร์เกี่ยวกับประสบการณ์จากโรคอัลไซเมอร์จากผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วย และผู้ดูแล จากเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และอินเดีย ได้ที่ http://youtu.be/-TC-KDUhBB0 และ http://www.alz.co.uk/
หมายเหตุถึงบรรราธิการ:
ข้อแนะนำต่อประเด็นการถูกตราหน้าอันเนื่องมาจากโรคจิตเสื่อม
1. ให้การศึกษาแก่สาธารณะ
2. ลดการกีดกันผู้ป่วยเป็นโรคจิตเสื่อม
3. รับฟังเสียงของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อม
4. เคารพในสิทธิของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและผู้ดูแล
5. ให้ผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมมีส่วนร่วมในชุมชน
6. สนับสนุนและให้การศึกษาแก่ผู้ดูแลอย่างไม่เป็นทางการและผู้ที่รับจ้างดูแล
7. ปรับปรุงคุณภาพด้านการดูแลที่บ้านและบ้านที่ให้การดูแล
8. ปรับปรุงการฝึกอบรมเกี่ยวกับโรคจิตเสื่อมให้กับแพทย์ที่ทำการรักษาในเบื้องต้น
9. เรียกร้องให้รัฐบาลจัดทำแผนอัลไซเมอร์ในระดับประเทศ
10. เพิ่มการวิจัยวิธีแก้ปัญหาโรคจิตเสื่อม
เกี่ยวกับสมาพันธ์อัลไซเมอร์สากล
ADI เป็นสมาพันธ์ระดับโลกของสมาคมอัลไซเมอร์ 78 สมาคมทั่วโลก ซึ่งมีความผูกพันอย่างเป็นทางการกับองค์การอนามัยโลก ADI มีวิสัยทัศน์ในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคจิตเสื่อมและครอบครัวทั่วโลก ADI เชื่อว่า หัวใจของการเอาชนะในการต่อสู้กับอัลไซเมอร์ขึ้นอยู่กับการผสมผสานในรูปแบบที่แตกต่างระหว่างโซลูชั่นระดับโลกและความรู้ในท้องถิ่น เช่น การประสบความสำเร็จในระดับท้องถิ่น ด้วยการเพิ่มอำนาจให้กับสมาคมอัลไซเมอร์ในด้านการส่งเสริมและนำเสนอวิธีรักษา ตลอดทั้งสนับสนุนผู้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์และผู้ดูแล ในขณะเดียวกันก็มีการดำเนินงานในระดับโลก เพื่อให้ความสำคัญกับโรคอัลไซเมอร์และการรณรงค์เพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายของภาครัฐบาล
รายงาน World Alzheimer Report 2012 ได้รับการเผยแพร่โดย นูทริเชีย แอดวานซ์ เมดิคัล นูทรีชั่น (Nutricia Advance Medical Nutrition) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพของบริษัทผู้ผลิตอาหารดานอน (Danone)
แหล่งข่าว: สมาพันธ์อัลไซเมอร์สากล
ผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 ชีวิตร่วมรณรงค์จัดการกับโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมอื่นๆ ในวารสาร Lancet Neurology ฉบับเดือนเมษายน สมาพันธ์อัลไซเมอร์สากล (Alzheimer's Disease International: ADI) มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ Lancet Neurology Commission ได้อุทิศวารสาร Lancet Neurology ฉบับที่ 15 ประจำเดือนเมษายน ให้กับการนำเสนอภาพรวม ข้อแนะนำ การดูแลรักษา และการวิจัยเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมอื่นๆ ในรายงานหัวข้อ "Defeating Alzheimer's disease and other dementias: a priority for European science
นอนละเมอ ท้องผูกเรื้อรัง มือสั่น ภัยเงียบ "โรคพาร์กินสัน" หนึ่งในกลุ่ม "โรคสมองเสื่อม" ที่พบผู้ป่วยอันดับ 2 รองจาก "โรคอัลไซเมอร์"
—
หลายคนมักมองข้ามอาการ...